ทศชาติชาดก เรื่องสุวรรณสาม ผู้ยิ่งด้วยเมตตาบารมี ตอนที่ 5


[ 24 ก.พ. 2550 ] - [ 18269 ] LINE it!

 
ทศชาติชาดก
 
เรื่อง  สุวรรณสาม   ผู้ยิ่งด้วยเมตตาบารมี  ตอนที่ 5
 
 
        ตอนที่แล้ว ได้กล่าวถึงหมู่บ้านนายพรานในอดีตกาล 2 หมู่บ้าน ซึ่งอาศัยอยู่ที่สองฟากฝั่งของแม่น้ำ พรานไพรผู้เป็นหัวหน้าหมู่บ้านทั้งสองนั้น เป็นสหายที่รักใคร่กันมาแต่ครั้งยังหนุ่ม    เขาทั้งคู่เคยให้สัญญาต่อกันไว้เมื่อยังหนุ่มว่า ถ้าพวกเรามีครอบครัวและมีลูกแล้ว ถ้าเป็นชายทั้งคู่หรือหญิงทั้งคู่ก็จะพันผูกให้เป็นเพื่อนกัน แต่ถ้าฝ่ายหนึ่งได้ลูกสาว และอีกฝ่ายได้ลูกชาย ก็จะให้ลูกทั้งสองได้แต่งงานกัน

        ซึ่งเมื่อกาลผ่านไป ภรรยาของทั้งสองพรานใหญ่ซึ่งมีครรภ์แก่ได้ให้กำเนิดทารกน้อยพร้อมๆกัน   โดยภรรยาของนายพรานใหญ่ผู้เป็นหัวหน้าหมู่บ้านฟากนี้ ได้คลอดบุตรออกมาเป็นชาย มีผิวพรรณที่ผุดผ่องไร้มลทิน นายพรานใหญ่ได้ตั้งชื่อให้ว่า ทุกูลกุมาร

        ส่วนภรรยาของพรานใหญ่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำก็ได้ให้กำเนิดทารกที่มีผิวพรรณละเอียดอ่อน เป็นเพศหญิง  นายพรานใหญ่และภรรยา ได้ขนานนามให้เธอว่า ปาริกากุมารี  

        ทั้งทุกูลกุมารและปาริกากุมารีนั้น เป็นผู้จุติมาจากพรหมโลก มีใจที่เปี่ยมด้วยเมตตา ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเบียดเบียนชีวิตสัตว์ใดๆ ซึ่งเมื่อทุกูลกุมารอายุได้ 16 ปี  นายพรานใหญ่ก็ได้แจ้งให้บุตรทราบว่า  บัดนี้เจ้าก็โตเป็นหนุ่ม ควรแก่การมีเหย้ามีเรือนได้แล้ว  และพ่อก็ได้หาหญิงสาว ที่สมฐานะของเราเอาไว้ให้เจ้าแล้ว

        เมื่อได้ฟังครั้งแรกๆว่า บิดามารดาได้หาหญิงสาวไว้เพื่อให้แต่งงานกับตน ทุกูลกุมารก็บอกปฏิเสธโดยอาการที่นุ่มนวล แต่เมื่อถูกบิดามารดารบเร้าบ่อยเข้า เขาก็รู้สึกสะอิดสะเอียน จึงใช้มือปิดหูทั้งสองข้างเสีย เพราะไม่ต้องการฟังเรื่องเช่นนั้นอีก

        เพราะเหตุที่ว่า ทุกูลกุมารนั้น ก่อนมาเกิด เขามาจากพรหมโลก เป็นสัตว์บริสุทธิ์ไม่มีความปรารถนาในเรื่องกามราคะ เมื่อได้ยินบิดาพูดเช่นนั้น เขาจึงกล่าวอ้อนวอนว่า “พ่อครับ แม่ครับ  ลูกไม่อยากมีครอบครัว  ได้โปรดอย่าให้ลูกต้องแต่งงานเลย ” 

        ฝ่ายบิดามารดานั้น มิได้ใส่ใจในคำพูดของบุตร ได้กล่าวย้ำบ่อยๆว่า     “ลูกพ่อ  เจ้าคือความหวังที่ต้องสืบต่อตระกูลนายพรานของเรา หากเจ้าไม่แต่งงาน  แล้วตระกูลของเราจะสืบต่ออย่างไร”   แต่ไม่ว่าบิดามารดาจะกล่าวอย่างไร ทุกูลกุมารก็ยังคงตอบปฏิเสธอยู่เช่นเดิม

        ฝ่ายนายพรานใหญ่ที่อยู่อีกฟากฝั่งหนึ่งก็เช่นกัน ได้แจ้งแก่ปาริกาบุตรสาวของตนว่า “ลูกเอย บัดนี้เจ้าก็เติบโตเป็นสาวงามที่ไม่มีใครเทียบเท่า สมควรแก่การมีเหย้ามีเรือนแล้ว เพื่อนรักของพ่อมีบุตรชาย เป็นหนุ่มรูปงามนัก พ่อเห็นว่าคู่ควรแก่เจ้ามากทีเดียว” 

        เพียงได้ยินว่า บิดามารดาจะยกตนให้กับชายหนุ่มเท่านั้น ปาริกาก็เกิดอาการขนลุกขนพอง  จึงรีบบอกปฏิเสธบิดามารดาของตนเช่นกัน

        เพราะเหตุที่ว่า ก่อนมาเกิด นางก็มาจากพรหมโลก ไม่มีความยินดีในเรื่องกามเช่นกัน  นางจึงแจ้งความจำนงกับบิดามารดาว่า “คุณพ่อคุณแม่ ลูกไม่เคยคิดอยากแต่งงานเลย  ลูกจะขออยู่ปรนนิบัติรับใช้คุณพ่อคุณแม่ไปเช่นนี้เจ้าค่ะ”
 
        “ลูกเอย สตรีที่ไร้สามี ก็ไม่ต่างอะไรจากหญิงเปลือยเปล่า แม้จะห่มคลุมร่างกายอย่างดี ด้วยผ้าเนื้อประณีต แต่ก็ยังได้ชื่อว่าเป็นหญิงเปลือยอยู่ดี   เพราะสามีย่อมเป็นเสมือนผ้าห่มคลุมกาย คอยคุ้มครองปกป้องผองภัย ให้ความอบอุ่นทั้งกายและใจแก่เจ้าได้ หากเจ้าไม่เลือกที่จะมีคู่ครอง ใครๆก็อาจข่มเหงรังแกเจ้าได้  เมื่อยามแก่เฒ่า ใครเขาจะเลี้ยงดูเจ้า พ่อกับแม่จะอยู่กับเจ้าอีกก็ไม่นานสักเท่าไร จะดูแลเจ้าตลอดไปอย่างไรได้  เชื่อแม่เถอะลูก แม่ได้เลือกสามีที่ดีไว้ให้แก่เจ้าแล้ว ทัดเทียมกันทั้งฐานะและชาติตระกูล ทั้งยังรูปงาม คู่ควรแก่เจ้านัก” 

        คำขอร้องด้วยความห่วงใยของมารดาแม้จะมีเหตุผล แต่ปาริกาก็ยังยืนกรานปฏิเสธอยู่เช่นเดิมว่า “อย่าให้ลูกต้องแต่งงานเลย ขอให้ลูกได้อยู่ปรนนิบัติพ่อกับแม่ตลอดไปเถอะนะ เมื่อยามแก่เฒ่า หมู่ญาติพี่น้องที่เคยได้พึ่งพาอาศัยกัน ถึงอย่างไรก็คงไม่ทิ้งกันหรอกจ้ะ”

        ถึงลูกสาวจะปฏิเสธอย่างไร บิดามารดาก็มิได้ใส่ใจในคำของลูก ด้วยนึกเสียว่าเป็นคำพูดของเด็กๆ ซึ่งเมื่อพ่อแม่จัดการแต่งงานให้แล้ว ได้มาอยู่ร่วมกันนานเข้า ก็จะรักกันไปเอง

        เมื่อตกลงปลงใจที่จะเกี่ยวดองกันแล้ว หัวหน้านายพรานทั้งสองต่างก็หารือกัน และเลือกวันเวลาที่เหมาะสม เพื่อจัดพิธีอาวาหมงคล ในที่สุดก็ได้วันเวลาที่เหมาะสม    

        กล่าวถึงสองหนุ่มสาว ทุกูล (ทุ กู ละ) และปาริกา เมื่อรู้ว่าวันแต่งงานถูกกำหนดขึ้นแล้ว ก็รู้สึกกระวนกระวายใจ ต่างคิดหาวิธีที่จะระงับการแต่งงานครั้งนี้ให้ได้

        เมื่อมองไม่เห็นหนทางใด ทั้งสองจึงแอบเขียนจดหมายถึงกัน  แล้วให้บริวารของตน นำไปมอบให้กับอีกฝ่าย โดยไม่ให้บิดามารดาของตนได้ล่วงรู้

        ข้อความในจดหมายของทุกูลนั้นได้ขอความเห็นใจจากปาริกาว่า “ปาริกา เราเองนั้นตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยปรารถนาเรื่องการมีคู่ครองเลย  หากเธอต้องการที่จะมีคู่ชีวิต อยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยาล่ะก็ เธอจงไปสู่เรือนของชายอื่นเถิด อย่าเลือกเราเลย”

        ฝ่ายปาริกานั้นก็เช่นกัน ได้ส่งจดหมายไปถึงทุกูล โดยมีใจความคล้ายคลึงกันว่า “ท่านทุกูล ดิฉันผู้มีนามว่า ปาริกา  ไม่เคยคิดที่จะครองเรือนร่วมกับบุรุษใด หากท่านมีความต้องการด้วยเมถุนธรรม โปรดจงเลือกหญิงอื่นเถิด อย่าแต่งงานกับดิฉันเลย” 

        เมื่อต่างฝ่ายต่างได้รับจดหมายของอีกฝ่าย  ทั้งคู่อ่านข้อความในจดหมายแล้วก็เข้าใจความรู้สึกของกันและกัน จึงกล่าวทัดทานบิดามารดาโดยยกเหตุผลต่างๆ ขึ้นอ้าง แต่บิดามารดาของทั้งสองฝ่ายก็ยังคงมั่นหมายที่จะให้มีพิธีแต่งงานเช่นเดิม     ซึ่งต่อมาไม่นานวันงานก็มาถึง พิธีอาวาหมงคลของทั้งสองได้ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สมฐานะ ท่ามกลางความปรีดาปราโมทย์ของญาติมิตรทั้งสองฝ่าย

        แม้ทั้งสองจะเป็นคู่บ่าวสาวที่สมกันราวกิ่งทองใบหยก บิดามารดาและญาติมิตรต่างเฝ้ารอว่าทั้งสองจะให้กำเนิดทายาทในเร็ววัน แต่หลังจากที่แต่งงานกันแล้ว ทั้งทุกูลและปาริกา มิได้อยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยาทั่วไป ไม่เคยข้องเกี่ยวในเรื่องประเวณีเลย

        แม้จะอยู่ในห้องเดียวกัน นอนร่วมบนเตียงเดียวกัน แต่ทั้งคู่อยู่ร่วมกันฉันพี่น้อง ประหนึ่งมหาพรหมผู้มีพรหมจรรย์อันบริสุทธิ์สององค์อยู่ร่วมกันฉะนั้น
 

        เมื่อพิธีอาวาหมงคลผ่านไปแล้ว นายพรานใหญ่ผู้เป็นบิดาของทุกูล ได้เคี่ยวเข็ญให้ชายหนุ่มร่ำเรียนวิชานายพราน เพื่อจะได้หาเลี้ยงครอบครัวและสืบต่อตระกูลนายพรานต่อจากตน
 
 
        แต่อัธยาศัยของชายหนุ่ม มิได้เป็นเยี่ยงพรานไพร เขาไม่มีอัธยาศัยในการฆ่าเลย แม้เนื้อทั้งหลายที่บิดาจับมาขังเอาไว้เพื่อฆ่าและขาย เมื่อมีคนมาขอซื้อเนื้อเหล่านั้น ทุกูลกลับปฏิเสธที่จะขายมัน เพราะรู้แน่แก่ใจว่า หากขายเนื้อตัวไหนไป มันก็คงไม่พ้นถูกฆ่าเป็นอาหารอย่างแน่นอน

28.     วันหนึ่ง นายพรานใหญ่จึงพูดกับบุตรชายของตนว่า “ทุกูล เจ้าเกิดในตระกูลของหัวหน้าพรานป่า   เจ้าก็ต้องเป็นนายพรานผู้เก่งกล้าจึงจะถูก แต่เจ้ากลับขลาดกลัว แม้มดตัวเล็กๆ เจ้าก็ยังไม่กล้าฆ่า แล้วเจ้าจะครองเรือนได้อย่างไร” คำพูดของบิดานั้นมีเหตุผล แต่ทุกูลเมื่อได้ฟังแล้วจะโต้ตอบอย่างไรนั้น โปรดติดตามตอนต่อไป
 
โดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์  (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ทศชาติชาดก เรื่องสุวรรณสาม ผู้ยิ่งด้วยเมตตาบารมี ตอนที่ 6ทศชาติชาดก เรื่องสุวรรณสาม ผู้ยิ่งด้วยเมตตาบารมี ตอนที่ 6

ทศชาติชาดก เรื่องสุวรรณสาม ผู้ยิ่งด้วยเมตตาบารมี ตอนที่ 7ทศชาติชาดก เรื่องสุวรรณสาม ผู้ยิ่งด้วยเมตตาบารมี ตอนที่ 7

ทศชาติชาดก เรื่องสุวรรณสาม ผู้ยิ่งด้วยเมตตาบารมี ตอนที่ 8ทศชาติชาดก เรื่องสุวรรณสาม ผู้ยิ่งด้วยเมตตาบารมี ตอนที่ 8



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ทศชาติชาดก