ทศชาติชาดก เรื่องเนมิราช ผู้ยิ่งด้วยอธิษฐานบารมี ตอนที่ 4


[ 25 เม.ย. 2550 ] - [ 18277 ] LINE it!
View this page in: 中文

 
ทศชาติชาดก
 
เรื่อง  เนมิราช   ผู้ยิ่งด้วยอธิษฐานบารมี  ตอนที่ 4


        จากตอนที่แล้ว พระเจ้าเนมิราช เมื่อทรงเจริญวัยได้ครองราชย์สมบัติต่อจากพระราชบิดาแล้ว ก็ทรงโปรดให้สร้างโรงทาน ๕ แห่ง ได้พระราชทานทรัพย์เพื่อเป็นค่าเสื้อผ้าและอาหารที่โรงทานแห่งละ ๑๐๐,๐๐๐  กหาปณะทุกวัน    ส่วนพระองค์เองได้ทรงรักษาศีล ๕  และสมาทานอุโบสถศีลทุกวันพระ ทั้งทรงชักชวนมหาชนให้สั่งสมบุญ มีการให้ทานเป็นต้นเนืองนิตย์   ประชาชนของพระองค์ส่วนมากได้ตั้งอยู่ในพระราโชวาท ละจากอัตภาพนั้นแล้วก็ไปบังเกิดในเทวโลก  จนสวรรค์ชั้นต่างๆ เนืองแน่นด้วยเทวดา   

        การที่พระองค์ได้ทำหน้าที่ชักชวนให้ประชาชนตั้งอยู่ในหนทางแห่งสวรรค์นี้  ทำให้พระเกียรติยศแผ่ขจรขจายไปทั่วชมพูทวีป  การสั่งสมกุศลธรรมของพระองค์เป็นที่ประจักษ์ยิ่งกว่าพระราชาพระองค์ก่อนๆ พระเกียรติคุณของพระองค์แผ่ขยายขึ้นไปจนถึงสวรรค์ทุกชั้น

        ครั้งหนึ่ง  พระเจ้าเนมิราชทรงสมาทานอุโบสถศีล  ในวันอุโบสถขึ้น ๑๕ ค่ำ ทรงตื่นบรรทมในเวลาค่อนรุ่ง ประทับนั่งขัดสมาธิคู้บัลลังก์ดำริว่า  การให้ทานที่ไม่มีประมาณ กับการรักษาศีลประพฤติพรหมจรรย์ อย่างไหนจะมีผลมีอานิสงส์มากกว่ากัน

        พระองค์ไม่สามารถขจัดความสงสัยให้สิ้นไปได้   เป็นเหตุให้พิภพดาวดึงส์อันเป็นที่สถิตของท้าวสักกะจอมเทพเกิดเร่าร้อนขึ้นมา  ท้าวสักกเทวราชจึงได้ทรงสอดส่องทิพเนตรตรวจดู  ก็ทรงเห็นพระเจ้าเนมิราชกำลังวิตกกับปัญหาที่พระองค์ทรงตั้งขึ้นมาเอง   จึงรีบเสด็จมาโดยลำพังพระองค์เดียว ทรงทำพระราชนิเวศน์ทั้งหมดให้สว่างไสวถ้วนทั่ว  จากนั้นก็เสด็จเข้าสู่ห้องบรรทมของพระเจ้าเนมิราช  ทรงแผ่พระรัศมีประทับยืนอยู่กลางอากาศ 

        พระเจ้าเนมิราชทอดพระเนตรเห็นดังนั้น   ก็เกิดปีติขนลุกชูชันทั่วพระวรกาย ได้ตรัสถามท้าวสักกจอมเทพว่า  “ท่านเป็นเทวดาหรือคนธรรพ์ หรือเป็นท้าวสักกะผู้รักในการให้ทานในกาลก่อน   รัศมีของท่านช่างงดงามยิ่งนัก  ท่านเพียงแต่ปรากฏตัวแต่ไม่บอกว่าเป็นใคร เราจะรู้จักท่านได้อย่างไร ท่านเป็นใครโปรดบอกเราด้วยเถิด   และขอความเจริญจงมีแก่ท่านผู้เป็นแขกมาเยือนในยามราตรีเช่นนี้”
        
        ท้าวสักกจอมเทพตรัสตอบว่า “ดูก่อนท่านผู้เป็นจอมชน  เราคือท้าวสักกะจอมเทพ ตั้งใจมาหาพระองค์ผู้เป็นจอมวิเทหรัฐ  ขอพระองค์อย่าได้ทรงหวาดกลัวเลย  และปัญหาอันใดที่คั่งค้างอยู่ในพระหฤทัย ขอพระองค์จงตรัสถามปัญหาที่ทรงสงสัยนั้นเถิด”

        พระเจ้าเนมิราชทรงอัศจรรย์ในพระหฤทัยที่ท้าวสักกะทรงทราบความนึกคิดของพระองค์ ทรงพระปีติโสมนัส  จึงตรัสถามปัญหาที่ค้างคาอยู่ในพระหฤทัยว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมเทพ พระองค์เสด็จมาดีแล้ว พระองค์เสด็จมาเพื่ออนุเคราะห์หม่อมฉันโดยแท้  หม่อมฉันมีความสงสัยอยู่ว่า ระหว่างการให้ทานกับการรักษาศีลประพฤติพรหมจรรย์  อย่างไหนจะมีผลมาก มีอานิสงส์มากกว่ากัน ขอพระองค์จงทรงชี้แจงให้กระจ่างด้วยเถิด”

        ท้าวสักกจอมเทพจึงตรัสตอบว่า  “ดูก่อนพระองค์ผู้เป็นจอมวิเทหรัฐ  บุคคลย่อมบังเกิดในตระกูลกษัตริย์ขัตติยราช  เพราะประพฤติพรหมจรรย์อย่างต่ำ  บุคคลย่อมได้บังเกิดเป็นเทวดา เพราะประพฤติพรหมจรรย์อย่างปานกลาง  อนึ่ง บุคคลย่อมหลุดพ้น  เพราะประพฤติพรหมจรรย์อย่างสูงสุด   การประพฤติพรหมจรรย์นั้นมีผลมากกว่า มีอานิสงส์มากกว่าทานพันเท่าแสนเท่าทวีคูณ  ขอพระองค์จงตั้งมั่นอยู่ในการประพฤติพรหมจรรย์เถิด” 
 
        จากนั้นท้าวสักกะเทวราชจึงตรัสยกเรื่องในอดีตนั้นมาเป็นตัวอย่างว่า ในอดีตกาล   ณ  ป่าหิมพานต์แดนสงบ เป็นสถานที่บำเพ็ญพรตพรหมจรรย์ของฤษี ดาบส และเหล่านักพรตทั้งหลาย   ณ ส่วนข้างหนึ่ง ทางตอนเหนือแห่งแดนหิมพานต์อันกว้างใหญ่ ได้มีแม่น้ำสายหนึ่งนามว่าสีทา  เป็นแม่น้ำที่ลึกและกว้างข้ามได้ยาก  แต่น้ำในแม่น้ำสายนี้กลับมีความใสสะอาดเป็นพิเศษ 

        ใกล้แม่น้ำสายนี้ มีกาญจนบรรพต ซึ่งเป็นภูเขาทองมีสีเหมือนเปลวไฟที่กำลังลุกไหม้ป่าไม้อ้อในฤดูร้อน  ส่องแสงรุ่งโรจน์โชติช่วงตลอดเวลา      ที่ภูเขาแห่งนี้ ได้มีฤษีอาศัยอยู่ ๑๐,๐๐๐ ตน ต่างบำเพ็ญเพียรภาวนาอยู่ที่เชิงภูผา และภายในคูหาถ้ำต่างๆ กัน ซึ่งแต่ละตนก็จะมีข้อวัตรปฏิบัติที่นำมาซึ่งความเลื่อมใส  มีศีลบริสุทธิ์   มุ่งหน้าเจริญสมาธิภาวนาเป็นหลักชัย

        วันหนึ่ง  ฤษีตนหนึ่งนุ่งห่มเรียบร้อยเหาะมาสู่กรุงพาราณสีเพื่อบิณฑบาต  ได้ประคองอุ้มภาชนะภิกษาแสดงตนเดินผ่านมาถึงประตูเรือนของปุโรหิต 

        ปุโรหิตเห็นอากัปกิริยาอันสงบเรียบร้อยของท่านก็เกิดความเลื่อมใส  จึงนิมนต์ให้เข้ามานั่งในเรือน ได้ทำการต้อนรับด้วยอาหารคาวหวาน  จนอิ่มหนำสำราญ 

        ปุโรหิตได้ปฏิบัติบำรุงพระฤษีอยู่เช่นนี้ ๒ – ๓ วัน   เมื่อคุ้นเคยพอสมควรแล้วจึงถามพระฤษีว่า   “พระคุณเจ้าผู้เจริญ ท่านอาศัยอยู่ที่ไหน ขอรับ”  

        พระฤษีจึงตอบว่า “อาตมภาพ อาศัยอยู่ที่กาญจนบรรพต ในตอนเหนือของป่าหิมพานต์โน้น” 

        ปุโรหิตจึงถามต่อว่า “พระคุณเจ้าอยู่ตนเดียวหรือหลายตน ขอรับ”

        “ท่านพูดอะไรกัน อุบาสก ที่กาญจนบรรพตนั่น มีฤษีอาศัยอยู่นับหมื่นตน ล้วนทรงอภิญญา  สมาบัติ เหาะเหินเดินอากาศได้ มีฤทธิ์ มีเดชต่างๆ กันไป” 

        ปุโรหิตได้ฟังดังนั้น จึงรู้ว่าพระฤษีเป็นผู้มีอานุภาพมาก  และรู้สึกอัศจรรย์ใจที่ท่านมีจำนวนมาก  อีกทั้งก็สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้เป็นปกติ     ก็เกิดความรู้สึกอยากจะบวชเป็นฤษี บำเพ็ญพรตเหมือนกับพระฤษีเหล่านั้น  จึงได้บอกพระฤษีตนนั้นว่า  “พระคุณเจ้าผู้เจริญ กระผมอยากจะบวชอย่างพระคุณเจ้า ขอท่านโปรดพากระผมไปบวชเป็นฤษีที่กาญจนบรรพตนั้นด้วยจะได้ไหม” 

        ฤษีกล่าวว่า “ท่านเป็นปุโรหิต ท่านเป็นบุรุษผู้อนุศาสน์ธรรมของพระราชา  ถึงจะมีตำแหน่งอันยิ่งใหญ่ แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้สนองงานของพระองค์ ยังไม่เป็นอิสระแก่ตน อาตมภาพไม่สามารถจะบวชให้ท่านได้” 
 
        ส่วนปุโรหิตได้ฟังดังนั้น ความปรารถนาจะบวชก็มิได้เสื่อมคลาย แต่เหตุการณ์จะดำเนินไปอย่างไรนั้น โปรดติดตามตอนต่อไป 
 
 
พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์  (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ทศชาติชาดก เรื่องเนมิราช ผู้ยิ่งด้วยอธิษฐานบารมี ตอนที่ 5ทศชาติชาดก เรื่องเนมิราช ผู้ยิ่งด้วยอธิษฐานบารมี ตอนที่ 5

ทศชาติชาดก เรื่องเนมิราช ผู้ยิ่งด้วยอธิษฐานบารมี ตอนที่ 6ทศชาติชาดก เรื่องเนมิราช ผู้ยิ่งด้วยอธิษฐานบารมี ตอนที่ 6

ทศชาติชาดก เรื่องเนมิราช ผู้ยิ่งด้วยอธิษฐานบารมี ตอนที่ 7ทศชาติชาดก เรื่องเนมิราช ผู้ยิ่งด้วยอธิษฐานบารมี ตอนที่ 7



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ทศชาติชาดก