"จีวัน แบนด์" "ดนตรีธรรมะ" วงแรกของโลก


[ 10 พ.ค. 2550 ] - [ 18259 ] LINE it!

 
จะมีสักกี่เพลงในยุคสมัยนี้ที่เนื้อหาของเพลงไม่ได้พูดถึงความรัก ในทำนองอกหัก รักคุด ตุ๊ดเมิน หรือลุ่มหลงมัวเมาในกามารมณ์ประมาณนั้น

และจะมีผู้ผลิตสักกี่รายที่จะปฏิเสธการทำเพลงที่มีเนื้อหายั่วยุ หมิ่นเหม่ต่อการผิดศีลธรรม แต่ดังถล่มทลาย และทำรายได้มหาศาล โดยขาดสำนึกรับผิดชอบต่อส่วนรวม

แล้วจะมีผู้เสพกี่มากน้อยที่เติบโตขึ้นโดยมีเพลงลักษณะนี้หล่อหลอมกล่อมเกลาแล้ว
จะไม่ตกเป็นเหยื่อของกิเลสตัณหา

คงไม่เป็นการเกินไปถ้าจะบอกว่าทุกวันนี้สังคมกำลังเสื่อมโทรมลงเรื่อยๆ จากโลกแห่งวัตถุนิยม ขณะที่ผู้คนก็ไร้ภูมิต้านทานด้านศีลธรรมลงไปทุกที..

ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินการ โดยหาทางแก้ไขอะไรไม่ได้ กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งได้ก่อเกิดขึ้นและลงมือทำเพื่อนำไปสู่การทำให้สังคม
มีแนวโน้มไม่มัวเมามากไปกว่านี้

เขากล้าที่จะลงมือ เพราะเชื่อว่า "ความสำเร็จเริ่มต้นจากก้าวเพียงก้าวเดียว"

และเชื่อว่า "หากคนเรามีภูมิต้านทาน คนเราจะแข็งแกร่งขึ้นสามารถมองสังคมทุกวันนี้ได้อย่างเข้าใจและไม่ตกเป็นเหยื่อ"

ด้วยความเชื่อนี้ "จีวัน แบนด์" จึงเกิดขึ้น ภายใต้คอนเซ็ปต์ "วงดนตรีธรรมะวงแรกของโลก"

"จีวัน แบนด์" มีหัวหน้าวงชื่อ "ดินป่า จีวัน" หรือชื่อตามทะเบียนบ้านก่อนหน้านี้ "สรมย์ฤทธิ์ จีวัน" ก่อตั้งวงขึ้นร่วมกับเพื่อนๆ 8-9 คน เริ่มต้นวงดนตรีธรรมดาๆ ประกอบด้วย กีตาร์ เบส กลอง แต่มีเนื้อหาแปลก ฟังยาก ลืมยาก

ภายใน 2 ปี ชื่อ "จีวัน แบนด์" เริ่มคุ้นหูผู้คนในแวดวงผู้ปฏิบัติธรรมะ และเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งคิดเปิดคอนเสิร์ตธรรมะจัดการแสดงชื่อคอนเสิร์ต "เปิดดวงตา" เนื่องในโอกาส 100 ปีชาตกาลพุทธทาสภิกขุ ซึ่งจะจัดแสดงในวันเสาร์ที่ 12 พฤษภาคมนี้ ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์

"จีวัน" ที่ปัจจุบันวันย่าง 45 แล้ว เล่าถึงความเป็นมาของวงดนตรีธรรมะวงนี้ ว่า ตอนเป็นวัยรุ่นเขาก็เหมือนกับวัยรุ่นทั่วไป เรียนเขียนภาพจิตรกรรมสากลที่วิทยาลัยเพาะช่าง ช่วงแรกๆ เป็นเด็กเกเรไปเรื่อยเปื่อย แต่ตอนหลังพอเริ่มทำงานศิลปะมากขึ้น จึงเริ่มถามตัวเองว่า "ทำไปทำไม?" แล้วพอมารู้จักพระ อ่านหนังสือพระ จึงรู้สึกว่าชีวิตมีอะไรมากกว่าที่ศิลปินมี

"..คือมันลึกกว่า กว้างกว่า มันไกลกว่า มันแข็งแรงกว่า อ่อนโยนกว่า มันดีกว่าทุกอย่างเลย ก็เลยเริ่มค้นหา และศึกษาธรรมะ ยิ่งวาทะของท่านพุทธทาสที่กล่าวไว้ในหนังสือพุทธทาสลิต เล่ม 2 หน้า 468 เมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ว่าวิทยุเต็มไปด้วยเพลงโลเลและจิตทรามมากเกินไป หาเพลงที่ทำให้เข้มแข็ง และจิตสูงหายาก เด็กๆ ของเราเลยมีความโลเล อ่อนแอ และใฝ่ต่ำ ก็ยิ่งเป็นตัวกระตุ้นให้ตัดสินใจมาทำงานนี้มากขึ้น" เสียงเล่าสบายๆ ไม่ทุกข์ร้อนดังเรื่อยๆ

หัวหน้าวงดนตรีธรรมะบอกว่า ตัวเขาเองนั้น เล่นดนตรีมาราว 20 ปีได้ เล่นกับวงจีวันนี่แหละตั้งแต่เริ่มต้นเลยทีเดียว นักดนตรีร่วมวงก็เป็น...

"เพลงที่เล่นหลายแนวมาก ส่วนใหญ่เป็นเพลงแปลกๆ เนื้อหาแปลกๆ ฟังยาก แต่ก็ลืมยาก-อย่างที่บอกแต่ต้น ทุกวันนี้เพลงบ้านเราไม่มีอะไรให้เด็กเยาวชนเลือกฟัง ถ้ามองมุมกว้างจะเห็นว่ามีศิลปินเยอะ แต่แทบทุกค่ายร้องเพลงเดียวกัน คือร้องเพลงรักเหมือนกันหมด ทั่วโลกก็เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าเราปฏิเสธความรัก แต่ว่าความรักไม่ต้องสอนกันก็มีได้

"แล้วเราดูภาพรวมเพลงทุกวันนี้เทไปทางโลกีย์เสียเยอะ ด้านที่ไม่ให้กำลังใจคน ด้านที่โกหกหลอกลวง มีแต่เรื่องความรักความบันเทิงอย่างเดียว สนุกสนานอย่างเดียว แต่ไม่ให้สติปัญญา เพลงรักมันเฟ้อแล้ว แต่เพลงธรรมะขาดแคลน ผมก็เลยคิดว่าหากเราจะทำเรื่องนี้สำหรับเด็กรุ่นใหม่ เราทำครั้งหนึ่งต้องให้แรงๆ ไปเลย เพราะตอนนี้เหมือนว่าตาชั่งมันถ่วงอีกด้านแรงมาก ดังนั้นเราก็ต้องทำเพลงธรรมะไปเลย จะไม่มีเพลงรัก เพื่อให้ตาชั่งมันสมดุล.."

เนื้อหาเพลงที่ จีวัน แบนด์ คัดเลือกมาจึงเป็นเนื้อหาธรรมะล้วนๆ โดยเฉพาะธรรมะของ "ท่านพุทธทาส"

"ส่วนตัวศรัทธาท่านพุทธทาส จึงคัดเลือกเนื้อหาธรรมะท่านพุทธทาสมาทำเป็นเพลง และแต่งเพิ่มจากบางคำบางวลีของท่านพุทธทาส ส่วนท่วงทำนองก็ถอดมาจากอารมณ์ของสัจจะที่ท่านพุทธทาสค้นพบ ซึ่งมันเป็นอารมณ์ที่ทั้งแข็งแรง ทั้งอ่อนหวานในตัว"

จีวันเล่าว่า โครงการนี้ทำมา 2 ปีแล้ว

"ผมค่อยๆ ทำจนบทกวีบอกเองว่ามันเป็นอารมณ์นั้นอารมณ์นี้ มันไม่เกี่ยวกับคอร์ดไม่เกี่ยวกับโน้ต หรือเครื่องดนตรีเลย ความหมายเพลงธรรมะจะคิดให้ลึกก็ลึก คิดแบบตื้นๆ ก็ได้ คิดแบบขำๆ ก็ได้ อย่างคำว่าตัวกู ของกู บางคนก็ขำแล้ว แต่ถ้าคิดให้ลึกก็จะขำไม่ออก เพราะที่เราทุกข์อยู่ทุกวันนี้ก็เพราะตัวกูกับของกู แค่นี้เอง ไม่มีอันอื่นเลย.."

เขากล่าวติดตลกว่า ".. แล้วจะไม่มีของกูได้ยังไง ก็ต้องไม่มีตัวกู แล้วจะอยู่ยังไงถ้าไม่มีของกู ตัวกู มันจึงเป็นอะไรที่ท้าทายต่อการมีชีวิต มันไม่ใช่การมีชีวิตแบบอยู่ไปวันๆ สวยไปวันๆ หล่อไปวันๆ เก่งไปวันๆ ไม่ใช่เลย.."

และหากจะถามถึงยอดขายกับชายคนนี้ มีแต่เสียงหัวเราะแล้วบอกว่า..

"เมื่อเราค้นพบตัวเราเอง เราจะไม่มีทางลืมในสิ่งที่เป็นเรา แต่ถ้ายังค้นไม่พบมันจะพยายามที่จะต้องจำตัวเอง แล้วเราจะไม่ใช้คำว่าพยายามในชีวิต จะไม่มีคำว่าพยายามเลย เพราะเราไม่ต้องการความสำเร็จ เราไม่รู้จะสำเร็จเพื่ออะไร เราไม่ได้ต้องการยอดขาย เราไม่ได้อยากรวย ไม่ได้อยากดัง ดังนั้นก็ไม่ต้องสำเร็จ แล้วก็ไม่ต้องพยายาม..อย่างดอกไม้มันพยายามที่จะบานไหม มันบานของมันเอง มันเป็นธรรมชาติของมัน ทำไมเราต้องไปพยายาม คนมันถึงเครียดไง เราไปกำหนดมัน แต่ทุกอย่างกำหนดไม่ได้หรอก"

สำหรับคอนเสิร์ตเนื่องใน 100 ปีชาตกาลท่านพุทธทาส จีวันบอกว่า ถือเป็นการสืบทอดศาสนาด้วยบทเพลง

คอนเสิร์ตครั้งนี้จะแยกออกเป็น 3 ส่วน ทั้งการอ่านบทกวี อ่านบทกวีร่วมกับขับร้อง และการขับร้อง ในด้านแสงสีเสียงดูแลโดยคุณภัทราวดี มีชูธน ทั้งหมด มีการแสดงหลากหลาย ไม่น่าเบื่อ มีนักร้องรับเชิญ และแขกรับเชิญหลายคน อาทิ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์, สุเทพ วงศ์กำแหง, เทวัญ ทรัพย์แสนยากร, คณาคำ อภิรดี, วรรธณา วีรยวรรธน, ณัฐริกา ธรรมปรีดานันท์ เป็นต้น

*"นักร้องแต่ละคนลีลาไม่เหมือนกัน เพราะว่าใช้เวลาน้อย แต่คุณภาพเยอะ ทั้งหมดจะกลั่นออกมาในเวลานั้น จะเห็นเพชรในแต่ละคนหลุดเกลื่อนเวที แล้วคอนเสิร์ตนี้จะเป็นคอนเสิร์ตแรกที่เชิญพระสงฆ์มาดู เป็นคอนเสิร์ตเดียวที่พระฟังเพลงได้ไม่ผิดศีล เพราะท่านพุทธทาสเขียนไว้ชัดเจนว่า เพลงที่เป็นธรรมะเอาไว้ใช้ประกอบการฝึกฝนจิต ด้วยเหตุผลนี้จะทำให้ไม่เป็นข้าศึกต่อพรหมจรรย์"*

การแสดงวันดังกล่าว จีวันบอกว่าจะเป็นเสมือนหนึ่งเดียวกับท่านพุทธทาส เพราะ..

"เพราะเราคือภาคที่ 3 ของท่าน สมมุติว่าภาคที่ 1 คือตัวท่าน ภาคที่ 2 เขียนบทกวี แล้วเราก็ทำกวีเป็นเพลง เราก็เป็นภาคที่ 3 ของท่าน แล้วคนฟังก็จะเป็นภาคที่ 4 คนรุ่นต่อไปก็เป็นภาคที่ 5 เพราะอย่างนี้ชาติเราถึงมีวัฒนธรรมประเพณี แล้วบรรพบุรุษเรามีรากที่แข็งแรง เราก็ศึกษาตามรากที่แข็งแรงนั้น เพียงแต่เรานำความรู้นั้นมาประยุกต์ให้ทันสมัยขึ้น

"ผมเชื่อว่า เพลงที่ผมทำ ถ้ามีประโยชน์จริง เดี๋ยวคนรุ่นหลังจะเอามาฟังมาศึกษาเอง แต่ถ้าไม่มีประโยชน์ก็จบไป แต่ถ้ามีคุณค่า จีวันจะไม่ตาย จะเป็นตำนานของคนรุ่นหลัง ถ้าพูดกันตามตรง ไม่โฆษณาชวนเชื่อคอนเสิร์ตนี้แค่อินโทรฯเท่านั้น แค่จั่วหัวเรื่อง มันแค่รู้สึกว่าน่าสนใจ ยังลงอะไรไม่ลึกมาก เพราะถ้าไปไกลกว่านี้จะขาดการติดต่อทันที อาจจะเอ๋อกัน เดี๋ยวมีหลับ มีเดินออก ฉะนั้นเพลงจะเล่นแค่ชั่วโมงครึ่งเพื่อไม่ให้คนเบื่อ"

มีคนบอกว่าจีวันตอนนี้ทำเพลงธรรมะ..บรรลุแล้ว?

"..อู้ยยย สาธุ ขอให้บรรลุจริงเหอะ เราก็ยังปกติ เป็นคนปกติ ยังมีความโลภ โกรธ หลง เพียงแต่ว่ามันเบาบางลง เพราะเราถูกกล่อมเกลาด้วยของอย่างนี้ เราร้องทุกวัน ผมเองก็ไม่ใช่ซุปเปอร์แมนนะคุณ ที่จะไปเปลี่ยนแปลงอะไรต่ออะไร เปลี่ยนแปลงเยาวชน เห็นผมใส่กางเกงในไว้ข้างนอกเหรอ..

แล้วหัวหน้าวงดนตรีธรรมะก็ตบท้ายว่า

"ชีวิตมันง่าย แต่คนชอบคิดว่ายาก เพราะมีบางอย่างบังดวงตา มาดูคอนเสิร์ตนี้เรียกว่ามาแหกตากันล่ะ ดูว่ามีอะไรบังดวงตาอยู่-มาเปิดดวงตากัน ผมจะย้ำว่า ธรรมะคือหน้าที่ ฉะนั้นคอนเสิร์ตนี้มันจึงเป็นคอนเสิร์ตหน้าที่ หน้าที่ของพุทธบริษัทที่จะต้องไปรู้ว่าสิ่งดีๆ มันเกิดขึ้นแล้ว คุณอยากจะได้มันไหม จะมอบสิ่งดีๆ ให้ตัวเองหรือยัง คอนเสิร์ตจะบอกให้ แต่บอกแบบรื่นรมย์

"ใครไปฟังอย่างน้อยก็ฉลาดกว่าเดิม คือไม่โง่เท่าเดิม แล้วไม่ใช่ได้แค่ความบันเทิง มันทำให้เกิดปัญญา และความแข็งแกร่ง ขอบอกว่าเพลงธรรมะไม่ใช่เพลงทางเลือก แต่เป็นเพลงที่ต้องเลือก เพราะจะทำให้มนุษย์อยู่รอด.."

*เป็นเช่นที่กล่าวหรือไม่ ต้องไปพิสูจน์เอง*
 
ที่มา- 
 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ทีวีสาธารณะ : รูปแบบธุรกิจโทรทัศน์ใหม่ทีวีสาธารณะ : รูปแบบธุรกิจโทรทัศน์ใหม่

รัฐบาลจัดสร้างภาพยนต์การ์ตูนประวัติพระพุทธเจ้ารัฐบาลจัดสร้างภาพยนต์การ์ตูนประวัติพระพุทธเจ้า

อยากอยาก"จำแม่น"เชิญทางนี้ มีวิธีฝึกบำรุงสมองมาบอก



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

DMC NEWS