แสวงจุดร่วม สมานจุดต่าง


[ 2 ส.ค. 2555 ] - [ 18277 ] LINE it!

แสวงจุดร่วม สมานจุดต่าง
 
 
 
     การสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นแก่โลกไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ เพราะธรรมกายมีอยู่แล้วในตัวของมนุษย์ทุกคนในโลก โดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนาและเผ่าพันธุ์ ขึ้นชื่อว่าเป็นมนุษย์ ทุกคนสามารถเข้าถึงธรรมกายได้ทั้งนั้น ด้วยการฝึกฝนใจให้หยุดนิ่ง ณ ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗  เมื่อเข้าถึงธรรมกายแล้ว ความสุข ความบริสุทธิ์ ความเบิกบานที่เกิดขึ้นจากการเข้าถึงธรรมกายภายในของเราแต่ละคน จะแผ่ขยายออกไป กลั่นบรรยากาศและทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว ให้สะอาดบริสุทธิ์ขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งแผ่คลุมไปทั่วโลก แล้วในไม่ช้า โลกทั้งโลกจะเข้าถึงสันติสุขที่แท้จริง
 
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ขุททกนิกาย จริยาปิฎก ว่า
 
                            “วิวาทํ ภยโต ทิสฺวา    อวิวาทญฺจ เขมโต
                             สมคฺคา สขิลา โหถ    เอสา พุทฺธานุสาสนี
 
     ท่านทั้งหลายจงเห็นการทะเลาะวิวาทโดยความเป็นภัย เห็นความไม่วิวาทโดยความเป็นธรรมอันเกษม จงเป็นผู้พร้อมเพรียงกัน มีความประนีประนอมกันเถิด นี้เป็นพุทธานุสาสนี”
 
     สันติภาพของโลกจะบังเกิดขึ้นได้ ถ้าทุกคนมีความเข้าใจกัน คิด พูด ทำในสิ่งที่ดีๆ เหมือนกัน แสวงจุดร่วมสมานนจุดต่าง ไม่เพ่งโทษกัน แต่มีความรักปรารถนาดี และพร้อมที่จะอภัยต่อกันเสมอ ถ้าหากทุกคนรวมใจเป็นหนึ่งเดียว มีความสามัคคีกลมเกลียวกัน ลด ละ เลิกทิฐิมานะ ที่ก่อให้เกิดความแตกแยกกัน เราจะได้รับความสุขในชีวิต แล้วโลกจะก้าวไปสู่สันติสุขอันเกิดจากสามัคคีธรรม ที่ทุกคนมีใจหยุดนิ่งเหมือนกัน
 
     พระพุทธองค์ทรงชี้โทษของการทะเลาะวิวาท ว่าเป็นทางมาแห่งความหายนะ เป็นการทำลายชีวิตและทรัพย์สิน แล้วทรงชี้ประโยชน์ของความไม่วิวาทกัน ว่าเป็นธรรมนำมาซึ่งสันติสุขอันไพบูลย์ ดังเช่นในสมัยพุทธกาลที่พระประยูรญาติของพระองค์ เกิดการทะเลาะวิวาทกันขึ้น สาเหตุเนื่องจากแย่งน้ำในแม่น้ำโรหิณี เรื่องมีอยู่ว่า
 
     * ตระกูลศากยวงศ์และโกลิยวงศ์ซึ่งเป็นพระญาติกัน ต่างสร้างทำนบกั้นน้ำในแม่น้ำโรหิณี เพื่อใช้ในการเพาะปลูก เพราะสมัยนั้นอาชีพหลักของชาวเมืองคือเกษตรกรรม มีการทำไร่ ทำสวน จึงจำเป็นต้องใช้น้ำมาก แต่เนื่องจากในปีนั้น เกิดภาวะแห้งแล้ง ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล ทำให้ข้าวกล้าที่หว่านไว้เสียหาย
 
     เมื่อเห็นว่าข้าวกล้าเริ่มเหี่ยวเฉาตายไป  ชาวนาฝ่ายโกลิยวงศ์จึงปรึกษาหารือกันว่า “น้ำในแม่น้ำในโรหิณีนี้ ถ้าหากต้องแบ่งปันให้กับอีกฝั่งหนึ่งด้วย จะทำให้ปริมาณน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการ ข้าวกล้าของพวกเราจะเจริญงอกงาม ออกดอกออกรวง ให้ผลผลิตที่ดี ต้องได้น้ำในแม่น้ำทั้งหมด”
 
     ฝ่ายชาวนาทางกรุงกบิลพัสดุ์ได้แย้งขึ้นว่า “ข้าวกล้าของพวกเราจะได้ผลผลิตที่ดี หากได้น้ำทั้งหมดเหมือนกัน เฉพาะปีนี้ ขอพวกท่านจงให้น้ำทั้งหมดแก่พวกเราเถิด” ต่างฝ่ายต่างก็อยากได้น้ำ มิฉะนั้นข้าวกล้าก็ต้องเสียหาย ไม่มีฝ่ายใดยอมเสียสละ เมื่อตกลงกันไม่ได้ จึงกลายเป็นการทะเลาะโต้แย้งกันอย่างรุนแรง
 
     การโต้แย้งได้ลุกลามเป็นวงกว้างออกไป จนกลายเป็นการพูดจาพาดพิงไปถึงชาติตระกูล ทำให้เกิดความไม่พอใจกันมากยิ่งขึ้น พวกชาวนาฝ่ายโกลิยนครก็กล่าวเยาะเย้ยศากยวงศ์ว่า “ต้นตระกูลของพวกท่านไม่มีความละอาย แต่งงานระหว่างญาติด้วยกันเองเสมือนสุนัขจิ้งจอก หรือสัตว์เดียรัจฉาน ช่างน่าอับอายจริงหนอ”
 
     ชาวนาฝ่ายศากยวงศ์ก็โต้ตอบอย่างรุนแรง โดยพาดพิงไปถึงต้นตระกูลโกลิยวงศ์ว่า “ต้นตระกูลของพวกท่านเป็นโรคเรื้อนเต็มตัว ต้องถูกขับไล่ไปอยู่ในป่าเหมือนคนอนาถาไม่มีที่ไป เป็นดังสัตว์เดียรัจฉาน น่าหดหู่จริงหนอ” แล้วชาวนาทั้งสองฝ่ายต่างเล่าเรื่องที่ตนเองถูกดูหมิ่นให้พวกอำมาตย์ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เมื่อเรื่องได้ยินไปถึงราชตระกูล ยิ่งก่อให้เกิดความร้าวฉานมากขึ้น ต่างฝ่ายต่างไม่พอใจที่ถูกลบหลู่ถึงขนาดนี้
 
     ทั้งสองฝ่ายจึงตระเตรียมกองทหารเพื่อออกรบ ได้มาประจันหน้ากันที่ชายฝั่งแม่น้ำโรหิณี พร้อมที่จะประหัตประหารกัน ในขณะนั้นเองพระบรมศาสดาทรงทราบว่า พระประยูรญาติของพระองค์กำลังจะเข่นฆ่ากันด้วยเรื่องไร้สาระ เพราะถูกอวิชชาครอบงำดวงจิต คิดแต่จะรบกับคนภายนอก โดยไม่ได้มุ่งที่จะรบกับกิเลสภายใน พระองค์จึงเสด็จมาห้ามทัพ
 
     เมื่อเสด็จมาถึง พระบรมศาสดาทรงประทับนั่งขัดสมาธิคู้บัลลังก์ ลอยอยู่กลางอากาศระหว่างแม่น้ำโรหิณี ทรงเปล่งฉัพพรรณรังสีสว่างไสวไปทั่วอาณาบริเวณ ทำให้เหล่าทหารและชาวพระนครทั้งสองฝ่าย เกิดความเลื่อมใสในพุทธานุภาพ มีจิตอ่อนโยนลง ต่างฝ่ายต่างคิดเหมือนกันว่า พระบรมศาสดาผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ เป็นพระญาติของพวกเรา พระองค์เสด็จมาเพื่อห้ามความบาดหมางของพวกเรา พวกเราได้ชื่อว่าเป็นญาติของบุคคลผู้เลิศในโลก ไม่สมควรที่จะทำลายล้างสัตว์อื่นเลย”
 
     ทั้งสองฝ่ายจึงตัดสินใจทิ้งอาวุธ แล้วนั่งลงถวายบังคมพระบรมศาสดา พระองค์จึงตรัสถามพระราชาทั้งสองเมืองว่า “ดูก่อนมหาบพิตร พระองค์เสด็จมาทำสงครามกันเพราะอะไร” พระราชาทูลว่า “พวกข้าพระองค์อาศัยน้ำเป็นเหตุ จึงทำสงครามกัน” พระบรมศาสดาตรัสถามต่อว่า “มหาบพิตร น้ำมีค่ามากหรือ” กษัตริย์ทั้ง ๒ ฝ่ายทูลว่า “มีค่าน้อยพระเจ้าข้า” พระองค์ตรัสถามต่ออีกว่า “กษัตริย์ทั้งหลายมีค่าหรือ”  พระราชาทูลตอบว่า “ธรรมดา กษัตริย์ทั้งหลายย่อมมีค่าประมาณมิได้”
 
     พระบรมศาสดาจึงทรงให้ข้อคิดว่า “ดูก่อนมหาบพิตร พระองค์จะทำให้ขัตติยวงศ์ที่มีค่ามาก ต้องมาพังพินาศไปเพียงเพราะสิ่งที่มีค่าแค่เล็กน้อยทำไม การไม่พิจารณาให้ดี จะทำให้การทะเลาะกันนี้ ติดตัวข้ามภพข้ามชาติไปถึงหนึ่งกัป เหมือนกากับนกเค้าทีเดียว" จากนั้นพระองค์ทรงแสดงโทษของการทะเลาะวิวาทให้พระราชา และหมู่พระญาติฟังอีก
 
     ครั้นพระราชาทั้ง ๒ เมืองสดับพระธรรมเทศนาแล้ว ต่างได้สำนึกว่า “นี่ถ้าพระบรมศาสดาไม่เสด็จมา พวกเราทั้งหมดคงต้องใช้อาวุธประหัตประหารกัน ทำให้เลือดต้องไหลนอง เหมือนน้ำในแม่น้ำโรหิณีนี้แน่นอน พวกเราทั้งหมดได้ชีวิตใหม่ อีกทั้งได้ความสมัครสมานสามัคคีกันอีก เพราะอาศัยพระพุทธองค์ผู้เป็นพระญาติของเราแท้ๆ” แล้วทั้ง ๒ ฝ่ายก็แบ่งปันน้ำกันเพื่อใช้ในการเพาะปลูก กลับมาเป็นญาติที่มีความสามัคคีกันดังเดิม
 
     เราจะเห็นว่า สงครามการทำลายล้างกัน ส่วนใหญ่มักเกิดจากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหมือนไม้ขีดก้านเดียวสามารถเผาป่าได้ทั้งป่า พระพุทธองค์จึงตรัสว่า "สุขา สงฺฆสฺส สามคฺคี ความสามัคคีของหมู่ให้เกิดสุข" คือทรงสอนให้เปลี่ยนจากความแตกแยกมาเป็นสมัครสมานสามัคคีกัน พระองค์จึงทรงเป็นตัวอย่างของนักการทูตเอกในโลก ที่ทำให้สรรพสัตว์เปลี่ยนจากการแก่งแย่งมาเป็นผู้ให้ อย่างไม่มีใครเปรียบได้
 
     สันติภาพของโลกจะบังเกิดขึ้นได้ ต้องเริ่มจากสันติสุขภายใน ผู้ปรารถนาจะให้โลกนี้มีความสามัคคีกัน ปราศจากการรบราฆ่าฟัน ต้องเริ่มจากจุดนี้นี่แหละ คือหันกลับมาทำใจหยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกาย ซึ่งเป็นศูนย์รวมแห่งความบริสุทธิ์ เป็นจุดเริ่มต้นแห่งสันติภาพ แล้วพลังมวลแห่งความบริสุทธิ์ของใจ จะแผ่ขยายออกไป ทำบรรยากาศโลกให้ร่มเย็นเป็นอัศจรรย์ทีเดียว
 
     เพราะฉะนั้น จะทำภารกิจอยู่ที่ไหนก็ตาม อย่าละเลยการทำใจให้หยุดนิ่งกันทุกคน


พระธรรมเทศนาโดย: พระเทพญาณมหามุนี
 
นามเดิม พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
 
* มก. เล่ม ๒๔ หน้า ๒๐๒


 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
อย่าโกรธกันเลยอย่าโกรธกันเลย

ผู้นำประโยชน์สุขมาให้แก่ชาวโลกผู้นำประโยชน์สุขมาให้แก่ชาวโลก

ความปรารถนาของบัณฑิตความปรารถนาของบัณฑิต



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ธรรมะเพื่อประชาชน