เวียนเทียนวันวิสาขบูชา


[ 30 เม.ย. 2558 ] - [ 18298 ] LINE it!

วันวิสาขบูชา 2561

เวียนเทียนวันวิสาขบูชา

เรื่อง : พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ (M.D.; Ph.D)

จากรายการข้อคิดรอบตัว ออกอากาศทางช่อง DMC
 
เวียนเทียนวันวิสาขบูชา
เวียนเทียนวันวิสาขบูชา

สมัยพุทธกาลมีการเวียนเทียนหรือไม่?


      การเวียนเทียนเป็นธรรมเนียมที่มีมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาล เวลามีการแสดงความเคารพต่อสิ่งใดจะใช้การเวียนเทียน ซึ่งมีศัพท์เรียกว่าเวียนประทักษิณที่เราเรียกว่าเวียนขวา คือเวลาเราจะแสดงความเคารพสิ่งใด อย่างเช่นจะเวียนเทียนรอบโบสถ์รอบพระพุทธรูป รอบพระสถูป ให้เอาแขนขวาของเราเข้าใกล้สิ่งนั้น หรือบางทีเราก็อาจจะอาราธนาพระพุทธรูปองค์เล็ก ๆ มาวางไว้ แล้วเวียนเทียนรอบ ๆ พระพุทธรูปองค์นั้น ไม่จำเป็นต้องเวียนเทียนรอบโบสถ์ก็ได้ เพราะบางที่ไม่มีโบสถ์ให้เราอาราธนาพระพุทธรูปมาวางไว้ แล้วเดินเวียนรอบ ๆ ก็ถือเป็นการเวียนเทียนเหมือนกัน คือเวียนประทักษิณระลึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นเอง


ทำไมต้องมีการเวียนเทียน?

 
     ที่เรียกว่าเวียนเทียนเพราะว่าเราถือเทียนไว้ในมือ ซึ่งบางทีก็มีทั้งเทียน ทั้งธูป แต่เราไม่เรียกเวียนธูป เพราะธูปเป็นควันมองเห็นไม่ชัด แต่เทียนมันสว่าง มองเห็นง่าย เราก็เลยเรียกว่าเวียนเทียนการเวียนเทียนคือการบูชาด้วยความสว่างเพราะถือว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงนำความสว่างแห่งปัญญามาให้เราได้รู้จักความจริงของโลกและชีวิต เราบูชาปัญญาซึ่งมีตัวแทนคือความสว่างโดยใช้เทียน ส่วนธูปเป็นการบูชาด้วยของหอม ว่ากลิ่นศีลของพระองค์หอมทวนลม
 
      เคยมีคำถามว่า อะไรเอ่ยหอมทวนลม ปกติความหอมทั่วไปจะหอมตามลม เพราะความหอมเกิดจากโมเลกุลของสิ่งนั้นมากระทบต่อเซลล์ประสาทรับกลิ่นของเราที่โคนจมูก พอเราหายใจเข้าไป โมเลกุลของสิ่งนั้นจะไปกระทบกับใยประสาททำให้เกิดกลิ่นขึ้นมา แล้วอะไรจะหอมทวนลมได้ ท่านบอกว่ากลิ่นศีลจะหอมทวนลม ปกติเทวดาอยากอยู่ห่างมนุษย์มาก ๆ ไม่อยากเข้าใกล้ เพราะเทวดารู้สึกว่ากลิ่นมนุษย์เหม็นเหมือนศพ ไม่อยากเข้าใกล้ ยกเว้นมนุษย์ผู้มีศีล ถ้าวันไหนเทวดาจะลง
มาดูแลรักษาเรา ก็เพราะกลิ่นศีลหอมทวนลม
 
     เพราะฉะนั้นเราบูชาว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีพระบริสุทธิคุณด้วยการจุดธูประลึกถึงศีลของพระองค์ และเราเองก็ต้องปฏิบัติให้มีศีลอย่างพระองค์ด้วย

     ศีล 5 คือศีลเบื้องต้นของฆราวาส แต่ถ้าวันพระหรือวันคล้ายวันเกิด เช่น ใครเกิดวันจันทร์ก็รักษาศีล 8 วันจันทร์ อาทิตย์หนึ่งสักครั้งหนึ่งถ้าทำได้จะดีมาก เพราะถ้าเรารักษาศีล 5 เดี๋ยวนี้สิ่งยั่วยวน สิ่งเร้ามีมาก เกิดเราใจอ่อนไปผิดศีล ศีลเราก็จะขาด แต่ถ้าเรายกใจเราสูงขึ้นเป็นศีล 8 ถึงคราวจะร่วงลงมาเป็นศีล 5 ก็ยังดี คือเหมือนกับชกรุ่นเฮฟวีเวทแล้วพอเจอรุ่นฟลายเวทก็สบาย ๆ ฉะนั้นอาทิตย์หนึ่งก็เอาวันเกิดตัวเองสัก 1 วันวันพระอีก 1 วัน รักษาศีล 8 ให้ได้ 2 วันต่อสัปดาห์ อย่างนี้เยี่ยมเลย


ปัจจุบันประเทศอินเดียยังมีการเวียนเทียนถวายเป็นพุทธบูชาไหม?

 
     หลังจากอิสลามรุกเข้ามายึดอินเดีย พระพุทธศาสนาก็หายจากอินเดียไปช่วงใหญ่ แต่ตอนนี้เริ่มฟื้นกลับมาแล้ว เมื่อวิสาขบูขาที่ผ่านมาก็มีการนิมนต์และเชิญตัวแทนจากวัดพระธรรมกายไปจัดงานวิสาขบูขาที่อินเดีย ซึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อก็ส่งหมู่คณะไปปรากฏว่ามีรัฐมนตรีมาร่วมงานกันหลายท่านเขาปลื้มใจมาก ขอให้ไปช่วยจัดตามเมืองต่าง ๆ อีก หลายแห่ง และบอกว่าปีหน้าช้าไป ขอเร็ว ๆ หน่อยได้ไหม มีงานอะไรก็อยากให้ไปช่วยจัด ธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะได้กลับไปสู่แดนพุทธภูมิคือประเทศอินเดียอย่างจริงจังแล้ว


พิธีกรรมวันวิสาขบูชาของอินเดียกับไทยเหมือนหรือต่างกันอย่างไร?

 
     โดยพื้นฐานก็คล้าย ๆ กัน เพราะตอนนี้เราเอาต้นแบบธรรมเนียมพุทธของเรากลับไปให้เขาเขากำลังดูชาวพุทธไทยเป็นต้นแบบ แต่ก็ต้องปรับให้เข้ากับธรรมชาติบ้านเมืองเขาเหมือนกัน เช่น การปล่อยโคมลอย เมืองเขาลมแรงมาก บางทีพัดจนกระดาษที่หุ้มโคมโป่ง ถูกไฟข้างในไหม้ก็มี แต่คนอินเดียเขาก็สู้ พยายามจนสามารถปล่อยได้สำเร็จเป็นร้อย ๆ โคม แล้วเขาก็เบิกบานกัน อยากจะให้จัดอีก มีชาวอินเดียมาร่วมงานเป็นหมื่นเป็นแสนคนอย่างเงียบสงบและเป็นระเบียบ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในอินเดีย ทำให้เกิดความทึ่งและตะลึงไปตาม ๆ กันเราเอาธรรมเนียมปฏิบัติที่วัดของเราไปทำที่อินเดีย ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความสงบเสงี่ยม ทุกอย่างเป็นการแสดงถึงความเคารพต่อพระรัตนตรัย แสดงความเคารพต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งสร้างความประทับใจและความศรัทธาแก่ผู้หลักผู้ใหญ่ของอินเดียได้เป็นอย่างดี


อานิสงส์ของการร่วมพิธีเวียนเทียนมีอะไรบ้าง?


      อานิสงส์มหาศาล มีเรื่องจริงเกิดขึ้นเมื่อครั้งพุทธกาล คือมีเทพธิดาเกิดใหม่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ชั้นเดียวกับพระอินทร์ เทพธิดาที่เกิดขึ้นมามีวิมานสวยมาก มีสีทอง เทวรถก็สีทอง พัดก็สีทองอะไร ๆ ก็สีทองทั้งนั้น สีเหลืองทองสวยงามมากพระอินทร์เห็นยังทึ่งเลย และไปถามเทพธิดาเจ้าของวิมานว่า “ดูก่อนเทพธิดา เธอทำบุญอะไรมาหรือทำไมวิมานสวยอย่างนี้” เทพธิดาไม่กล้าตอบเพราะอาย พอพระอินทร์ถามรุกเร้าเข้า ก็เลยตอบว่า “ดิฉันเพิ่งมาเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ตอนเป็นมนุษย์กำลังจะไปบูชาพระสถูปเจดีย์ด้วยดอกบวบขม เคยเห็นชาวบ้านเขาถือธูปเทียนไปไหว้พระสถูปเจดีย์ ก็อยากจะไปบ้าง แต่ไม่มีเงินซื้อธูปเทียนของหอมอย่างคนอื่นเขา เพราะจนมากจึงเด็ดดอกบวบขมข้างทางมา 4 ดอก ตั้งใจจะไปบูชาพระสถูปเจดีย์”

      ระหว่างเดินไป วิบากกรรมเก่าตามมาถึงถูกแม่โควิ่งมาขวิดตายกลางทาง ขณะที่ใจเต็มเปี่ยมด้วยความศรัทธา พอละจากโลกนี้ก็ได้เกิดเป็นเทพธิดามีวิมานสีเหลืองทองนี่ขนาดยังไปไม่ถึงพระสถูปเจดีย์ แต่ความตั้งใจมีอยู่ ของที่บูชาก็เป็นของที่ราคาถูกมาก คือดอกบวบที่เก็บจากข้างทาง อานิสงส์ยังส่งขนาดนี้ถ้าตั้งใจเวียนเทียนบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยใจศรัทธาเลื่อมใสมั่นคงแน่วแน่ ยิ่งทำสมาธิไปด้วยลองคิดดูว่าบุญขนาดไหน อานิสงส์มหาศาลเลยท่านถึงสรุปว่า “เมื่อมีจิตเลื่อมใสในพระรัตนตรัยแล้วทักษิณาทานหาชื่อว่าเป็นของน้อยไม่”
 
เวียนเทียนวันวิสาขบูชา
เวียนเทียนวันวิสาขบูชา

ในระหว่างการเวียนเทียน 3 รอบต้องมีการสวดมนต์ไหม?


      ส่วนใหญ่สวดนะโมตัสสะ... และ อิติปิโส...อิติปิโส... คือการบูชาพระรัตนตรัย อันได้แก่ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ถ้าสวดมนต์ไปด้วยใจจะไม่คิดวอกแวกไปที่อื่น ฉะนั้นในการเวียนเทียนถ้าไม่ได้สวดมนต์ สำหรับคนที่ยังฝึกสมาธิมาน้อยบางทีก็เวียนไปคุยกันไป ฉะนั้นสวดมนต์ดีกว่าจะได้อยู่ในบุญ บทสวดก็เป็นบทบูชาพระรัตนตรัยจะใช้บทไหนที่เราคุ้นเคย อะระหังสัมมา... ก็ได้ อิติปิโส... ก็ได้ นะโมตัสสะ... ก็ได้ สวดไปใจก็ทำสมาธิไปด้วย ถ้าคนไหนเคยฝึกสมาธิมาแล้วใจจดจ่อบูชาพระรัตนตรัยอย่างนี้ยิ่งดีมาก


การเวียนเทียน 3 รอบมีความหมายอะไรหรือเปล่า?


      เป็นธรรมเนียมแต่ครั้งพุทธกาลแล้วที่ทำอะไรมักจะทำ 3 รอบ รอบที่ 2 เรียกทุติยัมปิ รอบที่ 3 เรียกตะติยัมปิ อาราธนาศีลก็ยังต้องอาราธนา 3 ครั้ง เวลาขอถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งยังต้อง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ, ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ, สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ และยังมีทุติยัมปิ คือรอบ 2 ตะติยัมปิ คือรอบ 3 แม้แต่บวชพระก็เหมือนกัน เวลาบวช พระคู่สวดต้องตั้งญัตติขึ้นมาว่า ดูก่อน สงฆ์ทั้งหลายโปรดฟังข้าพเจ้าว่า มีบุคคลชื่อนี้ (ชื่อบาลี) ซึ่งเป็นศิษย์ของพระอุปัชฌาย์ชื่อนี้ตั้งใจจะมาขอบวชต่อสงฆ์ ถ้าสงฆ์เห็นพร้อมกันแล้วโปรดอนุญาตให้บุคคลผู้นี้บวชด้วย นี่เป็นญัตติตั้งญัตติขึ้นมาก่อน จากนั้นก็ทวน 3 รอบ ถามความเห็น รอบที่ 1 ถ้าสงฆ์ทั้งหมดเห็นพ้องต้องกันขอให้นิ่ง ถ้าไม่เห็นพ้องต้องกัน ก็ให้ทักท้วง ถามอย่างนี้ 3 รอบ


พิธีกรรมทางพระพุทธศาสนามีประโยชน์อย่างไร?


     ให้มองอย่างนี้ คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น หลักปฏิบัติต่าง ๆ เปรียบเหมือนต้นไม้ ที่มีตั้งแต่เปลือก กระพี้ และแก่น แก่นไม้คือส่วนที่เป็นสาระของต้นไม้ แต่แก่นก็ต้องมีเปลือกมาหุ้ม แล้วเปลือกก็มีกระพี้หุ้มอีกที บางคนบอกว่าเปลือกกับกระพี้ไม่สำคัญ จริง ๆ ถ้าไม่มีเปลือก ไม่มีกระพี้ต้นไม้ก็ตายเหมือนกัน เปลือกและกระพี้เป็นตัวหุ้มต้นไม้เอาไว้ แล้วน้ำเลี้ยงก็หล่อเลี้ยงให้แก่นค่อย ๆ โตขึ้น ชาวพุทธเราปฏิบัติตามหลักพระพุทธศาสนาก็มีทั้งเปลือก กระพี้ และแก่นตัวพิธีกรรมในพระพุทธศาสนาเช่นการเวียนเทียนถือว่าเป็นส่วนของเปลือกและกระพี้ แต่ถ้าระหว่างที่เวียนเทียนเราสวดมนต์ไปด้วย ทำสมาธิไปด้วย อันนี้ถือว่าได้ทั้งเปลือก กระพี้ และแก่นไปด้วยในตัว แต่บางคนที่ไปเวียนเทียนตามธรรมเนียมเห็นเขาเวียนเทียนก็เวียนไปด้วย เวียนไปคุยไปอย่างนี้ได้เฉพาะในส่วนของกระพี้กับเปลือก ยังไม่ไปถึงแก่น ฉะนั้นแต่ละคนที่ไปเวียนเทียนด้วยกันแม้เวียนที่เดียวกัน ก็ได้ประโยชน์ไม่เท่ากัน

     ในแง่ของหลักปฏิบัติตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า การปฏิบัติตามหลักศีลสมาธิ ปัญญา, ทาน ศีล ภาวนา นั่นคือส่วนของแก่น ที่เป็นสาระที่แท้จริง แต่ถ้าอยู่ ๆ ชวนกันไปวัดบอกให้มานั่งสมาธิเลย มีคนที่พร้อมจะเข้าวัดจริง ๆ ไม่มาก แต่ถ้าชวนไปเวียนเทียนง่ายกว่าไปเวียนเทียนวันวิสาขบูชา นั่นคือส่วนของพิธีกรรม คือส่วนของเปลือกและกระพี้ ชวนคนมาได้ง่าย พอมาถึงวัด ไหน ๆ มาเวียนเทียนแล้ว ใจเป็นกุศลขึ้นมา ทำความดีเพิ่มอีกนิด เพิ่มรักษาศีลอีกหน่อย อย่างนี้จะง่ายขึ้น
 
     เพราะฉะนั้น จะว่าพิธีกรรมไม่สำคัญก็ไม่ใช่พิธีกรรมมีความสำคัญ เพราะสามารถสร้างความศรัทธาให้เพิ่มขึ้นได้ ไปเวียนเทียนพร้อมกันคนที่ตั้งใจอยู่แล้วก็เลยเกิดปีติศรัทธามากขึ้นอีกตอกย้ำให้คนใหม่รู้สึกดีมากขึ้น คนเก่าก็เกิดความศรัทธาเพิ่มขึ้น พิธีกรรมมีส่วนเสริม แต่ต้องไม่ลืมว่าอย่าติดแค่พิธีกรรมอย่างเดียว พิธีกรรมเป็นเครื่องจูงใจ แต่สาระสำคัญจริง ๆ คือการปฏิบัติทาน ศีล ภาวนา ตั้งใจทำให้ดี เพราะทำแล้วจะเกิดเป็นบุญกุศลติดตัวเราไป

    ฉะนั้น เราชาวพุทธเมื่อเข้าใจอย่างนี้แล้ว ต้องปฏิบัติให้ครบ โดยมุ่งไปหาแก่น แต่ไม่ถึงขนาดปฏิเสธเปลือกและกระพี้ แล้วสุดท้ายต้องนำไปสู่สาระคือการปฏิบัติเสมอ คนที่เข้าใจอยู่แล้วไปชวนคนใหม่เข้ามาโดยอาศัยพิธีกรรมเป็นอุปกรณ์ในการชักชวน และนำมาสู่การปฏิบัติ คนที่เข้าใจแก่นก็เหมือนกับต้นไม้ที่แก่นโตขึ้น ๆ จากไม้ต้นเล็ก ๆ ก็โตขึ้น สุดท้ายใหญ่จนต้องโอบเลย

    อยากให้พระพุทธศาสนาในทุกถิ่นในประเทศไทยทั้งประเทศ แต่ละจังหวัด แต่ละอำเภอ แต่ละตำบล แต่ละหมู่บ้าน เป็นไม้ใหญ่ที่มีความมั่นคงแข็งแรง เป็นต้นโพธิ์ต้นไทรที่ให้ร่มเงาให้ผู้คนทั้งหลายเกิดความสงบร่มเย็น ถ้าชาวพุทธทุกคนช่วยกันคนละไม้คนละมือ พระสงฆ์ตั้งใจสอนประชาชน ตัวเองปฏิบัติด้วย สอนประชาชนด้วย และชาวพุทธเองก็ตั้งใจเข้าวัดปฏิบัติธรรม อุปถัมภ์บำรุงพระภิกษุสงฆ์ บำรุงพระพุทธศาสนาด้วย แล้วตั้งใจปฏิบัติด้วย จากพิธีกรรมที่เป็นเปลือก กระพี้ จนกระทั่งถึงแก่นแห่งการปฏิบัติจริง ๆ อย่างนี้แล้วพระพุทธศาสนาในประเทศไทยของเราจะสถิตสถาพรยั่งยืนนาน ภัยใด ๆ ข้างนอกก็ทำอันตรายเราไม่ได้ สมดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า “ตราบใดที่ชาวพุทธยังรักการประพฤติปฏิบัติธรรมพระพุทธศาสนาก็จะมั่นคงไปตราบนั้น”

“การเวียนเทียน คือ
การบูชาด้วยความสว่าง
เพราะถือว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทรงนำความสว่างแห่งปัญญา
มาให้เราได้รู้จักความจริง
ของโลกและชีวิต“




Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ทอดกฐินทุกวัดทั่วไทย สร้างบุญใหญ่ให้แผ่นดินทอดกฐินทุกวัดทั่วไทย สร้างบุญใหญ่ให้แผ่นดิน



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

พุทธประวัติ - วันสำคัญในพระพุทธศาสนา