พุทธพยากรณ์ ๒


[ 13 ก.พ. 2556 ] - [ 18286 ] LINE it!

พุทธพยากรณ์ ๒
 
 
 
     มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาความสุข ความอบอุ่นใจ และความปลอดภัยในชีวิต ทุกคนจึงพยายามเสาะแสวงหาที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริงกัน แต่น้อยคนนักจะรู้ว่า ที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริงนั้นคือสิ่งใด อยู่ที่ตรงไหน จะเข้าถึงได้ด้วยวิธีการใด หากทุกคนในโลกได้รู้จักที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุดว่า คือพระรัตนตรัย และมีโอกาสได้ประพฤติปฏิบัติธรรม จนกระทั่งกาย วาจา ใจสะอาดบริสุทธิ์ผ่องใส ตั้งมั่นอยู่ในศูนย์กลางกาย เต็มเปี่ยมไปด้วยสติและปัญญาบริสุทธิ์เช่นนี้แล้ว ชีวิตของทุกคนจะเจริญรุ่งเรือง และปลอดภัยทั้งในโลกนี้ และโลกหน้าอย่างแน่นอน
 
มีวาระพระบาลีใน ขุททกนิกาย อปทาน ว่า
 
                                 “ยถา นิกฺขนฺตสยนสฺส   สีหสฺส นทนํ ธุวํ
                                  ตเถว พุทฺธเสฏฺฐานํ     วจนํ ธุวสสฺสตํ
 
     พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด ย่อมเที่ยงแท้แน่นอน เปรียบเสมือนราชสีห์เมื่อลุกจากที่นอน ต้องบันลือสีหนาท”
 
     พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นบุรุษเอกของโลก พระพุทธองค์ตรัสอย่างไรก็ทรงทำอย่างนั้น ไม่ว่าจะทรงทำนาย หรือที่เรียกว่าพุทธพยากรณ์อย่างไร เรื่องนั้นย่อมเป็นจริงทุกครั้ง เพราะถ้อยคำที่พระพุทธองค์ตรัสนั้น เป็นถ้อยคำที่พิจารณาและกลั่นกรองดีแล้วด้วยพุทธญาณอันบริสุทธิ์ เป็นความรู้จริงที่เกิดจากการรู้แจ้ง เห็นแจ้งภายใน เพราะพระองค์ทรงบรรลุกายธรรมอรหัต หมดจดจากกิเลสอาสวะทั้งหลาย เมื่อไม่มีความมืด คือ อวิชชามาบดบังดวงปัญญาของพระพุทธองค์ จึงมีแต่ความสว่างไสวภายใน ทรงปรารถนารู้เรื่องใดก็รู้เห็นหมด แจ่มแจ้งทั้งเบื้องต้น ท่ามกลาง และที่สุด
 
     ปรารภเหตุจากครั้งที่แล้ว พระเจ้าปเสนทิโกศลธรรมิกมหาราช ทรงพระสุบินคือ ฝันเห็นเรื่องที่แปลกประหลาดชวนให้สงสัย แม้กระทั่งพราหมณ์ปุโรหิตก็ไม่สามารถทำนายได้ถูกตามความจริง แล้วยังกราบทูลให้นำมนุษย์และสัตว์มาฆ่าบูชายัญ เพื่อพระราชาจะได้พ้นจากมหันตภัยในครั้งนั้น แต่อาศัยพระนางมัลลิกาผู้เป็นยอดกัลยาณมิตร ได้ทูลเชิญพระราชาให้เสด็จไปเข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อให้ทรงทำนายความฝัน จึงขอถือโอกาสนำเรื่องพุทธพยากรณ์มาเล่าให้ได้รับฟังกันต่อ  
 
     พระสุบินของพระราชามหากษัตริย์ผู้มีบุญในยุคนั้น บางครั้งอาจส่งผลถึงเหล่าไพร่ฟ้าประชาราษฏร์ด้วย ดังเช่นพระเจ้าปเสนทิโกศลทรงกราบทูลให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทำนายความฝัน ๑๖ อย่าง ว่ามหาสุบินแต่ละอย่างนั้นหมายถึงอะไร
 
     * พระราชาทูลถามว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันเห็นฝูงชนไม่เทียมโคตัวใหญ่ๆ ซึ่งสมบูรณ์ด้วยเรี่ยวแรง กลับไปเทียมโครุ่นๆ ที่กำลังฝึก โคหนุ่มเหล่านั้นไม่อาจพาแอกไปได้ ก็สลัดแอกยืนเฉย เกวียนก็ไปไม่ได้"
 
     พระบรมศาสดาทรงพยากรณ์ว่า “มหาบพิตร ผลของสุบินข้อนี้ จักมีในรัชสมัยของพระราชาผู้ไม่ตั้งอยู่ในธรรม ต่อไปในภายหน้า พระราชาผู้มีบุญน้อย จักไม่พระราชทานยศแก่ผู้เป็นบัณฑิต ไม่ทรงแต่งตั้งบัณฑิตไว้ในที่วินิจฉัยคดี แต่พระราชทานยศแก่คนหนุ่มๆ ที่ไม่มีความสามารถพอที่จะทำภารกิจให้ลุล่วงไปได้ ครั้นอำมาตย์ที่เป็นบัณฑิตไม่ได้ยศ ต่างพากันปล่อยวางไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวในกิจการบ้านเมือง ความเสื่อมจึงบังเกิดขึ้นตามลำดับ เช่นเดียวกับที่คนจับโครุ่นๆ กำลังฝึกมาทำงาน ย่อมไม่สามารถให้การงานสำเร็จลุล่วงไปได้”
 
     พระราชาทูลถามต่อไปว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันเห็นม้าตัวหนึ่ง มีปากสองข้าง ฝูงชนพากันให้หญ้าที่ปากทั้งสองข้างของมัน มันเคี้ยวกินด้วยปากทั้งสอง เป็นฝันที่แปลกเหลือเกิน ผลของสุบินนี้จะเป็นอย่างไร พระเจ้าข้า” พระบรมศาสดาผู้มีอนาคตังสญาณทรงทำนายว่า “มหาบพิตร ในอนาคต คนพาลจักวินิจฉัยคดี เจ้าหน้าที่เหล่านั้นไม่เชื่อเรื่องบุญและบาป  เมื่อให้คำตัดสิน ก็จักรับสินบนจากทั้งสองฝ่าย เสมือนม้าที่กินหญ้าด้วยปากทั้งสอง ภัยชนิดนี้จะเกิดขึ้นในอนาคต ขอเชิญตรัสบอกสุบินข้อต่อไปเถิด”
 
     พระราชาทูลถามถึงพระสุบินข้อต่อไปว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันเห็นบุรุษคนหนึ่งฟั่นเชือก หย่อนไปที่ใกล้เท้า แล้วมีแม่สุนัขจิ้งจอกหิวโซตัวหนึ่งนอนอยู่ใต้ตั่งที่บุรุษนั้นนั่ง ได้กัดกินเชือกเส้นนั้น โดยชายคนนั้นไม่รู้เรื่องเลย อะไรเป็นผลแห่งสุบินข้อนี้ พระเจ้าข้า”  พระพุทธองค์ทรงพยากรณ์ว่า “ในอนาคตกาลภายภาคหน้า หมู่สตรีจักพากันลุ่มหลงในบุรุษ ลุ่มหลงในสุรา ชอบเที่ยวกลางคืน เป็นหญิงทุศีล พวกนางจักพากันแย่งเอาทรัพย์ที่สามีหามาได้ เอาไปซื้อสุราดื่มกินกับชายชู้ เสมือนนางสุนัขจิ้งจอกหิวโซที่นอนใต้ตั่ง คอยกัดกินเชือกที่เขาฟั่นแล้วหย่อนลงในที่ใกล้เท้า”
 
     ครั้นพระราชาสดับพุทธพยากรณ์เช่นนั้น ทรงพอพระทัย แล้วกราบทูลสุบินให้พระบรมศาสดาทรงทำนายต่อไปว่า “ได้เห็นมหาชนเอาแก่นจันทน์มีราคาตั้งแสนกหาปณะ ขายแลกกับเปรียงเน่า” ซึ่งได้รับพุทธทำนายว่า “ในอนาคตเมื่อศาสนาของพระตถาคตเสื่อมโทรม พวกภิกษุอลัชชีเห็นแก่ปัจจัยจักมีมากขึ้นเรื่อยๆ ภิกษุอลัชชีจักพากันแสดงธรรมเพราะเห็นแก่อามิส เอาธรรมะที่ตถาคตแสดงไว้ มีคุณค่าควรแก่พระนิพพาน ไปแสดงแลกกับปัจจัย และรูปิยะมีเหรียญกษาปณ์และเหรียญครึ่งกษาปณ์ เป็นต้น
 
      พระราชาทรงเล่าความฝันอีกว่า “ได้เห็นฝูงเขียดตัวเล็กๆ วิ่งไล่กวดงูเห่าตัวใหญ่ กัดเนื้อขาดเหมือนตัดก้านบัวแล้วกลืนกิน” ซึ่งได้รับพุทธทำนายว่า “เมื่อโลกเสื่อมโทรมลง พวกมนุษย์จะมีราคจริตแรงกล้า ปล่อยตัวปล่อยใจ ตามอำนาจของกิเลส ชายจะตกอยู่ในอำนาจของภรรยาเด็ก ทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านจะอยู่ในครอบครองของพวกเธอ เมื่อสามีถามถึงเงินทอง ก็จะถูกตะคอกพูดจาทิ่มแทงให้เจ็บใจ เปรียบเหมือนฝูงเขียดที่พากันกัดกินฝูงงูเห่า”
 
     พระราชาทูลเล่าความฝันต่อไปว่า “ในกาลก่อน เสือเหลืองพากันกัดกินฝูงแกะ แต่หม่อมฉันฝันเห็นฝูงแกะพากันไล่กวดฝูงเสือเหลือง แล้วกัดกินเลือดกินเนื้อเสืออื่นชนิดต่างๆ เมื่อพวกเสือเห็นฝูงแกะอยู่ห่างๆ ก็ยังสะดุ้งกลัว ต่างพากันวิ่งหนีหลบเข้าป่าไปหลบซ่อนเพราะกลัวฝูงแกะ”
 
     พระบรมศาสดาทรงพยากรณ์ว่า “ในอนาคตพวกไม่มีสกุลจักเป็นใหญ่เป็นโต พวกคนมีสกุลจักอับเฉาตกยาก แม้ภิกษุอลัชชี ก็จักพากันเบียดเบียนภิกษุผู้มีศีล พวกภิกษุผู้มีศีลไม่ได้ที่พำนัก ก็พากันเข้าป่า อยู่ในที่หลีกเร้น การที่กุลบุตรผู้มีชาติสกุลและภิกษุผู้มีศีล ถูกคนทุศีลและภิกษุทุศีลประทุษร้ายนี้ เปรียบเสมือนพวกเสือดาว และเสือโคร่งที่พากันหลบหนีเพราะกลัวฝูงแกะ ภัยนี้จะไม่บังเกิดแก่มหาบพิตร เพราะเป็นสุบินปรารภถึงอนาคต แต่พวกพราหมณ์ทำนายไปผิดๆ เพราะอาศัยการเลี้ยงชีพ และเพราะเห็นแก่อามิส”
 
     ครั้นพระบรมศาสดา ทรงทำนายความฝันทุกข้อของพระราชาแล้ว ทรงรับสั่งให้พระเจ้าปเสนทิโกศลเลิกบูชายัญ เพราะผู้ฆ่าย่อมได้รับการฆ่าตอบ ผู้ให้ชีวิตย่อมได้ชีวิต เมื่อให้อายุย่อมได้อายุ เพราะเป็นเหตุให้มีอายุขัยยืนยาว เมื่อให้อภัยและให้ความอิสระเสรีแก่สัตว์อื่น ย่อมมีอิสรภาพไปทุกภพทุกชาติ พระราชาทรงปฏิบัติตามที่พระพุทธองค์ทรงแนะนำด้วยการประทานชีวิตให้กับสัตว์ทั้งหลาย ทำให้หมู่สัตว์ได้รับความปลอดภัยโดยถ้วนหน้า
 
     จากเรื่องนี้ จะเห็นได้ว่า ความไม่รู้จริงเป็นอันตรายอย่างยิ่ง ต้องมีผู้รู้ชี้แนะจึงจะปลอดภัย ไม่ต้องพลัดตกไปในอบายภูมิ แม้ความฝันอาจกลายเป็นจริงในบางครั้ง แต่ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องไปตื่นตระหนกตกใจจนเกินไป จนต้องเที่ยวตระเวนหาหมอดู เพื่อทำนายดวงชะตา ให้ทำความดีตามที่พระบรมศาสดาทรงสั่งสอน ทุกอย่างจะดีเองอย่างแน่นอน ถ้าอยากฝันดีก็ให้มีความคิดดี คำพูดดี และการกระทำที่ดีตลอดเวลา และให้หมั่นนั่งสมาธิแผ่เมตตาก่อนนอนเป็นประจำ และเราจะหลับเป็นสุข ตื่นเป็นสุข ไม่ฝันร้าย หากฝันก็จะฝันแต่เรื่องที่เป็นสิริมงคลกันทุกๆ คน

 
พระธรรมเทศนาโดย: พระเทพญาณมหา มุนี
 
นามเดิม พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) 
 
* มก. เล่ม ๕๖ หน้า ๒๑๖
 
 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
คิดผิดคิดใหม่ได้ (๑)คิดผิดคิดใหม่ได้ (๑)

คิดผิดคิดใหม่ได้ (๒)คิดผิดคิดใหม่ได้ (๒)

คิดผิดคิดใหม่ได้ (๓)คิดผิดคิดใหม่ได้ (๓)



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ธรรมะเพื่อประชาชน