พระพุทธศาสนาไร้พรมแดน ตอนที่ 2


[ 11 ก.ค. 2550 ] - [ 18264 ] LINE it!

ผลปฏิบัติธรรม ของ 

ธรรมทายาทนานาชาติ รุ่นที่ 5  ตอนที่ 2

 
    ผมชื่อ จาง หย่ง หมิง อายุ 23ปี ประเทศจีน เป็นนักศึกษาคณะการท่องเที่ยว จากมหาวิทยาลัยเสฉวน ผมทำงานเป็นไกด์นำเที่ยวไปด้วย แรกๆทำงานก็สนุกครับ เหมือนเป็นรายได้ระหว่างเรียน แต่พอทำไปทำมาคิดอยากจะรวย พอเริ่มจริงจังก็ชักจะไม่สนุกแล้วครับ ผมเริ่มรู้สึกว่า กระแสความวุ่นวายดูดกลืนผมเข้าไปทุกที  ชีวิตเริ่มเครียดและสับสน
 
    แต่ยังโชคดีครับ ที่มหาวิทยาลัยมีพระภิกษุรูปหนึ่ง ท่านเรียนอยู่ด้วย ในห้องเรียนท่านเป็นนักเรียนที่สงบ ผมรู้สึกเลื่อมใสศรัทธา และนอกห้องเรียน ท่านเป็นพระอาจารย์สอนผมให้รู้จักความสงบด้วยการนั่งสมาธิครับ เริ่มต้น ท่านก็สอนให้ผมนั่งสบายๆ เริ่มจาก 5 นาที เป็น10, 15 และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตอนนั้นใจของผมสงบนิ่งมากๆ จนรู้สึกว่าตัวหายไป ใจนิ่ง ไม่คิดอะไรเลย  และผมก็คิดว่า “คนเรานี่แปลกดีนะ การหยุดนิ่งเฉยไม่ทำอะไร กลับทำให้มีความรู้ผุดขึ้นมา จิตใจผ่องใส มองออกว่าเราต้องทำอะไรบ้างอย่างชัดเจน” ตอนนั้นผมเพียงแค่เกิดความสบาย ตัวหาย มีความสว่างเป็นจุดเล็กๆนิดเดียวเท่านั้น แต่เป็นประกายเล็กๆที่ทำให้ชีวิตของผมเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาล ผมเกิดความคิดขึ้นว่า “เอ้อ...นี่น่าจะใช่ทางของเรานะ” ตอนนั้นไม่อยากจะทำอย่างอื่นเลย อยากจะนั่งสมาธิอย่างเดียว
 
    เกิด “ฟาสี่” คือ ความสุข ความปลื้มปีติภายในใจ เมื่อใจเปลี่ยนไป ชีวิตก็เปลี่ยนแปลง ผมเริ่มเป็นอาสาสมัครช่วยงานวัด จึงได้ เป็นอุปัฏฐากพระอาจารย์ไปด้วย ผมนั่งสมาธิทุกวันไม่เคยขาดครับ และค่อยๆซึมซับเรียนรู้พระพุทธศาสนามากขึ้นเรื่อยๆ
 
    จนกระทั่ง พระอาจารย์แจ้งให้ผมทราบเรื่องงานบวช  ผมจึงเตรียมตัวเป็นเวลาครึ่งปี และนั่งสมาธิทุกวัน  เริ่มฝึกสวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็น และซ้อมท่องคำขานนาคให้คล่อง เมื่อมาถึงวัดพระธรรมกายครั้งแรก ผมรู้สึกทึ่ง เป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในโลกเท่าที่เคยพบมา
 
    ผมกราบขอบพระคุณพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ที่ทำให้ผมได้มีโอกาสมานั่งสมาธิ  ผมเห็นพระเดชพระคุณหลวงพ่อเป็นครั้งแรก ชวนให้เกิดคำถามขึ้นมาว่า “ทำไม พระเดชพระคุณหลวงพ่อถึงหนุ่มจังเลย ทำไมผิวถึงสวยอย่างนี้” ผมคะเนด้วยสายตาแล้วอายุไม่น่าจะเกิน 30 ปี พระเดชพระคุณหลวงพ่อหนุ่มอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่อเพราะเป็นอย่างนั้นจริงๆ
 
    เหตุที่ผมอยากบวชมากๆ เพราะผมอยากได้บุญ และอยากศึกษาพระพุทธศาสนา อยากปฏิบัติและรู้ได้จริง เพื่อจะนำไปเผยแผ่ที่เมืองจีน และที่สำคัญ ผมอยากตอบแทนพระคุณของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ที่ได้เมตตาส่งพระอาจารย์ไปสอนผมที่ประเทศจีนครับ
 
    อีกเรื่องหนึ่ง ผมประทับใจการนุ่งห่มชุดกาสาวพัสตร์ของพระภิกษุเหลือเกิน ผมอยากอยู่ในชุดพระ อยากปฏิบัติแบบพระ มีเวลานั่งสมาธิมากๆ ซึ่งผมเชื่อว่า เมื่อเราปฏิบัติมากๆ เราก็จะยิ่งเข้าใกล้คำตอบของชีวิตที่ว่า เราเกิดมาเป็นมนุษย์เพื่ออะไร เรามาจากไหน ตายแล้วไปไหน ผมตั้งคำถามมานานแล้ว และผมจะต้องได้รับคำตอบให้ได้ ผมอยากมีโอกาสได้ถามคำถามนี้กับพระเดชพระคุณหลวงพ่อครับ
 
    การปฏิบัติธรรมของผมในช่วงนี้ ใจของผมรวมไปหยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกาย และเห็นแสงเล็กๆ เป็นจุดใสๆ เหมือนดวงดาวในความนิ่ง พอวางใจนิ่งๆ ตรงจุดกลางดวงดาวนั้น ผมรู้สึกใจสบาย สะอาด และเกิดปีติสุขมากครับ
 
 
    ผมชื่อ วู ยูฮอง อายุ 51 ปี เป็นชาวมาเลเซีย ทำงานบริษัทฯเป็นนักบัญชี ซึ่งมีการปฏิบัติหน้าที่ครอบคลุมไปหลายภูมิภาคของโลก การมาบวชของผมในครั้งนี้ เป็นความภาคภูมิใจที่สุดในโลกครับ แต่กว่าจะมีวันนี้ของชีวิตได้ไม่ใช่ง่ายๆเลย ผมต้องใช้เวลาถึง 3 ปี จึงมาถึงที่นี่ได้
 
    เริ่มต้นเมื่อ 3 ปีก่อน ผมไปหาเพื่อนที่ภูเก็ตชื่อ คุณอ้อย ปกติผมมีนิสัยที่ว่า ถ้าไปเยี่ยมบ้านใคร ผมจะเข้าไปกราบพระในบ้านนั้น พอก้มลงกราบพระพุทธรูป ผมก็มองเห็นรูปของพระภิกษุท่านหนึ่งตั้งอยู่ข้างๆ ซึ่งตอนนั้นผมไม่รู้หรอกว่าท่านคือใคร พอกราบเสร็จ ผมก็สวด “นะโม ตัสสะ... (3จบ)” พอลืมขึ้นมาก็มีหนังสือเล่มหนึ่งอยู่ข้างหน้า เรื่อง “ชีวิตของหลวงปู่วัดปากน้ำ” ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องมหัศจรรย์อะไรหรอกครับ เพราะเพื่อนผมนำมาวางไว้ แต่ช่วงเวลาหลังจากนี้สิครับ มันยิ่งกว่ามหัศจรรย์ ผมเริ่มอ่านหนังสือเล่มนั้นด้วยความสนใจ จนถึง 2 หน้าสุดท้าย ชีวิตของผมก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง 2 หน้าท้ายเล่ม เป็นเรื่องของการปฏิบัติธรรมเพื่อเข้าถึงพระธรรมกายครับ ผมเริ่มลองปฏิบัติตามหนังสือ
 
    พอนั่งหลับตา ผมก็ทำใจตามหนังสือทุกอย่างในทันที ตั้งกายตรง ดำรงสติมั่น หยุดใจนิ่งๆที่ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 สักพัก ผมก็เห็นองค์พระผุดขึ้นมา แล้วก็ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะมีองค์พระผุดขึ้นมาในท้อง เพราะในหนังสือ 2 หน้านั้นไม่ได้บอกไว้ ผมตกใจครับ “เกิดอะไรขึ้นเนี่ย” จึงถอนออกจากสมาธิ แล้วก็นั่งใหม่อีกครั้ง มาอีกแล้วครับ องค์พระผุดๆๆๆขึ้นมาอีกแล้ว ผมเริ่มวิตกได้แต่อุทานในใจว่า...Bigger and Bigger   เพราะครั้งที่สองนี้ องค์พระท่านมาแบบหลายๆองค์มาเป็นแสนๆองค์ ผุดมาจากกลางท้อง ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงเพราะเยอะไปหมด จึงลืมตาและลองทำใหม่อีกครั้ง พอครั้งที่สาม เป็นองค์พระแบบใสๆ สว่างมากๆ สว่างไปหมด ผมงงมาก ชักจะวิตกแล้วว่า การนั่งสมาธิทำให้เกิดอะไรขึ้น  ผมจึงโทรศัพท์ไปหาเพื่อนที่ให้หนังสือมา เล่าให้เขาฟังว่า ผมมีประสบการณ์อย่างนี้ช่วยผมหน่อยได้ไหม ผมกลัวมากเลย เขาจึงให้เบอร์โทรศัพท์ของ หลวงพี่นิโคลัส มา พอโทรศัพท์ไป ท่านก็ให้กำลังใจว่า “โยมนั่งดีแล้ว อย่าตกใจ ให้สนใจไปที่ศูนย์กลางกายขององค์พระไปเรื่อยๆ เดี๋ยวจะดีเอง”
 
    ตอนนั้น ผมอยากรู้มากๆว่า วัดพระธรรมกายอยู่ที่ไหน จึงตัดสินใจนั่งเครื่องบินมาถึงดอนเมือง พอถึงดอนเมืองก็นั่งรถต่อมาที่วัดทันที ทั้งๆที่ไม่เคยมา วันนั้นเป็นวันมาฆบูชาพอดี และได้เจอเพื่อนที่เป็นชาวมาเลเซียอีก 3 คน
 
    นับตั้งแต่ เริ่มนั่งสมาธิ ก็มีเหตุการณ์ดีๆเกิดขึ้นกับชีวิตผมทุกๆทาง ไม่ว่าจะเป็นการเงิน การงาน พอมีปัญหาในชีวิตก็จะนั่งสมาธินึกถึงองค์พระ นึกถึงของที่อยากได้เอาไว้กลางองค์พระแล้วดูไปเรื่อยๆจนสิ่งของนั้นใส  แล้วก็อธิษฐาน จากนั้นก็มีเรื่องมหัศจรรย์เกิดขึ้นมากมาย
 
    ครั้งหนึ่ง พระอาจารย์ท่านเรียกประชุมว่า เราต้องใช้เงินเพื่อปรับปรุงศูนย์ปฏิบัติธรรม ผมมั่นใจเลยว่า จะสามารถหาเงินมาได้แน่นอน แล้วผมก็ทำใจใสๆนึกถึงองค์พระตลอด แล้ววันหนึ่งเพื่อนที่เป็นนักธุรกิจซึ่งรวยมากในกัวลาลัมเปอร์ ก็ขับรถมาหา แล้วถามผมว่า “วู ได้ยินว่าคุณนั่งสมาธิใช่มั๊ย” ผมก็บอกใช่ แล้วอธิบายให้ฟังเกี่ยวกับพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ พระเดชพระคุณหลวงพ่อ และพระเดชพระคุณคุณยายอาจารย์ ก่อนที่จะพูดจบ เพื่อนของผมก็บอกกับภรรยาเขาว่า “เอาสมุดเช็คมา” แล้วก็เขียนเช็คบริจาคเงินมา 1 แสน1หมื่นบาท แล้วก็บอกว่า “วู ผมจะตามคุณไปปฏิบัติธรรมที่ศูนย์ฯนะ ถ้าเงินยังไม่พอก็โทรศัพท์มาบอกนะ”
 
    ผมตั้งใจจะบวชตั้งแต่ 3 ปีก่อน ครั้งที่ตั้งศูนย์ปฏิบัติธรรมใหม่ๆแล้วครับ ปีแรกขอเจ้านายก็ไม่ให้มา พอปีที่ 2 เจ้านายก็ไม่ให้มาอีก พองวดนี้ผมใช้วิธีบอกเจ้านายล่วงหน้า 6 เดือน แล้วก็คอยเตือนมาเรื่อยๆ ว่า “เจ้านายๆ ผมจะลางานแล้วนะ” แรกๆเจ้านายก็เหมือนกับว่าจะโอเคครับ แต่พอใกล้ๆวัน เขาก็บอกว่า  “ไปไม่ได้หรอกคุณ คุณรู้เรื่องในบริษัทฯตั้งเยอะตั้งแยะ แล้วคุณต้องทำโน่นทำนี่ ตั้งมากมาย” จนกระทั่งคืนที่ผมจะต้องเดินทาง เจ้านายคุยกับผมจนถึงเที่ยงคืน ตลอดเวลาผมพยายามทำใจใสๆ นึกถึงองค์พระไปเรื่อยๆ ท้ายที่สุด เจ้านายบอกสั้นๆว่า “ Good Luck  ขอให้โชคดีนะ” 
 
    และก่อนมา ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทฯได้มาถามผมว่า “ผมจะให้บ้านหรู ราคาประมาณ 10 ล้านบาท  แลกกันไหม กับเวลา 1 เดือนที่คุณไม่ต้องมาบวช” ผมตอบกลับทันทีว่า ไม่มีอะไรที่จะมาหยุดการบวชครั้งนี้ของผมได้  จนถึงวันนี้ผมเฝ้ารอคอยการบวชพระมานานแสนนาน และผมยังเห็นองค์พระได้ทั้งหลับตา และลืมตา นอกรอบผมจะเอาใจไว้ที่ศูนย์กลางกายตลอดเวลาครับ
 
    ผมกราบขอบพระคุณ พระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ หลวงพ่อ และคุณยายอาจารย์ ที่ให้ของขวัญอันแสนพิเศษ คือ การบวชครั้งนี้แก่ผม ผมจะใช้เวลาอันมีค่าในการปฏิบัติธรรม และศึกษาธรรมะให้มากที่สุดครับ


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
พระพุทธศาสนาไร้พรมแดน ตอนที่ 3พระพุทธศาสนาไร้พรมแดน ตอนที่ 3

พระพุทธศาสนาไร้พรมแดน ตอนที่ 4พระพุทธศาสนาไร้พรมแดน ตอนที่ 4

มีความสุขในทุกที่ เมื่อมีองค์พระอยู่ภายในมีความสุขในทุกที่ เมื่อมีองค์พระอยู่ภายใน



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ