จาตุมหาราชิกา


[ 4 พ.ค. 2555 ] - [ 18280 ] LINE it!

จาตุมหาราชิกา
 
 
     สรรพสัตว์ทั้งหลายที่เกิดมา ล้วนมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่ความ เสื่อมสลาย สิ่งที่จะเป็นอนุสรณ์แห่งชีวิตให้อนุชนรุ่นหลังได้อนุโมทนา มีเพียงบุญกุศลและคุณ งามความดีที่ได้สั่งสมเอาไว้อย่างดีแล้วเท่านั้น ดังนั้นเราจึงไม่ควรประมาทในชีวิต ควรใช้วัน เวลาที่มีอยู่อย่างจำกัดนี้ สร้างบารมีให้เต็มที่ หมั่นฝึกฝนอบรมตนเองให้เป็นผู้มีความสมบูรณ์ พร้อม ทั้งกาย วาจา ใจ สั่งสมความบริสุทธิ์และบุญกุศล ซึ่งจะเป็นเพื่อนแท้ในการเดินทางไกล ในสังสารวัฏ เราจะได้เข้าถึงความเต็มเปี่ยมของชีวิต ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน  เข้าถึงเอกันตบรมสุข คือสุขที่คงที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดไป
 
     มี ธรรมสากัจฉาที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตอบคำถามของพระสารีบุตรเถระ ซึ่งปรากฏอยู่ใน ทานสูตร ว่า

     "ดูก่อนสารีบุตร บุคคลบางคนในโลกนี้ ยังมีความหวังให้ทาน มีจิตผูกพันในผลของทาน ให้ทานด้วยคิดว่า เราตายไปจักได้เสวยผลทานนี้ เขาให้ทาน คือ ข้าว น้ำ ผ้า ยาน ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พัก ประทีปและเครื่องบริโภค แก่สมณะ หรือพราหมณ์ ดูก่อนสารีบุตร ในการให้ทานนั้น เมื่อเขาตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของ เทวดาชั้นจาตุมหาราชิกา"
 
     * เส้นทางไปเสวยสุขอยู่ในสุคติสวรรค์แต่ละชั้น จะมีวิธีการไปที่คล้ายๆ กัน คือต้องสั่งสมบุญเป็นหลัก เพราะบุญที่สั่งสมเอาไว้ดีแล้วเท่านั้น จึง จะทำให้ได้สวรรค์สมบัติ แต่ในความแตกต่างก็คือ ขึ้นอยู่กับกำลังบุญ หากใครมีบุญมากก็ได้ ไปสวรรค์ชั้นสูงๆ มีบริวารและวิมานมากมายอีกทั้งประณีตกว่าผู้มีบุญน้อย อายุขัยก็ยืนยาวกว่า ใครสั่งสมบุญมากก็มีความสุขอันเป็นทิพย์มากกว่าผู้สั่งสมบุญไว้น้อย และการจะไปอุบัติใน สวรรค์แต่ละชั้น ยังขึ้นอยู่กับแรงอธิษฐานของผู้ทำบุญด้วย ว่าทำบุญแล้วอยากไปอยู่สวรรค์ชั้น ไหน ถ้าบุญถึงก็ได้ไปอยู่ตามคำอธิษฐานนั้น
 
     ครั้งนี้ หลวง พ่อจะอธิบายถึงสวรรค์ชั้นแรก คือจาตุมหาราชิกา ซึ่งจะเล่าย่อๆ เพราะหากจะเล่ารายละเอียด ของสวรรค์แต่ละชั้น คงใช้เวลามาก เพียงชั่วโมงเดียวหรือวันเดียวคงไม่พอ จะเล่าเท่าที่เวลา อำนวย และเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อพวกเรานักสร้างบารมีทั้งหลาย
 
     สวรรค์ชั้น จาตุมหาราชิกา มีท้าวมหาราช ๔ พระองค์ หรือที่เรียกว่าท้าวจาตุโลกบาล เป็นจอมเทพปกครอง และเนื่องจากทุกองค์ทรงเป็นพุทธศาสนิกชน ทำให้สามารถปกครองเหล่าเทวดา นาค ยักษ์ ครุฑ คนธรรพ์ กุมภัณฑ์ให้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขได้
 
     เทพนครใหญ่ๆ มีอยู่ ๔ แห่ง ทุกแห่งมีกำแพงทองงามอร่าม ประดับไปด้วยแก้ว ๗ ประการ บานประตูกำแพง ทำด้วยแก้วมณี มีปราสาทซึ่งรุ่งเรืองสวยงามอยู่เหนือประตูทุกประตู ภายในเทพนครที่กว้าง ใหญ่ไพศาลนั้น มีปราสาทแก้วมากมายซึ่งเป็นวิมานอันเป็นที่อยู่ของชาวสวรรค์ แผ่นพื้นที่รอง รับก็ไม่เหมือนแผ่นดินในเมืองมนุษย์ แต่เป็นพื้นทองก็มี เงินก็มี ราบเรียบและอ่อนนุ่มยิ่งนัก
 
     เมื่อเหล่า เทวดาเหยียบลงไปนั้นจะอ่อนยุบลง และกลับเต็มขึ้นมาเหมือนเดิม รอยเท้าของชาวสวรรค์จึง ไม่ปรากฏ นอกจากนี้ ยังมีสระโบกขรณีมีนํ้าใสเย็น เต็มไปด้วยปทุมชาตินานาชนิด ส่งกลิ่น หอมตลบอบอวลไปทั่วอาณาบริเวณ เสมือนมีใครเอาน้ำอบน้ำหอมไปพรมไว้ มีดอกไม้นานา พันธุ์สีสันวิจิตรตระการตา และมีต้นไม้สวรรค์ ซึ่งมีผลดกและรสโอชาอย่างยิ่ง เหล่าไม้ดอกไม้ ประดับก็จะออกดอกมีผลอันเป็นทิพย์ ให้ทวยเทพได้เสวยและชื่นชมอยู่ตลอดทุกฤดูกาล
 
     ชีวิตความเป็น อยู่ที่เล่ามานี้ หมายถึงเหล่าเทพชั้นสูง ซึ่งสถิตอยู่ที่จาตุมหาราชิกา ถ้าตํ่ากว่านั้นลงมา ก็มีความ หลากหลายมาก บ้างอยู่รวมกันเป็นเผ่าพันธุ์ของตัว เช่น นาค ยักษ์ ครุฑ คนธรรพ์ วิทยาธร กุมภัณฑ์ เป็นต้น ความเป็นอยู่ของบางกลุ่มก็หยาบลงมาเกือบใกล้ๆ ความเป็นอยู่ของ มนุษย์  นอกจากนี้ ยังมีเหล่าเทวดาชั้นต่ำที่ถือว่ายังเป็นชาวสวรรค์ชั้นนี้อาศัยอยู่ใน สถานที่ต่างๆ เช่น เทวดาบางพวกมีวิมานอยู่บนยอดเขา บางพวกอยู่ที่เงื้อมเขาบรรพต บางพวก มีวิมานอยู่บนอากาศ หรืออยู่บนต้นไม้ ที่เรียกว่าพวกภุมเทวา รุกขเทวา อากาสเทวา มีมากมาย เต็มไปหมด
 
     ทางด้านทิศตะวันออกของสวรรค์ชั้นจาตุมหา ราชิกา มีท้าวธตรฐมหาราชเป็นจอมเทพผู้ปกครอง มีบุญญานุภาพมาก มีรัศมีมาก เทวดาที่อุบัติ เป็นบุตรของพระองค์ก็มีมากมาย ล้วนแต่มีกำลังมาก มีฤทธิ์มีอานุภาพมาก พระองค์ทรงเป็น อธิบดีปกครองทวยเทพในเทพนครด้านทิศบูรพาโดยธรรม
 
     นอกจากจะ ทรงเป็นจอมเทพ ปกครองเทพบริวารในเทพนครทิศบูรพา ดังกล่าวแล้ว ท้าวธตรฐมหาราชยัง ทรงเป็นอธิบดีปกครองหมู่คนธรรพ์ และวิทยาธร คนธรรพ์เป็นเทพพวกหนึ่งซึ่งอยู่ในสวรรค์ ชั้นจาตุมหาราชิกา มีความถนัดในด้านดนตรี ศิลปะ ขับร้อง ฟ้อนรำ และชำนาญในเพลงขับ เป็นพิเศษ มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันในหมู่เทวดาทั้งหลาย เช่น คนธรรพ์เทพบุตรท่านหนึ่งมีนามว่า สุธรรมา ชำนาญในการตีกลองมาก มีกลองประจำตัวชื่อ สุรันธะ เทพบุตรสุธรรมาจะมีความ สามารถตีกลองให้ผู้ฟังได้รับทุกอารมณ์ที่ปรารถนา
 
     เมื่อเทพบุตรตี กลองประสานเสียงกัน จะมีความไพเราะเสนาะโสตมาก ไม่ว่าจะมีเทวสันนิบาตเพื่อความสนุก สนานบันเทิงที่ไหน ก็จะมีหมู่คนธรรพ์ไปร่วมด้วย โดยทำหน้าที่เป็นผู้ขับกล่อม และเริงระบำ รำฟ้อนให้ปวงเทพได้รับความสุขสำราญใจ บางคราวก็มีเทพนารีเข้าร่วมด้วย เป็นการเพิ่ม ความสนุกสนานให้เหล่าเทวดามากยิ่งขึ้น แม้แต่ท้าวสักกเทวราช ซึ่งเป็นจอมเทพในสวรรค์ชั้น ดาวดึงส์ ก็ยังทรงมีพระทัยโปรดปราน ตรัสสั่งให้หมู่คนธรรพ์ไปร่วมงานเทวสันนิบาตเช่นนี้ เสมอ
 
     โดยเฉพาะ ปัญจสิขะคนธรรพ์ ท่านผู้นี้เป็นเทพบุตรสุดโสภา มีรูปกายงดงาม เป็นที่เสน่หารักใคร่ของเหล่า เทพทั้งหลาย ชอบไว้ผมยาว แล้วเกล้าผมเป็นห้าเกล้า ฉะนั้นจึงมีนามว่า ปัญจสิขะ มีฝีมือใน ทางดีดพิณเป็นยอด เป็นที่โปรดปรานของพระอินทร์มาก เมื่อครั้งที่พระบรมศาสดาเสด็จลงมา จากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์นั้น พระพุทธองค์ได้เสด็จลงทางบันไดแก้ว พระอินทร์เสด็จลงทาง บันไดทองด้านขวา บันไดเงินเป็นของพวกพรหม ส่วนปัญจสิขะคนธรรพ์จะนำหน้าถือพิณมีสี เหมือนผิวผลมะตูมสุก คันพิณทำด้วยแก้วอินทนิล สายพิณทำด้วยแก้วประพาฬ ดีดขับร้อง ประสานเสียงด้วยมธุรทิพย์ไพเราะเสนาะโสตมาก
 
     ทางด้านทิศใต้ของสวรรค์ชั้นนี้ มีท้าววิรุฬหก มหาราชเป็นจอมเทพผู้ปกครอง เทพบุตรผู้เป็นโอรสของพระองค์นี้มีกำลังมาก มีฤทธิ์อานุภาพ มียศเป็นอันมาก พระองค์ทรงปกครองเทพบริวารทางด้านทิศใต้ และเป็นอธิบดีของพวก กุมภัณฑ์ซึ่งเป็นกายทิพย์พวกหนึ่ง มีรูปร่างแปลกพิกล คือ มีท้องใหญ่ มีอัณฑะเหมือนหม้อ ฉะนั้นจึงได้นามว่า กุมภัณฑ์ ซึ่งแปลว่า เหล่าสัตว์ที่มีอัณฑะเหมือนหม้อ และพวกครุฑซึ่งมีรูป ร่างแปลกประหลาด คือมีตัวเป็นคน มีมือเหมือนคน แต่มีปากเหมือนนก นอกจากนี้ยังมี สัญลักษณ์พิเศษที่สังเกตได้ง่ายก็คือ มีร่างกายกำยำ และมีท่าทางน่าเกรงขาม อีกทั้งมีปีกและเท้า เหมือนนก เพราะฉะนั้น จึงได้นามว่า ครุฑ
 
     ทางทิศตะวันตก มีท้าววิรูปักษ์มหาราชเป็นจอม เทพ เทพบุตรที่เป็นโอรส ต่างก็มีกำลัง มีฤทธิ์มากทั้งนั้น พระองค์ทรงปกครองเทพบริวารใน ด้านทิศตะวันตก ทั้งยังทรงเป็นอธิบดีของพวกนาคอีกด้วย พวกนาคนี้มีฤทธิ์มาก พิษของนาค จะมีฤทธิ์กล้ามาก สามารถตัดผิวคนได้ภายในพริบตาเหมือนกับคมดาบ ทำให้ถึงแก่ความตายได้ นอกจากนั้นพวกนาคยังสามารถเนรมิตตนได้ หากจะเที่ยวไปในที่ต่างๆ โดยบางคราวก็เป็นงู หรือบางคราวก็แปลงร่างเป็นมาณพหนุ่ม เพื่อเที่ยวไปในป่าหรือสถานที่ต่างๆ ได้อย่างสุขสบาย
 
     ทางด้านทิศเหนือ มีท้าวเวสสวัณมหาราชเป็น จอมเทพผู้ปกครอง หรือที่ทรงเป็นอธิบดีปกครองพวกยักษ์ เหล่ายักษ์ก็มีหลายประเภท ตั้งแต่ ยักษ์บนโลกมนุษย์ ยักษ์ที่มีฤทธิ์น้อย จนถึงมีอานุภาพมาก พระองค์ต้องคอยสำรวจตรวจตรา ความเรียบร้อยของยักษ์เพื่อไม่ให้มาทำร้ายมนุษย์ และไม่ให้ทำร้ายหรือรุกลํ้าเขตแดนของกัน และกัน ถ้ายักษ์ตนไหนทำผิดก็จะถูกลงโทษเหมือนในโลกมนุษย์ ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับยักษ์ นั้น คราวหน้าหลวงพ่อจะเล่าว่ามีกี่ประเภท และมีความเป็นอยู่อย่างไรบ้าง
 
     ขอให้ทุกท่าน หมั่นสั่งสมบุญกันเอาไว้มากๆ เมื่อละโลกไปแล้ว หากปรารถนาจะไปบังเกิดเพื่อเสวยบุญอยู่ สวรรค์ชั้นไหน ก็จะสมหวังดังใจปรารถนา ความสุขและความสมหวังจะเกิดขึ้นได้ ต้องอาศัย บุญอย่างเดียวเท่านั้น ดังนั้นให้หมั่นสั่งสมบุญกันทุกวัน จนกว่าจะถึงวันสุดท้ายของชีวิต

พระธรรมเทศนา โดย: พระเทพญาณมหา มุนี
 
นามเดิม พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)

* ภูมิวิลาสินี (พระพรหมโมลี)  
 



Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
พญานาค ๔ ตระกูลพญานาค ๔ ตระกูล

ยักษ์ประเภทต่างๆยักษ์ประเภทต่างๆ

รุกขธรรมรุกขธรรม



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ธรรมะเพื่อประชาชน