คำสอนในพระพุทธศาสนาเถรวาท


[ 25 ส.ค. 2559 ] - [ 18269 ] LINE it!

คำสอนในพระพุทธศาสนาเถรวาท

โดย พระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ (สมชาย ฐานวุฑโฒ)
 
 

มีข้อสังเกตเรื่องคำสอนที่ชาวพุทธเถรวาทเราควรตระหนักรู้ก็คือ

     1. แม้พระอรหันต์ 500 รูปก็ยังมีความเห็นในประเด็นพระธรรมวินัยบางข้อไม่ตรงกัน

     ในพระวินัยปิฎก จูฬวรรค ปัญจสติกขันธกะ ขุททานุขุททกสิกขาปทกถา  ว่าด้วยสิกขาบทเล็กน้อย  ( พระไตรปิฎกแปลฉบับ มจร. เล่ม 7 ข้อ 441 หน้า 382 )  ได้กล่าวไว้ว่า เมื่อคราวสังคายนาครั้งที่ 1 พระอานนท์ได้กล่าวกับพระอรหันต์ทั้งหลายว่า “ ในเวลาจะปรินิพพาน พระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้ว่า  อานนท์ เมื่อเราล่วงไป  สงฆ์หวังอยู่ก็พึงถอนสิกขาบทเล็กน้อยได้ ”
 
     พระอรหันต์ทั้งหลายถามว่า  “ ท่านอานนท์ ท่านทูลถามพระผู้มีพระภาคหรือว่า  ‘ พระพุทธเจ้าข้า สิกขาบทข้อไหนที่จัดว่าเป็นสิกขาบทเล็กน้อย ”

     ท่านพระอานนท์ตอบ “ ท่านผู้เจริญ กระผมไม่ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า  ‘ พระพุทธเจ้าข้า สิกขาบทข้อไหน ที่จัดว่าเป็นสิกขาบทเล็กน้อย ”

     ภิกษุผู้เถระบางพวกกล่าวอย่างนี้ว่า “ ยกเว้นปาราชิก 4 สิกขาบท ที่เหลือจัดเป็นสิกขาบทเล็กน้อย ”

     ภิกษุผู้เถระบางพวกกล่าวอย่างนี้ว่า “ ยกเว้นปาราชิก 4 สิกขาบท สังฆาทิเสส 13 สิกขาบท ที่เหลือจัดเป็นสิกขาบทเล็กน้อย ”

     ภิกษุผู้เถระบางพวกกล่าวอย่างนี้ว่า  “ ยกเว้นปาราชิก 4 สิกขาบท สังฆาทิเสส 13 สิกขาบท อนิยต 2 ที่เหลือจัดเป็นสิกขาบทเล็กน้อย ”

     ภิกษุผู้เถระบางพวกกล่าวอย่างนี้ว่า  “ ยกเว้นปาราชิก 4 สิกขาบท  สังฆาทิเสส 13 สิกขาบท อนิยต 2

     นิสสัคคิยปาจิตตีย์  30 สิกขาบท ปาจิตตีย์  92 สิกขาบท ที่เหลือจัดเป็นสิกขาบทเล็กน้อย ”

     ภิกษุผู้เถระบางพวกกล่าวอย่างนี้ว่า  “ ยกเว้นปาราชิก 4 สิกขาบท  สังฆาทิเสส 13 สิกขาบท อนิยต 2

     นิสสัคคิยปาจิตตีย์  30 สิกขาบท ปาจิตตีย์  92 สิกขาบท  ปาฏิเทสนียะ 4 สิกขาบท ที่เหลือจัดเป็นสิกขาบทเล็กน้อย ”

     เมื่อพระอรหันต์ทั้งหลายมีความเห็นไม่ตรงกัน สุดท้ายพระมหากัสสปะจึงเสนอ ญัตติว่า จะไม่เพิกถอนสิกขาบทข้อใดๆ และได้รับการรับรองจากพระอรหันต์ทั้งหลายเป็นเอกฉันท์

     ลองคิดดูว่าหากพระอรหันต์แต่ละกลุ่มยืนกรานความเห็นของตน ไม่ยอมรับความเห็นต่างของพระอรหันต์กลุ่มอื่น คณะสงฆ์ก็มีโอกาสแตกออกเป็น 5 กลุ่มตั้งแต่ครั้งนั้นแล้วระดับพระอรหันต์และไม่ใช่พระอรหันต์ธรรมดา

     แต่เป็นพระอรหันต์ที่ได้รับการคัดเลือกมาทำสังคายนาพระธรรมวินัยเป็นพระไตรปิฎกให้เราศึกษาในปัจจุบัน มีพระอสีติมหาสาวกหลายรูป อาทิ พระมหากัสสปะ พระอุบาลี พระอานนท์ เป็นต้น ก็ยังมีความเห็นบางประเด็นไม่ตรงกัน

     แล้วชาวพุทธปัจจุบันที่ยืนกรานความเห็นของตนหรือเชื่อตามความเห็นของพระภิกษุนักวิชาการบางรูปว่าถูกต้อง ปฏิเสธและโจมตีผู้ที่เห็นต่างจากตนอย่างรุนแรง ท่านเหล่านั้นเป็นพระอรหันต์ทรงอภิญญาหรือยัง เก่งกว่าพระอสีติมหาสาวกหรือเปล่า การโจมตีผู้เห็นต่างจากตนมีแต่จะนำมาซึ่งความแตกแยกในหมู่ชาวพุทธ  ผิดแนวทางปฏิปทาของพระอรหันต์ทั้งหลายในอดีต

     2. การศึกษาและเผยแผ่ธรรมในพระพุทธศาสนาเถรวาทมีคำสอนหลายระดับ

     พระธรรมวินัยในพระไตรปิฎกเป็นแม่บทคำสอนของพระพุทธศาสนาเถรวาท
 
     - มีคัมภีร์อรรถกถาเรียบเรียงโดยพระอรรถกถาจารย์ในยุคหลังพุทธกาลราว 900 ปีเศษ   เป็นคู่มืออธิบายทำความเข้าใจพระไตรปิฎก

     - มีคัมภีร์ฎีกาเป็นคู่มืออธิบายเนื้อหาในคัมภีร์อรรถกถาหรืออธิบายพระไตรปิฎกบางครั้งอธิบายในแง่มุมที่แย้งกับที่คัมภีร์อรรถกถาอธิบายไว้

     - มีคัมภีร์อนุฎีกา เป็นคู่มืออธิบายเนื้อหาในคัมภีร์ฎีกาหรืออธิบายคัมภีร์อรรถกถาหรืออธิบายพระไตรปิฎก

     - มีคำสอนของพระเถระทั้งในรูปคำเทศน์สอน หรือเขียนเป็นหนังสือธรรมะ

     อธิบายขยายความคำสอนในพระพุทธศาสนาให้เราเข้าใจได้ดีขึ้น เช่น คำสอนของท่านพุทธทาส หลวงปู่ หลวงตา พระเถระต่างๆ หรือแม้ฆราวาสบางท่านที่มีความรู้ดี

     มีบางคนคิดว่าคำสอนที่ถูกต้องจะต้องเป็นคำสอนที่มีกล่าวไว้ในพระไตรปิฎกเท่านั้น ผู้ที่มีความเห็นเช่นนี้ จะนำไปสู่แนวโน้มที่จะปฏิเสธคำสอนระดับอื่นๆทั้งหมดเริ่มตั้งแต่ปฏิเสธคำเทศนาธรรมของพระเถระ  ปฏิเสธอนุฎีกา ปฏิเสธฎีกา  ปฏิเสธอรรถกถา และเลยเถิดไปจนถึงปฏิเสธเนื้อหาพระไตรปิฎกส่วนที่เป็นคำกล่าวของพระอรหันต์เช่น

     พระสารีบุตร พระอานนท์ เป็นต้น  ยอมรับเฉพาะพุทธวจนะเท่านั้น และยังมีแนวโน้มจะปฏิเสธแม้พุทธวจนะในส่วนที่ไม่ตรงกับความเชื่อของตน เช่นส่วนที่มีการกล่าวถึง นรก สวรรค์ ที่เป็นภพภูมิ เทวดา นางฟ้า ยักษ์ เป็นต้น

     หากทำตามความเชื่อของคนกลุ่มนี้ การเผยแผ่พระพุทธศาสนาจะทำได้โดยนำพระไตรปิฎกมาอ่านให้ฟัง  ห้ามอธิบายเพิ่มเติมตามความเห็นของตน ซึ่งถ้าทำอย่างนั้นจริงพระพุทธศาสนาคงสาบสูญไปจากโลกนี้นานแล้ว เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่ฟังไม่รู้เรื่อง

     ความจริงการจะวินิจฉัยว่าคำสอนใดถูกต้องเป็นประโยชน์หรือไม่ต้องดูที่ความสอดคล้องกับหลักคำสอนในพระไตรปิฎก ไม่ใช่ดูที่ว่าต้องมีอยู่ในพระไตรปิฎก คำสอนของพระเถระทั้งหลายแม้ไม่ได้มีกล่าวไว้ในพระไตรปิฎก แต่หากสอดคล้องกับหลักธรรมในพระไตรปิฎก คำสอนนั้นก็เป็นคำสอนที่ดี มีประโยชน์ ควรศึกษา

     ดังนั้นคำสอนของพระเถระทั้งหลายที่เทศนาสั่งสอนประชาชนมาแต่โบราณกาล  เขียนหนังสือธรรมะอธิบายหลักธรรมให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจ คือสิ่งดีมีประโยชน์

     เปรียบเหมือนกฎหมาย รัฐธรรมนูญ คือ กฎหมายแม่บท แต่การวินิจฉัยว่ากฎหมายต่างๆถูกต้องหรือไม่ ไม่ใช่ใช้วิธีดูว่าเนื้อหาในกฎหมายเหล่านั้นมีในรัฐธรรมนูญหรือไม่ แต่ให้ดูเพียงว่าเนื้อหาของกฎหมายนั้นไม่ขัดรัฐธรรมนูญก็ถือเป็นกฎหมายที่ใช้ได้

     3. คำสอนในพระไตรปิฎกส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะการเล่าเรื่องราวเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดการแสดงธรรมของพระพุทธเจ้า
 
     ในส่วนเนื้อหาหลักธรรมเช่นอริยมรรคมีองค์ 8 มักกล่าวไว้เพียงสั้นๆ เช่นสัมมาสมาธิเกือบทั้งหมดก็กล่าวไว้เพียงว่า หมายถึง รูปฌาน 4 แต่ไม่มีการอธิบายว่าจะฝึกให้ได้รูปฌาน 4 ต้องปฏิบัติอย่างไร สายปฏิบัติใหญ่ๆในประเทศไทยล้วนอิงหลักการจากพระไตรปิฎกแล้วมาอธิบายขยายความเพิ่มเติมถึงวิธีการปฏิบัติเองทั้งสิ้น อาทิ สายสัมมาอะระหัง อิงหลักสติปัฏฐาน 4 จากพระไตรปิฎก คือ การตามเห็นกายในกาย ตามเห็นเวทนาในเวทนา ตามเห็นจิตในจิต  ตามเห็นธรรมในธรรม  แต่ในพระไตรปิฎกก็ไม่มีการกล่าวถึงกายภายในที่ซ้อนกันเป็นชั้นๆ จนถึงธรรมกาย
 
     สายพองหนอยุบหนอ อิงหลักสติปัฏฐาน 4 เช่นเดียวกัน แต่ในพระไตรปิฎกไม่มีการกล่าวถึงการก้าวหนอ ยกหนอ เหยียบหนอใดๆ เลย
 
     สายพุทโธ อิงหลักอานาปานสติ จากพระไตรปิฎก แต่วิธีการปฏิบัติที่สอนกันอยู่ก็ไม่มีกล่าวไว้ในพระไตรปิฎก
 
     หากจะเอาเฉพาะคำสอนที่มีในพระไตรปิฎกเท่านั้น ก็ต้องเลิกการปฏิบัติธรรมทุกสายในประเทศไทยทั้งหมด

     ซึ่งมีแต่นำความเสื่อมมาสู่พระพุทธศาสนาและสังคมไทย
 
     โดยสรุป หลักการวินิจฉัยคำสอนที่ดี คือ ดูความสอดคล้องกับหลักการในพระไตรปิฎก  ไม่ใช่การดูว่าคำสอนนั้นมีในพระไตรปิฎกหรือไม่  และอย่าเอาความเห็นความเชื่อของตนไปโจมตีผู้ที่เห็นต่าง

     เพราะแม้แต่พระอรหันต์ 500 รูป  ที่เป็นผู้รวบรวมเรียบเรียงคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นพระไตรปิฎกให้เราศึกษา  ก็ยังมีความเห็นในบางประเด็นที่ต่างกัน

     ถ้าเป็นคำสอนไปในทางอกุศล เช่น สอนให้ดื่มเหล้า  จมในอบายมุข อย่างนี้ผิดจากหลักการในพระไตรปิฎกชัดเจน  เป็นคำสอนที่ผิด  แต่ถ้าเป็นประเด็นคำสอนที่เป็นไปในทางกุศล เช่น คำสอนด้านธรรมปฏิบัติ  ที่อาจตีความได้หลายแง่มุม  ต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลของตน

     อย่างนี้ไม่ควรจะยึดมั่นในความคิดของตนแล้วโจมตีผู้ที่เห็นต่าง  ตั้งใจปฏิบัติแบบที่ตนเชื่อและชอบไปดีกว่า

     โดยรวมคำสอนที่สอนให้ละชั่ว ทำความดี ทำใจให้ผ่องใส สอนให้ประชาชนรักการให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา คือคำสอนที่ดี สอดคล้องกับหลักการในพระไตรปิฎก
 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
แนวการสอนของวัดพระธรรมกายแนวการสอนของวัดพระธรรมกาย

ปล่อยปลาชนิดไหนแล้วห้ามกินปลาชนิดนั้นจริงหรือไม่ปล่อยปลาชนิดไหนแล้วห้ามกินปลาชนิดนั้นจริงหรือไม่

นักสร้างบารมีกับพันธกิจยอยกพระพุทธศาสนานักสร้างบารมีกับพันธกิจยอยกพระพุทธศาสนา



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ธรรมะสอนใจ