พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว...ก้าวสู่รัตนโกสินทร์ตอนกลาง


[ 10 ก.ค. 2558 ] - [ 18270 ] LINE it!

พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว...ก้าวสู่รัตนโกสินทร์ตอนกลาง
 
เรื่อง : Tipitaka (DTP)
จากวารสารอยู่ในบุญฉบับเดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๘
 
ภาพจิตรกรรมฝาผนัง ณ พระวิหารหลวง วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม พระอารามหลวงชั้นเอก วัดประจำรัชกาลที่ ๔ แสดงวิถีชีวิตของชาวสยามที่ผูกพันกับพระพุทธศาสนา
ภาพจิตรกรรมฝาผนัง ณ พระวิหารหลวง วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม พระอารามหลวงชั้นเอก
วัดประจำรัชกาลที่ ๔ แสดงวิถีชีวิตของชาวสยามที่ผูกพันกับพระพุทธศาสนา

     แผ่นดินสมัยรัตนโกสินทร์ตอนกลางเริ่มในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๔ แห่งราชวงศ์จักรี เป็นยุคที่สยามเปิดประเทศสู่อารยธรรมตะวันตกและเจริญสัมพันธไมตรีกับนานาชาติ ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคมไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อปรับตัวให้ประเทศรอดพ้นจากการล่าอาณานิคมของประเทศมหาอำนาจ แต่สิ่งที่ยืนหยัดคู่แผ่นดินทั้งยามสุขสงบและยามเผชิญวิกฤตมิเปลี่ยนแปลง คือ พระพุทธศาสนา อันเป็นที่เคารพนับถือสูงสุดและเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนในชาติมาแต่บรรพกาล


      พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ทรงเปี่ยมไปด้วยพระปรีชาสามารถทั้งทางโลกและทางธรรม อันสอดผสานกันนำพาประเทศให้ก้าวผ่านยุคที่อิทธิพลตะวันตกเริ่มเข้ามาในแผ่นดิน โดยเฉพาะความรู้ในด้านการพระศาสนา ทรงเป็นพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีที่มีความรู้เรื่องพระไตรปิฎกอย่างลึกซึ้ง และเป็นพระมหากษัตริย์ไทยพระองค์ที่ ๒ ที่มีความรู้แตกฉานในหลักธรรมของพระพุทธศาสนาอย่างถ่องแท้ถัดจากพระมหาธรรมราชาลิไทแห่งราชวงศ์พระร่วงสุโขทัยทั้งนี้เพราะทรงผนวชเป็นภิกษุในบวรพระพุทธศาสนาอยู่นานยิ่งกว่าพระมหากษัตริย์พระองค์ใดๆ ตั้งแต่เจริญพระชนมายุได้ ๒๑ พรรษา จนพระชนมายุ ๔๗ พรรษา จึงทรงลาผนวชเพื่อสืบทอดราชบัลลังก์ รวมระยะเวลาครองสมณเพศได้ ๒๗ พรรษา

    เจ้าฟ้ามงกุฎทรงดำรงอยู่ในสมณเพศตลอดรัชสมัยแผ่นดินรัชกาลที่ ๓ มีฉายาว่า วชิรญาโณทรงเอาพระทัยใส่ศึกษาทั้งวิปัสสนาธุระและคันถธุระอย่างลึกซึ้ง ความแตกฉานในภาษามคธของพระองค์เป็นที่เลื่องลือ แม้ขณะนั้นจะทรงสอบพระปริยัติธรรมได้ชั้นประโยค ๑-๕ แต่ก็ทรงพระปรีชาสามารถแปลพระปริยัติธรรมในที่ประชุมพระราชาคณะผู้ใหญ่ถวายต่อหน้าพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จนสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชมั่นพระราชหฤทัยในความรู้ของพระองค์ และมีพระราชศรัทธาถวายพัดเปรียญ ๙ ประโยค เพื่อเฉลิมพระเกียรติ และโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้เป็นพระราชาคณะและกรรมการในการสอบไล่พระปริยัติธรรมพระภิกษุสามเณรในเวลาต่อมา
 
พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องทรงศีล ทรงฉายเมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๐
พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จ
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องทรงศีล
ทรงฉายเมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๐

     ความเชี่ยวชาญในภาษามคธทำให้เจ้าฟ้ามงกุฎทรงสามารถศึกษาพระไตรปิฎกได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน เมื่อพิจารณามาถึงพระวินัยปิฎก ทรงเล็งเห็นว่าแบบแผนความประพฤติของคณะสงฆ์ในขณะนั้นมีความวิปลาสคลาดเคลื่อนไปจากพุทธบัญญัติเดิมอยู่มาก จึงทรงส่งเสริมการศึกษาพระปริยัติธรรมและวัตรปฏิบัติของพระสงฆ์ให้เคร่งครัดบริสุทธิ์ถูกต้องตามพระธรรมวินัย เช่น การครองผ้าของพระภิกษุสามเณรตามเสขิยวัตรแห่งพระวินัย การแสดงอาบัติการทำพินทุ เป็นต้น และทรงพระราชนิพนธ์บทสวดภาษาบาลีตั้งธรรมเนียมทำวัตรเช้าและเย็นขึ้น ซึ่งบทพระราชนิพนธ์นี้ยังคงใช้มาจนถึงปัจจุบัน แบบแผนธรรมเนียมที่ฟื้นฟูขึ้นนี้ทรงปฏิบัติเป็นแบบอย่างตั้งแต่ยังทรงผนวชจนกระทั่งขึ้นเถลิงราชสมบัตินับเป็นการสืบอายุพระพุทธศาสนาในประเทศไทยให้รุ่งเรืองขึ้นอีกวาระหนึ่งสมดั่งพระราชหฤทัยที่ตั้งไว้อย่างแน่วแน่

     ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สำรวจคัมภีร์พระไตรปิฎกในหอพระมณเฑียรธรรม และตรวจสอบคัมภีร์พระไตรปิฎกในแผ่นดิน เจ้าฟ้ามงกุฎซึ่งขณะนั้นทรงผนวชอยู่ ทรงรับเป็นธุระสำคัญในการจัดส่งสมณทูตไปอัญเชิญพระไตรปิฎกจากลังกากลับมาแผ่นดินสยามเพื่อนำมาคัดลอกให้สมบูรณ์ ครั้นเมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๔ โปรดเกล้าฯ ให้สำรวจคัมภีร์พระไตรปิฎกในหอพระมณเฑียรธรรมเช่นเดียวกัน หากพบคัมภีร์ฉบับใดสูญหายหรือไม่ครบถ้วนก็โปรดเกล้าฯ ให้สร้างซ่อมแซมจนครบบริบูรณ์ และโปรดเกล้าฯ ให้สร้างคัมภีร์พระไตรปิฎก “ฉบับล่องชาด” สำหรับหอหลวงขึ้นใหม่ คัมภีร์พระไตรปิฎกหลวงที่สร้างใหม่สำหรับรัชกาลนี้ จะปรากฏรูปสัญลักษณ์ประจำรัชกาลอยู่ด้านซ้ายและขวาของใบลาน แต่หากเป็นคัมภีร์ที่สร้างซ่อมเพิ่มเติมจากรัชกาลก่อน จะปรากฏตราสัญลักษณ์รัชกาลก่อนทางด้านซ้าย และตราสัญลักษณ์รัชกาลหลังทางด้านขวา
 
 


    ทั้งยังทรงเผยแผ่พระสัทธรรมแห่งองค์พระบรมศาสดาให้ไปงอกงามยังดินแดนอื่น ดังปรากฏหลักฐานในหนังสือ “The Status of Pāli in Cambodia : from Canonical to Esoteric Language” โดย Olivier de Bernon ว่า ในปี พ.ศ. ๒๓๙๗ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯให้ส่งพระไตรปิฎกฉบับครบถ้วนสมบูรณ์ไปยังสมเด็จพระหริรักษ์รามสุริยะมหาอิศวรอดิภาพ (นักองด้วง) ปฐมกษัตริย์แห่งราชอาณาจักรกัมพูชาสมัยใหม่ ซึ่งถือเป็นเอกสารด้านการสืบทอดภาษาบาลีฉบับสมบูรณ์ของประวัติศาสตร์กัมพูชาเลยทีเดียว
 

     นอกจากเจ้าฟ้ามงกุฎจะทรงมีส่วนสำคัญในการสร้างคัมภีร์พระไตรปิฎกในสมัยรัชกาลที่ ๓ แล้ว ช่วงที่พระองค์ทรงปกครองวัดบวรนิเวศวิหาร โปรดเกล้าฯ ให้นำเทคโนโลยีการพิมพ์มาใช้เพื่อประโยชน์ทางพระพุทธศาสนาอีกทางหนึ่ง โปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งโรงพิมพ์แห่งแรกของประเทศขึ้นภายในวัดบวรนิเวศวิหาร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำสื่อสิ่งพิมพ์ตอบโต้คำสอนของคริสต์ศาสนาที่โจมตีพุทธศาสนาผ่านสิ่งพิมพ์อย่างต่อเนื่อง และให้มีการเผยแผ่คำสอนทางพระพุทธศาสนาผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ ซึ่งเป็นวิธีเดียวกับการเผยแผ่คำสอนของมิชชันนารีอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และเพื่อลดความซับซ้อนของอักขรวิธีในการเขียนและการพิมพ์ ทรงประดิษฐ์อักษรขึ้นใหม่ เรียกว่าอักษรอริยกะ หมายถึง อักษรของผู้เจริญ โดยทรงดัดแปลงอักษรโรมันของชาวตะวันตกมาใช้

     ในการบันทึกภาษาบาลีแทนอักษรขอมไทยที่ใช้มาแต่เดิม รูปสัณฐานคล้ายคลึงกับอักษรโรมันมีรูปพยัญชนะ ๓๓ ตัว สระ ๘ ตัว สระและพยัญชนะวางอยู่บนบรรทัดเดียวกัน คล้ายคลึงกับอักษรไทยสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช แต่อักษรนี้มีความแตกต่างจากอักษรไทยอยู่มาก จึงไม่เป็นที่นิยมและเลิกใช้ไปในที่สุด

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ ออกรับราชทูตฝรั่งเศส ณ พระที่นั่งอนันตสมาคมในหมู่พระอภิเนาว์นิเวศน์
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ ออกรับราชทูตฝรั่งเศส ณ พระที่นั่งอนันตสมาคมในหมู่พระอภิเนาว์นิเวศน์

     พระปรีชาสามารถในสรรพวิชาที่เจ้าฟ้ามงกุฎได้จากประสบการณ์ตลอด ๒๗ พรรษาภายใต้ผ้ากาสาวพัสตร์ ประกอบกับสายพระเนตรที่ยาวไกลจากการปฏิสัมพันธ์กับนานาอารยประเทศนับเป็นคุณประโยชน์ยิ่งในการปกครองราชอาณาจักรให้สงบร่มเย็นเมื่อเสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติต่อจากสมเด็จพระเชษฐาธิราชในกาลต่อมา พระราชภารกิจสำคัญในฐานะพระเจ้าแผ่นดิน รัชกาลที่ ๔ แห่งสยามประเทศ ตลอดระยะเวลา ๑๘ ปี คือ การดำเนินวิเทโศบาย นำพาประเทศชาติให้รอดพ้นจากภัยคุกคามในยุคล่าอาณานิคม คงความเป็นเอกราชด้วยความสวัสดี ทั้งยังแสดงให้อารยประเทศทั้งหลายได้ประจักษ์ว่า แผ่นดินสยามเป็นเมืองแห่งพระพุทธศาสนาที่พรั่งพร้อมไปด้วยอารยธรรมอันงดงาม

ก่องแก้ว วีระประจักษ์ และวิรัตน์ อุนนาทรวรางกูร. คัมภีร์ใบลานฉบับหลวงในสมัยรัตนโกสินทร์. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, ๒๕๔๖.
สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร. พัฒนาการของอักษรไทย. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์พระพุทธศาสนา, ๒๕๕๖.
สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร. วิวัฒน์การอ่านไทย. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, ๒๕๕๖.
 
 

 



Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
รางวัลสุนทรภู่กวีอาเซียน 2556รางวัลสุนทรภู่กวีอาเซียน 2556

หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ (ตอนที่ ๓)หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ (ตอนที่ ๓)

พระไตรปิฎกพิมพ์อักษรไทย อธิปไตยของแผ่นดินพระไตรปิฎกพิมพ์อักษรไทย อธิปไตยของแผ่นดิน



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ความรู้รอบตัว