ปรโลกนิวส์ ตอน ชีวิตหลังความตายของโยมพ่อทองเจือ แพน้อย


[ 30 ส.ค. 2555 ] - [ 18269 ] LINE it!

ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ.2555
ปรโลกนิวส์ ตอน
ชีวิตหลังความตายของโยมพ่อทองเจือ แพน้อย
 
 
ปรโลกนิวส์ ตอน ชีวิตหลังความตายของโยมพ่อทองเจือ แพน้อย
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
 
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1 ที
แล้วนำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ  
 
 
คำถามข้อที่ 1. ตอนนี้โยมพ่อทองเจือ แพน้อยอยู่ที่ไหน
 
อาการของท่านในช่วงสุดท้าย คล้ายๆ กับคนหมดสติหรือหลับลึกมากๆ 
 
อาการของท่านในช่วงสุดท้าย คล้ายๆ กับคนหมดสติหรือหลับลึกมากๆ
 
         คำตอบ.....ในช่วงท้ายๆ ก่อนที่โยมพ่อของลูกจะเสียชีวิต สมองของท่านแทบจะไม่มีอาการตอบสนองหรือรับรู้ในสิ่งใดเลย พูดง่ายๆ ว่าอาการของท่านในช่วงสุดท้าย คล้ายๆ กับคนหมดสติหรือหลับลึกมากๆ  ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ภาพกรรมนิมิตทั้งฝ่ายที่เป็นกุศลและอกุศลในช่วงศึกชิงภพของท่านไม่ชัดเจน เมื่อไม่ชัดเจน คตินิมิตก่อนตายของท่านจึงไม่ถึงกับใสมาก แล้วก็ไม่ถึงกับหมอง คือ ความผ่องใสของใจจะไม่ใสสว่างเหมือนอย่างกับเคสลูกพระธัมฯ พันธุ์แท้ ที่สามารถนึกถึงบุญก่อนเสียชีวิตได้อย่างชัดเจน
 
ท่านก็ได้มองเห็นลูกๆ ที่กำลังยืนอยู่ข้างๆ ร่างอันไร้วิญญาณของท่าน 
 
ท่านได้มองเห็นลูกๆ ที่กำลังยืนอยู่ข้างๆ ร่างอันไร้วิญญาณของท่าน
 
        เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้ในช่วงแรกๆ ที่กายละเอียดของท่านหลุดออกมาจากกายหยาบใหม่ๆ  กายละเอียดของท่านจึงอยู่ในอาการมึนๆ งงๆ คล้ายๆ กับคนที่เพิ่งฟื้นหลังจากสลบไปหลายวัน แต่พอสติเริ่มกลับมา ซึ่งใช้เวลาไม่นานนัก  ท่านก็ได้เหลือบมองไปรอบๆ ห้องอย่างช้าๆ  ทันใดนั้นเอง ท่านก็ได้มองเห็นลูกๆ ที่กำลังยืนอยู่ข้างๆ ร่างอันไร้วิญญาณของท่าน ซึ่งกำลังนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงคนป่วย  ในแว๊บ แรกที่ท่านมองเห็นร่างของตัวเอง  ท่านก็ยังรู้สึกสับสนจนทำให้นึกเข้าข้างตัวเองว่าท่านคงกำลังฝันไป  แต่เมื่อสติของท่านเริ่มกลับมามากขึ้นในระหว่างนั้น  ด้วยพื้นฐานความรู้ทางพระพุทธศาสนาที่ตัวท่านพอมีอยู่บ้างในระดับหนึ่ง ซึ่งก็ไม่ถึงกับลึกซึ้งอะไรมากนัก  ประมาณว่ามีความรู้ความเข้าใจเหมือนกับชาวพุทธทั่วๆ ไปที่ชอบเข้าวัดทำบุญ คือรู้เพียงแค่ว่าการทำบุญเป็นสิ่งที่ดีและเป็นสิ่งที่ชาวพุทธทุกคนควรกระทำ แต่ถึงกระนั้นท่านก็ยังไม่รู้ซึ้งถึงเป้าหมายที่แท้จริงของการสร้างบารมีว่าคืออะไร และจะต้องทำอย่างไร ดังนั้น ท่านจึงได้ฉุกคิดและเริ่มรู้ตัวว่านี่คงไม่ใช่ความฝันแต่มันคือความจริง
 
กายละเอียดพยายามเข้าไปนอนทับกายหยาบซ้ำๆ อยู่หลายครั้ง  เพื่อหวังว่าจะมีโอกาสได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
 
กายละเอียดพยายามเข้าไปนอนทับกายหยาบซ้ำๆ อยู่หลายครั้ง 
เพื่อหวังว่าจะมีโอกาสได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

       เมื่อท่านเริ่มเอะใจและเริ่มรู้ตัวว่าตัวเองเสียชีวิตลงไปแล้ว ความรู้สึกหวาดกลัวและวิตกกังวลก็ได้เข้ามาเกาะกินอยู่ภายในใจของท่านในทันที เพราะในตอนนั้นท่านไม่รู้เลยว่า “ เหตุการณ์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร   แล้วจะมีอะไรเกิดขึ้นกับตัวท่านบ้าง ”  ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ในช่วงที่เจ้าหน้าที่ของทางโรงพยาบาลกำลังกรูเข้ามาเช็คกายหยาบ หรือร่างอันไร้วิญญาณของท่าน  กายละเอียดของท่านจึงพยายามเข้าไปนอนทับกายหยาบซ้ำๆ อยู่หลายครั้ง  เพื่อหวังว่า “ ตัวเองจะมีโอกาสได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ”  สำหรับวิธีการดังกล่าว แม้จะไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้องสำหรับผู้ที่กำลังเผชิญชีวิตหลังความตาย  แต่ก็ถือเป็นวิธีการเดียวที่ท่านคิดออกได้ในตอนนั้น
 
สุดท้ายกายละเอียดก็ไม่สามารถสวมซ้อนหรือเข้าไปบังคับกายหยาบได้เลย  

สุดท้ายกายละเอียดก็ไม่สามารถสวมซ้อนหรือเข้าไปบังคับกายหยาบได้เลย

        แต่ไม่ว่ากายละเอียดของท่านจะพยายามนอนทับกายหยาบ อยู่หลายครั้งแล้วก็ตาม ด้วยอาการผุดลุกผุดนั่ง สุดท้ายกายละเอียดของท่านก็ไม่สามารถสวมซ้อนหรือเข้าไปบังคับกายหยาบของท่านได้เลย เพราะทุก ครั้งที่กายละเอียดของท่านลุกขึ้นนั่งพร้อมกับเอี้ยวตัวหันไปมองดูกายหยาบ  ท่านก็จะเห็นกายหยาบของตัวเองนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยเหมือนอย่างเดิมตลอด ซึ่งสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของท่านนั้น ก็ทำให้ท่านรู้สึกงงและสับสนอยู่ภายในใจว่า “ทำไมท่านถึงเข้าไปในร่างของตัวเองไม่ได้ ”  เมื่อท่านพยามยามจนถึงที่สุดแล้ว ท่านจึงได้พบกับคำตอบด้วยตัวของท่านเองว่าสิ่งที่ท่านกำลังทำอยู่นี้ คงไม่สามารถช่วยทำให้ท่านฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้อย่างแน่นอน    
 
กายละเอียดได้แต่วนๆ เวียนๆอยู่ภายในโรงพยาบาล  

กายละเอียดได้แต่วนๆ เวียนๆอยู่ภายในโรงพยาบาล

        เมื่อท่านเข้าใจความเป็นจริงเช่นนี้ กายละเอียดของท่านจึงได้แว๊บ ออกมายืนอยู่บริเวณด้านข้างเตียง    พร้อมกับครุ่นคิดและนึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ แต่เมื่อท่านพยายามใช้ความคิด ก็ไม่พบกับคำตอบที่ว่าเหตุการณ์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ตัวท่านจะต้องไปที่ไหน แล้วท่านจะทำตัวอย่างไรหลังจากนี้ จึงทำให้ความหวาดกลัวและความวิตกกังวลที่มีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว  ก็ได้ทับทวีเพิ่มปริมาณมากขึ้นกว่าในช่วงแรกๆ  ดังนั้น ในช่วงที่ลูกๆ ของท่านกำลังจัดการเรื่องศพของท่านอยู่ที่โรงพยาบาล  กายละเอียดของท่านจึงได้แต่วนๆ เวียนๆ และเดินตามลูกๆ ของท่านอยู่ภายในโรงพยาบาลด้วยความวิตกกังวล    
 
เมื่อรู้สึกคิดถึงบ้านกายละเอียดจึงได้แว๊บกลับไปอยู่ที่บ้านในทันที
 
เมื่อรู้สึกคิดถึงบ้านกายละเอียดจึงได้แว๊บกลับไปอยู่ที่บ้านในทันที  

 
       ในบางช่วงกายละเอียดของท่านก็พยายามที่จะสื่อสารกับลูกๆ และคนรอบข้าง ด้วยการเข้าไปจับมือถือแขน แต่ก็เกิดอาการวืด คือจับไม่ติด เพราะฉะนั้นถ้าหากวันหนึ่งที่เราจับใครไม่ติดมือ ให้พึงรู้ว่า คุณนั้นตายไปแล้วหรือในบางครั้งกายละเอียดของท่านก็จะไปยืนอยู่ข้างหน้าลูกๆ   พร้อมกับพยายามสื่อสารออกมาเป็นคำพูดให้ทุกๆ คนได้รับรู้ว่าท่านอยู่ตรงนี้  แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครรับรู้ในอากัปกริยาที่ท่านกำลังแสดงออกหรือในสิ่งที่ท่านกำลังสื่อสารได้เลย  เมื่อท่านพยายามทำทุกวิถีทางแต่ก็ไม่เป็นผลแล้ว ท่านจึงรู้สึกคิดถึงบ้านและรู้สึกอยากกลับบ้านขึ้นมาอย่างจับจิตจับใจ ด้วยเหตุนี้กายละเอียดของท่านจึงได้แว๊บกลับไปอยู่ที่บ้านในทันที 
 
 เมื่อรู้สึกคิดถึงบ้านกายละเอียดจึงได้แว๊บกลับไปอยู่ที่บ้านในทันที
 
เมื่อรู้สึกคิดถึงบ้านกายละเอียดจึงได้แว๊บกลับไปอยู่ที่บ้านในทันที  
 
    เมื่อกายละเอียดของท่านได้แว๊บกลับไปอยู่ที่บ้านแล้ว  ท่านก็ได้เดินไปดูรอบๆ บ้านว่ามีใครอยู่บ้าง  ถ้าหากพบเจอกับใคร ท่านก็จะพยายามสื่อสารให้ทุกๆ คนได้พบเจอรับรู้ว่า “ ท่านอยู่ที่นี่ ”  แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครสามารถรับรู้และรับทราบในสิ่งที่ท่านพยายามสื่อสารได้เลยแม้แต่คนเดียว หลังจากนั้นท่านก็จะวนเวียน อยู่ในบริเวณที่ท่านคุ้นเคยในสมัยที่ยังมีชีวิต ซึ่งก็มีอยู่บ่อยครั้งที่กายละเอียดของท่านจะไปวนเวียนอยู่แถวบริเวณห้องพระ เพื่อเข้าไปสักการะและนั่งมองดูพระพุทธรูปที่ตัวท่านกราบไหว้บูชาตอนสมัยที่ยังมีชีวิต    ในทุกๆ ครั้งที่ท่านเข้ามาในห้องพระและได้มองเห็นพระพุทธรูป  ใจของท่านก็จะรู้สึกชุ่มชื่น ชุ่มเย็น และรู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก   
 
เมื่อสติของท่านได้กลับมาอย่างสมบูรณ์จึงเริ่มรู้สึกคุ้นชินกับสภาพชีวิตที่กำลังเผชิญอยู่
 
เมื่อสติของท่านได้กลับมาอย่างสมบูรณ์จึงเริ่มรู้สึกคุ้นชินกับสภาพชีวิตที่กำลังเผชิญอยู่
 
         และเมื่อเวลาผ่านไปได้สักพักใหญ่ๆ ด้วยความที่โยมพ่อของลูกพอมีความรู้ทางพระพุทธศาสนาอยู่บ้าง    และรู้ว่าไม่มีใครหลีกหนีความตายได้พ้น ท่านจึงพอทำใจได้ในระดับหนึ่งและก็ตั้งสติได้มากขึ้น ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ความรู้สึกหวาดกลัวและความวิตกกังวลในช่วงแรกๆ ได้ลดปริมาณลงไปเรื่อยๆ  จนสุดท้าย เมื่อสติของท่านได้กลับมาอย่างสมบูรณ์  ท่านจึงเริ่มรู้สึกคุ้นชินกับสภาพชีวิตหลังความตายที่ตัวท่านกำลังเผชิญอยู่ได้  
 
ในงานบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรม ท่านออกมายืนอยู่รอต้อนรับคณะญาติมิตรที่เดินทางมาร่วมงาน  

ในงานบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรม
ท่านออกมายืนอยู่รอต้อนรับคณะญาติมิตรที่เดินทางมาร่วมงาน

        และในระหว่างที่ลูกๆ หลานๆ กำลังจัดแจงสถานที่เพื่อนำร่างของท่านมาบำเพ็ญกุศลที่บ้าน ท่านก็ได้ยืนมองทุกๆ คนด้วยความชื่นชม และรู้สึกปลื้มใจที่ลูกๆ หลานๆ ต่างช่วยกันตระเตรียมงานบำเพ็ญกุศลให้กับตัวท่าน เมื่องานบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมซึ่งจัดขึ้นให้กับท่านได้เริ่มขึ้น ท่านก็จะออกมายืนอยู่บริเวณหน้าบ้าน คล้ายๆ กับมายืนรอต้อนรับคณะญาติมิตรที่เดินทางมาร่วมงาน
 
ทันทีที่พระลูกชายของท่านมาถึงกายละเอียดของท่านก็รีบปรี่เข้าไปหาพระลูกชายทันที 
 
ทันทีที่พระลูกชายของท่านมาถึงกายละเอียดของท่านก็รีบปรี่เข้าไปหาพระลูกชายทันที

        และทันทีที่พระลูกชายของท่าน เดินทางมาถึงบริเวณพื้นที่จัดงาน ซึ่งก็คือที่บ้าน กายละเอียดของท่านก็รีบปรี่เข้าไปหาพระลูกชายทันที ด้วยความดีอกดีใจ เพราะตอนนั้นท่านมีความรู้สึกว่าพระลูกชายของท่านคนนี้นี่แหละ ที่จะเป็นที่พึ่งและเป็น “ แสงสว่างสุดท้าย ” ให้กับตัวท่านในยามนี้ได้  ซึ่งมันก็เป็นอย่างที่ตัวท่านคิดจริงๆ นั่นแหละ
 
กายละเอียดนั่งพับเพียบเพื่อรอฟังสวดด้วยอาการที่สงบนิ่ง 
 
กายละเอียดนั่งพับเพียบเพื่อรอฟังสวดด้วยอาการที่สงบนิ่ง

       เมื่อถึงเวลาที่คณะสงฆ์เริ่มสวดพระอภิธรรม  กายละเอียดของท่านก็จะไปนั่งพับเพียบเพื่อรอฟังสวดด้วยอาการที่สงบนิ่ง โดยท่านจะนั่งอยู่เยื้องๆ ที่เคารพศพหรืออยู่ข้างๆ รูปถ่ายของตัวเอง  แต่ในระหว่างที่ท่านกำลังฟังคณะสงฆ์สวดพระอภิธรรมอยู่นั้น ใจของท่านจะไม่ค่อยเป็นสมาธิสักเท่าไหร่ ที่เป็นเช่นนี้ทั้งนี้ก็เป็นเพราะในขณะที่กำลังฟังสวด  ใจของท่านได้ไปเกาะเกี่ยวอยู่กับเรื่องราวต่างๆ  ทั้งเรื่องคนที่มาร่วมงานและบรรยากาศรอบๆ ข้าง อีกทั้งตัวท่านก็ไม่ทราบ หลักปฏิบัติที่ถูกต้องในขณะที่ฟังสวดพระอภิธรรมว่า “ การฟังสวดพระอภิธรรมที่ถูกต้องนั้น เราควรจะต้องทำตัวและทำใจอย่างไร ถึงจะได้บุญอย่างเต็มที่ ”  
 
ใจของท่านรู้สึกแช่มชื่นชุ่มเย็นจนทำให้ท่านพอนึกถึงบุญเก่าๆ ออกบ้าง คือนึกได้บ้างแต่ไม่ได้มากและไม่ต่อเนื่อง 
 
ใจของท่านรู้สึกแช่มชื่นชุ่มเย็นจนทำให้ท่านพอนึกถึงบุญเก่าๆ ออกบ้าง
คือนึกได้บ้างแต่ไม่ได้มากและไม่ต่อเนื่อง

       นอกจากนั้น ในสมัยที่ยังมีชีวิต ตัวท่านก็ไม่คุ้นเคยกับการทำใจหยุดนิ่งนึกถึงบุญ และไม่ค่อยเอาใจเกาะเกี่ยวอยู่ที่ศูนย์กลางกายซึ่งถือเป็นอู่แห่งทะเลบุญ คือเป็นประเภทที่พอมีความรู้ทางทฤษฎีแต่ไม่ค่อยชอบปฏิบัติ ซึ่งชาวพุทธโดยส่วนใหญ่จะเป็นอย่างนี้กันเยอะ ด้วยเหตุทั้งหลายทั้งปวงนี้เอง จึงทำให้โดยส่วนใหญ่ใจของท่านจะไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวในเวลาที่ฟังพระสวดพระอภิธรรม  เพราะฉะนั้นบุญจึงไม่ได้ช่องเข้ามาทำงานอยู่ภายในใจของท่าน แต่ถ้าช่วงไหนที่ใจของท่านพอเป็นสมาธิ คือใจเริ่มกลับเข้ามาในตัว   เพราะไม่ได้ไปสนใจผู้คนรอบข้างรวมถึงบรรยากาศโดยรอบ ใจของท่านก็จะรู้สึกแช่มชื่นชุ่มเย็นจนทำให้ท่านพอนึกถึงบุญเก่าๆ ออกบ้าง คือนึกได้บ้างแต่ไม่ได้มากและไม่ต่อเนื่อง  
      
เมื่องานบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมเสร็จสิ้นลงกายละเอียดก็จะแว๊บ ออกมายืนอยู่หน้าบ้าน   เพื่อรอส่งคณะญาติมิตร 
 
เมื่องานบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมเสร็จสิ้นลงกายละเอียด
ก็จะแว๊บออกมายืนอยู่หน้าบ้าน เพื่อรอส่งคณะญาติมิตร
 
      เมื่องานบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมเสร็จสิ้นลง กายละเอียดของท่านก็จะแว๊บ ออกมายืนอยู่หน้าบ้าน   เพื่อรอส่งคณะญาติมิตรที่ได้เดินทางมาร่วมงานในแต่ละวัน จากนั้นท่านก็จะอยู่รอส่งพระลูกชายสุดเลิฟของท่านขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับไปที่วัด โดยท่านจะก้มลงกราบพระลูกชายด้วยความปลื้มใจก่อนที่รถของพระลูกชายจะเคลื่อนจากไป และเมื่อเข้าสู่คืนที่สามหลังจากที่ท่านเสียชีวิต  ในระหว่างที่ท่านกำลังยืนรอส่งพระลูกชายสุดเลิฟของท่านเดินทางกลับวัดอยู่นั้น ท่านก็พลันเกิดความรู้สึกอยากตามพระลูกชายกลับไปที่วัดด้วย
 
ส่วนว่าท่านจะไปหรือไม่ไป  หรือถ้าหากท่านตัดสินใจจะไปจะมีผลต่อชีวิตหลังความตายของท่านหรือไม่  อย่างไรนั้น เราก็คงต้องติดตามกันในตอนต่อไป    
 
รับชมวิดีโอ
 
กรณีศึกษากฎแห่งกรรมจากชีวิตจริง (Case study in real life)

     บุคคลที่ปรากฏในเรื่องราวต่อไปนี้ มีตัวตนจริงในปัจจุบัน ประสบชะตากรรมขึ้นลงตามกระแสของวัฏฏะและกฎแห่งกรรม (ชมตัวอย่างบทสัมภาษณ์จากรายการชีวิตในสังสารวัฏ) ผู้อ่าน-ผู้ชมก็อย่าเพิ่งเชื่อหรือปฏิเสธในทันที ควรศึกษาหลักธรรมในพระพุทธศาสนา แล้วค่อยนำไปเป็นอุทธาหรณ์ในการดำเนินชีวิตต่อไป

     "วิชชาธรรมกาย" เป็นความรู้ดั้งเดิมในพระพุทธศาสนา เมื่อปฏิบัติแล้วสามารถไปรู้ไปเห็นเรื่องราวกฎแห่งกรรม การเวียนว่ายในภพภูมิต่างๆ ตรงตามพระธรรมคำสอนในพระไตรปิฎก วิชชาธรรมกายจึงเป็นหลักฐานยืนยันการตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งทันสมัยตลอดกาล (อกาลิโก)


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ปรโลกนิวส์ ตอน ชีวิตหลังความตายของโยมพ่อทองเจือ แพน้อย ตอนที่ 2ปรโลกนิวส์ ตอน ชีวิตหลังความตายของโยมพ่อทองเจือ แพน้อย ตอนที่ 2

พลิกชีวิตด้วยบุญทอดกฐิน ตอน..หวิดตาย..กลับกลายมารวยพลิกชีวิตด้วยบุญทอดกฐิน ตอน..หวิดตาย..กลับกลายมารวย

ผลการปฏิบัติธรรม ตอน เห็นแต่พระ มีแต่พระผลการปฏิบัติธรรม ตอน เห็นแต่พระ มีแต่พระ



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ช่วงเด่นฝันในฝัน