ทำบุญอย่างไรได้ผลมาก


[ 2 ต.ค. 2556 ] - [ 18296 ] LINE it!

ทำบุญอย่างไรได้ผลมาก

     ทุกคนที่เกิดมา ไม่สามารถนำสิ่งใดติดตัวมาได้ มีเพียงบุญและบาปเท่านั้นที่ติดตัวมา และปรุงแต่งให้เกิดรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ และคุณสมบัติที่แตกต่างกัน เพราะเป็นผลที่สืบเนื่องมาจากเหตุแห่งการกระทำในอดีต และเมื่อถึงคราวจะหลับตาลาโลกนี้ไป เราก็ไม่อาจนำสิ่งใดติดตัวไปได้อีก จะมีเพียงบุญและบาปที่เราได้ทำไว้ในขณะที่เป็นมนุษย์เท่านั้น ผลของบาปมีความทุกข์ทรมานเป็นผล ส่วนผลของบุญ ก็มีความสุขความสมปรารถนาเป็นผล สิ่งใดก็ตามที่เราทำไว้ในอดีต สิ่งนั้นจะตามส่งผลเสมอ ไม่ช้าก็เร็ว เพราะฉะนั้น อย่าปล่อยตัวปล่อยใจไปทำสิ่งที่เป็นบาปอกุศล ควรประกอบแต่กุศลกรรมไว้มากๆ เพราะวิบากแห่งกรรมดีจะส่งผลให้เราประสบความสุขและความสำเร็จไปทุกภพทุกชาติอย่างแน่นอน

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน อิณสูตร ความว่า

     “บุคคลผู้มีจิตผ่องใส เป็นผู้มีศรัทธา ให้ทานด้วยโภคทรัพย์ทั้งหลาย ที่ได้มาโดยชอบธรรม แม้จะอยู่ครองเรือน ย่อมเป็นผู้ยึดถือชัยชนะไว้ได้ในโลกทั้งสอง คือ ประโยชน์เกื้อกูลในปัจจุบัน และความสุขในสัมปรายภพ การบริจาคดังกล่าวมานั้น ย่อมเป็นเหตุให้บุญกุศลพอกพูนขึ้น”

     ชีวิตการครองเรือนมีหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบมากมาย ตั้งแต่สามีต้องดูแลภรรยา หรือภรรยาต้องเอาใจใส่ต่อสามี เมื่อมีลูกก็มีห่วงมีกังวล ต้องรับผิดชอบในการเลี้ยงดูลูกให้เจริญเติบโต ให้มีความเป็นอยู่และการศึกษาที่ดี จึงจำเป็นต้องอาบเหงื่อต่างน้ำ ทำงานหามรุ่งหามค่ำ กลางคืนเป็นควันกลางวันเป็นไฟ ทรัพย์ที่ได้มาก็เป็นทรัพย์ที่สุจริตบ้าง ทุจริตบ้าง เพื่อให้ได้มาบำรุงเลี้ยงตนและครอบครัวให้มีความสุขสบาย

     แม้มีทรัพย์แล้ว ยังต้องกังวลกับการเก็บรักษาทรัพย์สมบัติเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นแก้วแหวนเงินทองเรือกสวนไร่นารถราบ้านช่อง หรือทรัพย์สินต่างๆ ที่หามาได้ สิ่งเหล่านี้แม้จะอำนวยประโยชน์ แต่ก็อาจเป็นทางมาแห่งภัยร้ายถึงเจ้าของได้ด้วย มีแล้วใช่ว่าจะนำสุขมาให้อย่างเดียว ต้องเป็นทุกข์ใจคอยเป็นห่วงเป็นกังวลสารพัด ถ้าหากเราป้องกันรักษาไม่ดี อาจถูกโจรขโมยเอาสมบัติไปได้ หรือถูกจี้ปล้นบ้าง เกิดอัคคีภัยไฟไหม้บ้าง ความกังวลด้วยภาระหนักๆ ทั้งเรื่องปัญหาภายในครอบครัว และยังต้องแสวงหาสมบัติต่างๆ เหล่านี้ ทำให้ใจหงุดหงิดขุ่นมัว แล้วโอกาสที่จะมานั่งธรรมะ ทำใจหยุดใจนิ่งอย่างจริงจัง จึงทำได้ยาก เพราะมีสิ่งที่ต้องเป็นห่วงเป็นกังวลใจอยู่ตลอดเวลา

     ความกังวลเป็นปลิโพธิของการทำภาวนา เป็นอุปสรรคในการทำใจให้หยุดนิ่ง พระพุทธองค์จึงทรงสอนวิธีการสั่งสมบุญอย่างง่ายๆ ซึ่งจะเป็นเสบียงในการเดินทางไกลไปสู่สัมปรายภพ คือการนำทรัพย์ออกด้วยการให้ทาน ให้เกิดประโยชน์แก่ส่วนรวม ทรัพย์สมบัติที่หามาได้นั้น เมื่อนำออกดีแล้วด้วยการถวายไว้ในสงฆ์ก็ดี ทำให้เกิดประโยชน์แก่สาธารณชนก็ดี ทรัพย์จะเปลี่ยนเป็นบุญกุศล ซึ่งเป็นอริยทรัพย์ เป็นทรัพย์ละเอียดที่ติดตัวเราไปได้ทุกที่ ทั้งยังติดตามตัวข้ามภพข้ามชาติไปอีกด้วย

     เนื่องจากชีวิตมนุษย์บนโลกนี้ ช่างสั้นมากและมีเวลาอย่างจำกัดเพียงน้อยนิดเท่านั้น ฉะนั้น เมื่อตั้งใจจะทำบุญ จึงจำเป็นต้องรู้จักแสวงหาบุญเขต คือทำให้ถูกเนื้อนาบุญ ลงทุนน้อยแต่ได้ผลมาก ลงทุนมากก็ได้มากทับทวียิ่งๆ ขึ้นไป ไม่ใช่สักแต่ว่าทำเท่านั้น เพราะการเลือกให้นั้น พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญ เหมือนหว่านข้าวกล้าลงไปในนาดี เมื่อปุ๋ยดี ดินดี ผลที่ได้ย่อมงอกงามไพศาล นำความพึงพอใจมาให้ผู้เป็นเจ้าของฉันใด ผลบุญที่เกิดจากการให้ในบุญเขตอันเยี่ยมย่อมส่งผลอันไพบูลย์ฉันนั้น เพราะสังฆทานเป็นประมุขของผู้หวังบุญ พระสงฆ์เป็นประมุขของผู้บูชา เป็นเนื้อนาบุญอันเลิศของโลก ไม่มีเนื้อนาบุญอื่นยิ่งกว่า

     * ในสมัยพุทธกาล ปริพาชกวัจฉโคตรซึ่งเป็นนักบวช นอกพระพุทธศาสนา มีความสงสัยเกี่ยวกับการทำบุญในบวรพระพุทธศาสนา เพราะได้ยินมาว่า ถ้าอยากได้บุญ ต้องมาทำบุญในพุทธศาสนาเท่านั้น จึงตัดสินใจชักชวนสาวกไปเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วทูลถามว่า “ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้ยินมาว่า พระองค์ตรัสว่า ทานควรให้แก่เราเท่านั้น ไม่ควรให้แก่คนอื่นๆ ควรให้แก่สาวกของเราเท่านั้น ไม่ควรให้แก่สาวกของคนอื่นๆ ทานที่ให้แก่เราเท่านั้นมีผลมาก ให้แก่คนอื่นๆ ไม่มีผลมาก ให้แก่สาวกของเราเท่านั้นมีผลมาก ให้แก่สาวกอื่นๆ ไม่มีผลมาก

     ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ชนเหล่านั้นกล่าวตามคำที่พระโคดมผู้เจริญได้ตรัสไว้จริงหรือ เขาไม่ได้ใส่ความพระโคดมผู้เจริญด้วยเรื่องอันไม่จริงหรือ ความจริงพวกข้าพระองค์ไม่ประสงค์จะใส่ความพระโคดมผู้เจริญเลย ขอพระองค์ได้โปรดแก้ข้อสงสัยในดวงจิตแก่พวกข้าพระองค์ด้วยเถิด”

     พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเห็นว่า ปริพาชกท่านนี้ เป็นบัณฑิตมีปัญญา อุตส่าห์เข้ามาสอบถามเพราะต้องการรู้ว่าเนื้อนาบุญที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร จึงตรัสตอบว่า “ดูก่อน วัจฉะ ชนเหล่านั้นมิได้กล่าวตามคำที่เรากล่าว อันที่จริง ชนเหล่านั้นใส่ความเราด้วยเรื่องอันไม่เป็นจริง ดูก่อนวัจฉะ ผู้ใดห้ามคนอื่นให้ทาน ผู้นั้นชื่อว่าทำอันตรายต่อคน ๓ คน ทำร้ายคนถึง ๓ คน คือทำอันตรายต่อบุญของทายก ทำอันตรายต่อลาภของปฏิคาหก แม้ตัวของผู้นั้นชื่อว่าถูกก่น ถูกขุดรากคือความดี และถูกประหาร คือตายจากความดี

     ดูก่อนวัจฉะ ผู้ใดห้ามคนอื่นให้ทาน ผู้นั้นชื่อว่าทำอันตรายต่อคน ๓ คน ทำร้ายต่อคน ๓ คนอย่างนี้ เราตถาคตกล่าวเช่นนี้ต่างหาก ดูก่อนวัจฉะ แม้สัตว์ทั้งหลายที่อยู่ในหลุมโสโครกหรือท่อโสโครก ผู้ใดเทน้ำล้างหม้อก็ดี น้ำล้างภาชนะก็ดี ลงไปในหลุมและท่อโสโครกนั้น ด้วยเจตนาให้สัตว์นั้นได้เลี้ยงชีพ อย่างนี้เราตถาคตยังกล่าวการได้บุญอันมีกิริยาที่ทำอย่างนั้นเป็นมูล จะกล่าวอะไรถึงการให้ทานในผู้ที่เป็นมนุษย์เล่า

     ดูก่อนวัจฉะ แต่ถึงอย่างไร เราตถาคตกล่าวว่า ทานที่ให้แก่ผู้มีศีลมีผลมากหาได้กล่าวอย่างนั้นในผู้ทุศีลไม่ และผู้มีศีลนั้นเป็นผู้ละองค์ ๕ อีกทั้งประกอบด้วยองค์ ๕ ละองค์ ๕ คือ ละกามฉันทะ พยาบาท ถีนมิทธะ อุทธัจจกุกกุจจะ และวิจิกิจฉา ผู้มีศีลเป็นผู้ละองค์ ๕ นี้ ประกอบด้วยองค์ ๕ คือ ประกอบด้วยสีลขันธ์ สมาธิขันธ์ ปัญญาขันธ์ วิมุตติขันธ์ และวิมุตติญาณทัสสนขันธ์ อันเป็นอเสขะ ผู้มีศีลเป็นผู้ประกอบด้วยองค์ ๕ นี้ เราตถาคตกล่าวว่า ทานที่ให้ในผู้มีศีลที่ละองค์ ๕ และประกอบด้วยองค์ ๕ อย่างนี้ มีผลมาก

     ในโคตัวเมียทั้งหลาย โคซึ่งเป็นลูกของโคตัวเมียนั้น เมื่อได้รับการฝึกแล้ว เป็นโคงานฝีเท้าดี คนทั้งหลายใช้งานหนักได้สารพัด หาได้พิถีพิถันสีของมันไม่ ในหมู่มนุษย์ก็เช่นเดียวกัน ในชนชาติใดชาติหนึ่ง จะเป็นชาติกษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูทรหรือจัณฑาล บุคคลผู้ซึ่งฝึกตนแล้ว มีวัตรอันดี ตั้งอยู่ในธรรม ถึงพร้อมด้วยศีล พูดวาจาสัตย์ มีใจประกอบด้วยหิริ ละชาติและมรณะแล้ว อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว ปลงหนักแล้ว ปลอดโปร่งแล้ว เสร็จกิจ ไม่มีอาสวะ ถึงฝั่งแห่งธรรมทั้งปวง ดับกิเลสได้เพราะไม่ยึดมั่นถือมั่นแล้ว ทักษิณาทานที่ให้ในบุคคลนั้น อันเป็นเนื้อนาที่ปราศจากโทษย่อมมีผลไพบูลย์ มีผลไพศาล ส่วนผู้ไม่ได้สดับ ไม่รู้จักบุญเขต คือเนื้อนาบุญอันเลิศ ให้ทานภายนอกบุญเขต ไม่เข้าใกล้สัตบุรุษทั้งหลาย บุญที่ทำไปย่อมมีอานิสงส์เล็กน้อย ชนเหล่าใดมีศรัทธาเลื่อมใสไม่คลอนแคลนในพระรัตนตรัย คนเหล่านั้นย่อมไปสู่เทวโลก ย่อมได้บรรลุพระนิพพานตามลำดับ”

     นี่เป็นพระพุทธวจนะที่หลวงพ่อได้ยกมากล่าวให้ทุกท่านได้ศึกษากันว่า หากจะทำบุญควรทำอย่างไรถึงจะได้ประโยชน์สูงสุด ให้สมกับทรัพย์สมบัติที่เราอาบเหงื่อต่างน้ำหามาได้ด้วยความยากลำบาก ผลบุญอันยิ่งใหญ่จะได้บังเกิดขึ้น เราจะประสบความสุขและความสำเร็จไปทุกภพทุกชาติ ขอให้เราขยันสั่งสมบุญกุศลให้มากๆ จะได้สร้างบารมีอย่างสะดวกสบายกันทุกคน

 

พระธรรมเทศนาโดย: พระเทพญาณมหามุนี

นามเดิม พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)  
 
* มก. เล่ม ๓๔ หน้า ๒๒๗
 




Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
จงฉลาดในการใช้ทรัพย์จงฉลาดในการใช้ทรัพย์

ดำรงตนบนหนทางสู่สวรรค์ดำรงตนบนหนทางสู่สวรรค์

ผู้จรรโลงพระพุทธศาสนาผู้จรรโลงพระพุทธศาสนา



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ธรรมะเพื่อประชาชน