สุขฉบับคนไม่แคร์โลก


[ 2 เม.ย. 2562 ] - [ 18302 ] LINE it!

สุขฉบับคนไม่แคร์โลก
จะไม่แคร์โลกอย่างไรให้อยู่อย่างมีความสุข
 
เรื่อง : พระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ (สมชาย ฐานวุฑฺโฒ)
จากรายการทันโลกทันธรรม ออกอากาศทางช่อง GBN
 
 
คนที่ไม่แคร์โลกกับคนที่ไม่เอาใครเหมือนหรือต่างกันอย่างไร?
 
          คนที่ไม่แคร์โลกคือคนที่ไม่สนใจความรู้สึกของคนรอบข้าง ตัวเองอยากทำอะไรก็ทำ ตราบใดที่ไม่เดือดร้อนคนอื่น ก็ถ้าทำตามสิ่งที่ตัวเองปรารถนา แล้วก็ไม่สนใจในคอมเม้นต์หรือคำตำหนิของคนอื่น ไม่ได้เอากระแสความคิดของคนอื่นมาขับเคลื่อนตัวเขา แต่คนที่ไม่เอาใคร จะเป็นคนที่ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น แยกตัวออกมาจากคนอื่น ไม่ค่อยมีความสัมพันธ์กับเพื่อนฝูงเพราะฉะนั้นคนไม่แคร์โลกคนไม่เอาใครนี้ต่างกัน 
 
ความสุขจากการเป็นคนไม่แคร์โลกเป็นอย่างไร?
 

          ถ้าเราไม่แคร์ความรู้สึกของคนรอบข้างมากเกินไป จะทำให้เราสามารถทำอะไรเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น อิสระในความคิด อิสระในการทำกิจกรรมต่างๆจึงทำให้เรามีความสุขมากขึ้น ซึ่งคนที่ไม่แคร์โลกจะเป็นคนที่ 
 

          1.ไม่แคร์ของหรูหราราคาแพง แต่จะมองว่าสิ่งใดที่จำเป็นต้องใช้ก็จะซื้อของนั้นเมื่อจำเป็นต้องขับรถไปทำงานก็ซื้อรถยี่ห้อหรือราคาที่โอเคใช้งานได้ และสามารถพาเราไปสู่ที่ทำงานได้ โดยไม่ต้องไปหาซื้อซุปเปอร์คาร์ ไขว่คว้าสิ่งหรูหรามา เพราะสิ่งที่ใช้จ่ายอยู่ก็ตอบสนองความต้องการแล้ว และก็มีความสุขกับสิ่งที่เขาใช้ โฟกัสไปที่คุณค่าของ แม้ว่าของนั้นจะไม่ได้เป็นที่นิยม ไม่ได้ทำให้ดูว่า เป็นคนมีระดับก็สามารถใช้ได้ แต่ถ้าชอบของแพงและเป็นสิ่งที่อยากได้ก็จะซื้อ เนื่องจากซื้อตามความต้องการของตัวเอง เพราะรู้จักความต้องการของตัวเองดี จึงไม่ไปผูกกับกระแสค่านิยมของสังคม
 

          2.ไม่แคร์ในเรื่องของผลตอบแทนหรือว่าคำนิยมชมชอบ ทำ เพราะว่าอยากทำแล้วรู้สึกว่าทำไปแล้วมีประโยชน์ต่อตนเอง ประโยชน์ต่อผู้อื่นโดยไม่แคร์ว่าทำเสร็จจะต้องได้รับผลประโยชน์หรือจะต้องมีคนมาชื่นยินดี แม้ไม่มีใครมายินดีก็มีความสุขกับสิ่งที่เขาทำ เรียกว่าสามารถปิดทองหลังพระได้นั่นเอง
 

          3.ความรู้สึกของคนอื่นว่าจะคิดอย่างไรกับตนเอง หากทำสิ่งที่ถูกต้องเป็นประโยชน์และเหมาะสม ไม่ควรจะไปแคร์ว่าคนโน้นคนนี้จะคิดอย่างไร เพราะเมื่อทำอะไรไปแล้วทุกคนจะมีความคิดเห็นเป็นของตนเอง มีความเห็นต่างบางทีทำในสิ่งที่ถูกต้องแต่ก็มีคนมาตำหนิ ถ้าไปฟังความคิดเห็นของคนมากเกินไป บางครั้งจะทำให้ไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะว่าจะทำให้เราไปทุกข์ใจเกี่ยวกับสิ่งที่คนอื่นวิจารณ์ เพราะฉะนั้นก็ฟังระดับหนึ่ง แต่ว่าไม่เก็บมาใส่ใจมากเกินไป การไม่แคร์ในที่นี้หมายถึงหากมั่นใจในการกระทำว่าทำในสิ่งที่ดีงามแล้ว จะไม่สนใจเสียงครหานินทานั่นเอง
 

          4.ไม่สนใจหรือใส่ใจกับนิสัยของคนรอบตัวที่ต่างไป บางคนเห็นคนอื่นทำในสิ่งที่แตกต่างจากเราก็รู้สึกหงุดหงิดแล้ว ไปหงุดหงิดก็ทำให้เกิดความทุกข์โดยไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นบางเรื่องที่แตกต่างกันไม่ได้ก่อให้เกิดผลเสียอะไร ก็ไม่ควรไปใส่ใจ คืออย่าไปแคร์ลักษณะการทำงานของคนรอบตัวให้มากเกินไป ซึ่งการไม่แคร์นิสัยของคนรอบข้างมีระดับเหมือนกัน เช่นอยู่กับพี่น้องอาจจะนิสัยไม่เหมือนกัน ก็ไม่แคร์ในระดับหนึ่ง แต่ก็ต้องอยู่ร่วมกันรักษาความสัมพันธ์นั้นไว้ แต่หากเป็นคนข้างนอกที่นิสัยเข้ากันไม่ได้จริงๆ ก็อาจจะเป็นการดีกว่าที่จะตัดความสัมพันธ์กับคนคนนั้นเพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย
 

          5.ไม่สนใจที่จะไปจับผิดหรือบ่นเรื่องของคนอื่น คนที่ไม่แคร์โลกลักษณะจะไม่ไปสนใจอุปนิสัยของคนอื่นและนำมาบ่นว่าคนนั้นเป็นอย่างนี้คนนี้เป็นอย่างนั้น หรือหากเกิดข้อผิดพลาดก็จะไม่มานั่งจับผิดไม่มาบ่นว่าเป็นความผิดของใคร ต้องรับผิดชอบอย่างไรจะมองวิธีการแก้ปัญหามากกว่าที่จะหาข้อบกพร่อง คนที่ขี้บ่นจะทำให้ไม่มีความสุขเพราะบ่นไปก็ทุกข์ใจว่าทำไมมันเป็นอย่างนั้นทำไมเป็นอย่างนี้ ทำไมไม่ได้อย่างใจเรา ถ้าตัดบทตั้งแต่แรกคือไม่บ่นก็จะไม่คุ้ยเชื้อเพลิงที่ทำให้เกิดความทุกข์ขึ้นในใจ
 

          6.อย่าให้สิ่งแวดล้อมรอบตัวมีผลกับเรามาก ในสถานการณ์ปัจจุบันในกรุงเทพมหานครทุกเช้าทุกเย็นเราจะต้องเจอกับเรื่องของรถติด สถานการณ์ก็จะกดดันเราอยู่เสมอ แต่หากไม่แคร์รถติดยังไงก็ติด ฉะนั้นต้องใช้เวลาชั่วโมงครึ่งก็จะมองว่าไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ถ้าไปแคร์ว่ารถติดก็จะทำให้ไม่มีความสุขแต่ถ้าไม่สนใจ รถติดก็คือรถติด แล้วก็ทำใจสบายๆก็จะมีความสุขกับตัวเอง
 
ทันธรรม...โดย พระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ 
 

          คนในโลกโดยทั่วไป จะแสวงหาลาภยศสรรเสริญ และความสุขทางรูปเสียงกลิ่นรสสัมผัส ได้มาก็ชื่นใจพักหนึ่ง แต่ความสุขนี้เป็นความอยาก จะทะยาน เรียกว่าตัณหา แปลว่า ความทะยานอยาก คือเป็นความอยากที่ทะยานได้ เมื่อใดที่ผิดหวังเมื่อนั้นก็จะเสียใจ เพราะฉะนั้นจะไม่เคยพบกับความสุขที่เต็มอิ่ม จะเป็นเรื่องทรัพย์สินเงินทองเรื่องลาภก็ตาม เรื่องยศก็ตาม คำชื่นชมสรรเสริญก็ตาม หรือความสุขทางเนื้อหนังมังสาก็ตาม ไม่เคยพอ ไม่เคยอิ่มได้มาก็ดีใจเดี๋ยวเดียว แล้วจะเอาเพิ่มไม่รู้จักพอจึงสุขไม่จริง จึงมีคนส่วนหนึ่งคิดว่าไม่แคร์โลกดีกว่า ไปแคร์โลกคิดว่าเขาจะมองเราอย่างไรซึ่งไม่มีความสุข เลยเป็นคนประเภทที่ว่า บางคนมองว่าหลุดโลกหน่อยๆไม่แคร์ใคร ใครจะมองก็ช่าง ฉันเป็นของฉันอย่างนี้ ต้องแยกให้ดี หากว่าดำเนินชีวิตไปอย่างมีเป้าหมาย มีหลักการที่ชัดเจน ไม่ไหลเลื่อนไปตามกระแสโลก กระแสกิเลส กระแสความอยาก กระแสบริโภคนิยม แต่ดำเนินชีวิตอย่างมีหลักการ กล้าทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์แต่สิ่งที่ไม่จำเป็นไม่สนใจ ถ้าเป็นคนไม่แคร์โลกอย่างนี้ดี แต่หากทำตามใจตัวเอง คือเข้ากับใครไม่ได้ จึงทำอะไรขวางโลก แหวกโลกไป อย่างนี้ไม่ดี 
 

          พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์เป็นรัชทายาทมีทุกอย่างเพียบพร้อมสุดท้ายพบว่าสิ่งเหล่านี้ไม่เที่ยงแท้ ไปเห็นคนแก่ คนเจ็บ คนตาย และสมณะ คิดว่าวันหนึ่งก็ต้องแก่ต้องเจ็บต้องตาย พระองค์จึงปรารถนาพ้นจากทุกข์ และมีความสุขที่ยั่งยืนตลอดนาน จึงตัดสินใจออกบวชในวันที่พระนางพิมพาพระชายามีพระประสูติการพระโอรส คือราหุลราชกุมาร ไม่ได้ลาใครทั้งสิ้น เสด็จออกบวชอยู่ป่าบำเพ็ญเพียรทุกวิถีทาง ไม่ท้อต่อความลำบาก อดอาหาร กลั้นลมหายใจ บำเพ็ญทุกรกิริยาทุกอย่าง พอไม่ใช่ก็ปรับหาวิธีการ จนค้นพบเส้นทางสายกลาง ชาวโลกแสวงหาลาภ พระองค์ทิ้งลาภ ชาวโลกแสวงหายศศักดิ์ พระองค์ทิ้งยศศักดิ์ ชาวโลกแสวงหาความสรรเสริญชื่นชมจากบุคคลต่างๆพระองค์ทิ้งสิ่งเหล่านั้นมาอยู่ในป่า ชาวโลกแสวงหาความสุขทางรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส พระองค์ไปอยู่ในป่าบำเพ็ญเพียรทางใจ ซึ่งเหล่านี้คือการไม่แคร์โลก 
 

          สุดท้ายพระองค์ปฏิบัติจนกระทั่งบรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วเสด็จมาโปรดพระราชบิดาจนเป็นพระอรหันต์ ส่วนพระราชมารดา พระนางสิริมหามายาสวรรคตแล้วพระองค์ยังเสด็จไปโปรดบนสวรรค์จนได้เป็นพระโสดาบัน พระนางพิมพาสุดท้ายก็ไปโปรดได้เป็นพระอรหันต์เถรี ราหุลราชกุมารออกบวช สุดท้ายเป็นสามเณรอรหันต์ แล้วโปรดหมู่พระญาติ โปรดชาวโลก เหล่านี้คือการไม่แคร์โลกที่แท้จริง เพราะมีเป้าหมายที่ชัดเจน และสร้างประโยชน์ใหญ่ให้เกิดขึ้นกับโลก ไม่ใช่ว่าไม่แคร์โลกเพราะอยากจะทำตามใจตัวเอง ใครจะคิดอย่างไรไม่สนใจขวางโลก อย่างนั้นไม่ใช่ ต้องดำเนินไปอย่างมีเป้าหมาย สิ่งใดที่ชาวโลกไหลไปตามกระแสกิเลส ก็ไม่เอา เนื่องจากไม่แสวงหาความสุขจากการมีเงินมีทองมากมาย เอาแค่มีกินมีใช้ หรือมีเพื่อจะได้มีโอกาสแบ่งปันมากขึ้น 
 
 
          ไม่แสวงหายศจนเกินเหตุ แสวงหาความก้าวหน้า แต่ไม่เอาใจไปผูกจนกระทั่งโหยหาหากไม่ได้ก็เศร้าโศกเสียใจ แล้วแสวงหาความสุขจากความสงบใจ คือความสุขที่ไม่อิงอามิส ไม่อาศัยวัตถุภายนอก เป็นความสุขจากใจที่สงบ เรียกว่า นิรามิสุข สุขจากใจที่สงบ เป็นความสุขที่ละเอียดกว่าประณีตกว่า ดีกว่าและทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง ต่อครอบครัว ต่อชุมชน ต่อประเทศชาติต่อสังคมโลกไม่เบียดเบียนใครทั้งตนเองและผู้อื่น 
 

รับชมคลิปวิดีโอสุขฉบับคนไม่แคร์โลก : ทันโลกทันธรรม
ชมวิดีโอสุขฉบับคนไม่แคร์โลก : ทันโลกทันธรรม   Download ธรรมะสุขฉบับคนไม่แคร์โลก : ทันโลกทันธรรม



Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ข่าวลือข่าวลือ

วิธีขจัดความลังเลใจวิธีขจัดความลังเลใจ

เมื่อลูกปลื้มนักร้องต่างชาติเมื่อลูกปลื้มนักร้องต่างชาติ



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ทันโลกทันธรรม