ชีวิตมนุษย์ประเสริฐที่สุด


[ 10 ธ.ค. 2554 ] - [ 18303 ] LINE it!

ชีวิตมนุษย์ประเสริฐที่สุด
 
 
 
     การเจริญสมาธิภาวนา เป็นหนทางที่ดีที่สุดที่จะทำให้เกิดความบริสุทธิ์กาย วาจา ใจ  ถ้ามีความบริสุทธิ์มาก บุญกุศลก็เกิดขึ้นมาก ถ้ามีความบริสุทธิ์น้อย บุญกุศลก็ลดหย่อนลงไป ความบริสุทธิ์เป็นบ่อเกิดแห่งความสุข ซึ่งเป็นสิ่งที่สั่งสมได้ ถ้าเราเจริญภาวนาทุกวัน ความบริสุทธิ์ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ยิ่งความบริสุทธิ์เพิ่มมากขึ้น ก็ยิ่งทำให้เข้าถึงความสุขที่แท้จริงได้ในไม่ช้า ความสุขเป็นสิ่งที่ทุกชีวิตปรารถนา และต่างแสวงหาอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นเราควรหมั่นเจริญสมาธิภาวนาเพื่อให้เข้าถึงความเต็มเปี่ยมของชีวิต
 
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท ว่า
 
"กิจฺโฉ มนุสฺสปฏิลาโภ
 
การกลับได้อัตภาพเป็นมนุษย์ เป็นการยาก"
 
     การเกิดเป็นมนุษย์เป็นการยาก ต้องมีกำลังบุญมากพอ จึงจะได้อัตภาพเป็นมนุษย์ ซึ่งเป็นกายที่เหมาะสมต่อการสร้างบารมีมากที่สุด ดังนั้น เราจึงควรใช้ชีวิตที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์นี้อย่างคุ้มค่า ด้วยการดำเนินชีวิตอย่างถูกต้องและสมบูรณ์ การดำเนินชีวิตที่ถูกต้องสมบูรณ์ ต้องดำเนินตามผู้ที่เข้าถึงความเต็มเปี่ยมของชีวิตแล้ว เช่นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลาย หากไม่ได้ฟังพระฟังธรรม โอกาสที่จะประพฤติผิดจากทำนองคลองธรรม ดำเนินชีวิตผิดพลาดมีสูงมาก เสี่ยงต่อการพลัดตกไปสู่อบายภูมิ
 
     * มีเรื่องเล่ากันว่า ในกรุงเวสาลี มีพ่อค้าคนหนึ่งเป็นคนพูดจาไพเราะสุภาพ อ่อนหวาน ชอบสรรเสริญคุณความดีของผู้อื่น และเป็นคนมีน้ำใจงดงาม เมื่อยามฝนตกถนนหนทางเฉอะแฉะ คนเดินผ่านไปผ่านมาก็จะเลอะเทอะเปรอะเปื้อน พ่อค้าจึงนำกะโหลกศีรษะโคที่ขัดสะอาดแล้วมาวางไว้ ให้ผู้ที่สัญจรไปมาได้เหยียบเพื่อเดินข้ามไป
 
     อยู่มาวันหนึ่งเขากับเพื่อนไปเล่นน้ำในแม่น้ำ ขณะที่เพื่อนกำลังเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนานนั้น เขานึกสนุกขึ้นมาจึงแอบเอาผ้าของเพื่อนไปซ่อน หวังจะแกล้งให้เพื่อนขายหน้าเพื่อจะล้อเล่นแล้วจะคืนให้ในภายหลัง และในวันนั้นเอง หลานของเขาไปขโมยของผู้อื่น แล้วเอามาซ่อนไว้ในร้านค้าของเขา เจ้าหน้าที่บ้านเมืองตามมาพบเข้า จึงจับพ่อค้าพร้อมกับหลานชายไปลงโทษ  พระราชารับสั่งให้ราชบุรุษประหารชีวิตพ่อค้าทันที ส่วนหลานชายเนื่องจากยังเป็นผู้เยาว์ จึงให้นำไปเสียบด้วยหลาวประจานที่หน้าประตูพระนคร
 
     เมื่อพ่อค้าเสียชีวิตแล้วไปเกิดเป็นเปรตในเหล่าภุมมเทวา คือเทวดาที่อาคัยอยู่ตามโขดหิน พื้นดิน จอมปลวก มีม้าทิพย์สีขาวบริสุทธิ์ที่มีความเร็วดุจสายฟ้าเป็นพาหนะ ด้วยอานิสงส์ที่เอากะโหลกศีรษะของโคมาวางเป็นทางเดินให้คนได้เหยียบข้ามโคลน และชอบสรรเสริญผู้อื่นจึงมีกลิ่นกายหอมฟุ้งไปทั่ว แต่เพราะไปเเกล้งเพื่อนโดยเอาผ้าไปซ่อน จึงไม่มีผ้าจะนุ่งห่ม
 
     เขาเห็นผลกรรมที่ตนได้กระทำจึงเกิดความสังเวชใจ นึกถึงหลานชาย เห็นหลานของตนเองโดนเสียบหลาวอยู่หน้าประตูเมือง ได้รับความเจ็บปวดทุกข์ทรมานแสนสาหัส เขารู้ว่าถ้าหลานชายตายไปในเวลานี้จะต้องตกนรกแน่นอน เพราะประพฤติผิดศีลขโมยของผู้อื่น จึงไปหาหลานในเวลาเที่ยงคืน บอกกับหลานว่า “เจ้าจงมีชีวิตอยู่ต่อไปเถิด จงอดทนเข้มแข็งไว้ เพราะการมีชีวิตอยู่ เป็นสิ่งประเสริฐที่สุด” เมื่อพูดให้กำลังใจหลานเสร็จแล้วก็จากไป เขากระทำเช่นนี้ทุกวันโดยไม่มีความรู้สึกเบื่อหน่ายแต่อย่างใด
 
     วันหนึ่ง พระราชาเสด็จเลียบพระนคร ทอดพระเนตรเห็นหญิงคนหนึ่งแล้ว ทรงมีพระทัยเสน่หาในหญิงนั้น จึงส่งมหาดเล็กไปสืบดูว่านางมีสามีแล้วหรือยัง มหาดเล็กกลับมากราบทูลว่านางมีสามีแล้ว ทำให้พระองค์รู้สึกกระวนกระวายพระทัย คิดหาวิธีกำจัดสามีของนาง ทรงมีรับสั่งให้นำตัวสามีของนางมาเข้าเฝ้า ให้คอยรับใช้พระองค์ ๒ - ๓ วัน แล้วตรัสว่า “วันรุ่งขึ้นเจ้าจงไปเอาดินสีอรุณและดอกอุบลสีแดง ที่สระโบกขรณีด้านนอกพระนครมาให้เรา และต้องเอามาให้ได้ก่อนที่ประตูพระนครจะปิด ถ้าไม่ได้เจ้าจะต้องตาย”
 
     ชายหนุ่มเมื่อฟังพระราชารับสั่งเช่นนั้น ทราบว่าพระองค์แสร้งหาเหตุเอาชีวิตตน จึงรีบออกเดินทางตั้งแต่เช้ามืดไปยังสระโบกขรณี ซึ่งสระนี้มีอมนุษย์ดูแลรักษาอยู่ เมื่อไปถึงก็เดินรอบๆ สระด้วยความเศร้าสร้อย รำพึงถึงความประสงค์ของพระราชา แต่ไม่กล้าลงไปในสระ เพราะกลัวภัยจากอมนุษย์ ฝ่ายอมนุษย์ทราบแล้วก็เกิดความสงสาร จึงอนุญาตให้เขานำดอกบัวและดินสีอรุณไปได้ตามต้องการ
 
     เขารีบเดินทางกลับเพื่อให้ทันพระอาทิตย์ตกดิน คนเฝ้าประตูเมืองเห็นเขาวิ่งมาแต่ไกลจึงรีบปิดประตูตามพระดำรัสของพระราชาทันที เมื่อประตูเมืองปิดเขาก็เข้าเมืองไม่ได้ ชายหนุ่มไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร จึงไปหาเด็กหนุ่มที่โดนหลาวเสียบอยู่หน้าประตูเมืองเพื่อให้ช่วยเป็นพยานว่า เขาได้มาถึงก่อนพระอาทิตย์ตกดิน เด็กหนุ่มตอบว่า ตนอาจมีชีวิตอยู่อีกไม่นานเท่าไร อาจไม่ทันได้เป็นพยานให้ก็จะต้องตาย แต่ได้แนะนำว่า ในเวลากลางคืนจะมีเปรตตนหนึ่งมาหาตน ให้เปรตตนนั้นเป็นพยานดีกว่า เมื่อชายหนุ่มหมดที่พึ่งจึงต้องทำตามข้อเสนอแนะนั้น แล้วคืนนั้นเปรตก็มาหาหลานอีก เพื่อบอกให้หลานอดทนมีชีวิตอยู่ต่อไป ชายหนุ่มจึงขอร้องให้เปรตช่วยเป็นพยานว่าเขาไม่ผิด
 
     วันรุ่งขึ้น พระราชาจึงรับสั่งให้นำตัวชายหนุ่มไปประหารชีวิต เขาได้อ้อนวอนขอชีวิต แต่พระราชาไม่ทรงผ่อนผัน เขาจึงกราบทูลพระราชาว่า เขามีพยานคือเปรต และในคืนนั้นเขาพาพระราชาไปพิสูจน์ความจริง เมื่อเที่ยงคืนเปรตจึงมาหาหลานอีก และกล่าวถ้อยคำเหมือนเดิมว่า ให้มีชีวิตอยู่ต่อไป ชีวิตมนุษย์เท่านั้นประเสริฐที่สุด
 
     พระราชาเมื่อได้ฟังเช่นนั้น ทรงเกิดความสงสัยว่าที่เปรตพูดนั้นหมายความว่าอย่างไร เปรตจึงกล่าวกับพระราชาว่า “เด็กหนุ่มคนนี้เป็นหลานชาย ไม่อยากให้เขาตกนรกเพราะไปขโมยของ จึงมาให้กำลังใจให้อดทนมีชีวิตอยู่ต่อไป เพราะการตกนรกนั้นมีแต่ความทุกข์ทรมาน ไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อย ความทุกข์ทรมานที่ถูกหลาวแทง ยังดีกว่าความทุกข์ในนรกตั้งร้อยเท่าพันทวี ดังนั้นการมีชีวิตอยู่จึงเป็นสิ่งประเสริฐ”
 
     พระราชาทรงถามถึงบุพกรรมของเปรต เปรตเล่าเรื่องราวให้ฟัง พระราชาทรงรับฟังด้วยความสลดพระทัย เปรตจึงได้กราบทูลว่า "ผู้ใดคิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว มีใจเศร้าหมอง เมื่อกายแตกทำลายไปย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก  ส่วนผู้ใดปรารถนาสุคติ พึงยินดีในทาน ศีล ภาวนา เมื่อละโลกไปแล้วย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์โดยไม่ต้องสงสัย"  พระราชาได้สดับดังนั้นแล้ว เกิดหิริโอตตัปปะขึ้นมา จึงเลิกล้มความคิดที่จะแย่งภรรยาของคนอื่น ทรงตั้งพระทัยมั่นในการทำความดี ละความชั่ว และทรงปกครองแผ่นดินโดยธรรม
 
     เพราะฉะนั้น บาปกรรมแม้เพียงเล็กน้อยอย่าได้ทำ แม้จะเป็นเพียงการล้อเล่นสนุกสนาน หรือเพื่อความสะใจ เพราะมันไม่คุ้มกับการที่จะต้องมาชดใช้กรรมอย่างมากมายมหาศาล ต้องไปเกิดเป็นเปรต เป็นสัตว์นรก ได้รับทุกข์ทรมานตลอดเวลายาวนานเป็นแสนเป็นล้านปี กรรมทุกอย่างที่เราทำแม้เป็นกรรมเพียงเล็กน้อยที่จะไม่ให้ผลเป็นไม่มี แล้วผลกรรมยังติดตามตัวไปทุกภพทุกชาติ ได้โอกาสเมื่อใดก็จะให้ผลทันที ใครทำบาปย่อมได้รับผลคือความทุกข์ ความเดือดร้อนใจ
 
     บาปเป็นสิ่งที่ทำให้ใจเศร้าหมอง ใจไม่บริสุทธิ์ที่ต้องทำบาปเพราะถูกกิเลสบังคับ กิเลสบังคับให้สร้างกรรม กรรมทำให้ได้รับผลคือวิบาก กิเลส กรรม วิบาก ๓ อย่างนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำให้หมดสิ้นไปด้วยการเจริญภาวนาเท่านั้น  เมื่อหมดกิเลสก็หมดกรรม เมื่อหมดกรรมก็ไม่มีวิบาก
 
     เพราะฉะนั้น การปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกายจึงเป็นเป้าหมายของชีวิตมนุษย์ทุกคนในโลก เกิดมาก็เพื่อปฏิบัติให้เข้าถึงกายธรรมอรหัต เข้าถึงได้เมื่อไร กรรมทั้งหลายก็เป็นอโหสิกรรม บาปตามไม่ทัน จิตเกาะกายธรรมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับกายธรรม เมื่อถึงคราวแตกกายทำลายขันธ์ละโลกนี้ไป ย่อมมีสุคติภูมิเป็นที่ไป สามารถเลือกภพภูมิได้ตามใจปรารถนา ดังนั้น เกิดมาชาตินี้ เราต้องตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงกายธรรมกันให้ได้ ชีวิตถึงจะมีคุณค่าสมกับที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ พบพระพุทธศาสนา ให้หมั่นทำภาวนาฝึกใจหยุดใจนิ่งกันตลอดเวลา

พระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
 
* มก. เล่ม ๔๙ หน้า ๔๔๗
  
 



Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
คิดกลับใจก็สายเสียแล้วคิดกลับใจก็สายเสียแล้ว

ทุ สะ นะ โสทุ สะ นะ โส

โทษของการวางเพลิงโทษของการวางเพลิง



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ธรรมะเพื่อประชาชน