ข่าวลือ


[ 6 เม.ย. 2562 ] - [ 18257 ] LINE it!

ข่าวลือ
เมื่ออยู่ในยุคที่ข่าวลือแพร่สะพัดอย่างเร็ว เราจะจัดการกับมันอย่างไร

เรื่อง : พระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ (สมชาย ฐานวุฑฺโฒ)
จากรายการทันโลกทันธรรม ออกอากาศทางช่อง GBN
 
 
ในโลกของเราทุกวันนี้ข่าวสารพัดข่าวเข้ามาหาเราโดย เราไม่รู้เลยว่าอันไหนจริงอันไหนเท็จ แล้วจะมีวิธีการกรองข่าวอย่างไร?
 
          ผู้ที่สร้างข่าวลือ จะพยายามสร้างความน่าเชื่อถือ สร้างข่าวให้คนเชื่อ เพราะฉะนั้นต้องรู้เท่าทัน เมื่อได้ยินอะไรก็ต้องตั้งคำถามก่อนว่า มันมีความน่าจะเป็นมากน้อยแค่ไหนที่เรื่องนั้นจะเป็นเรื่องจริง สมเหตุสมผลมากน้อยแค่ไหน แล้วพยายามหาหลักฐานประกอบเพื่อมาประกอบการตัดสินใจ ดังนี้ 
 

          1.ได้ยินอะไรมาตั้งข้อสงสัยไว้ก่อน หากผู้ให้ข่าวอยู่ต่อหน้าก็อาจจะถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ สงสัยอะไรก็ถามเลยอย่าไปเกรงใจ หากตอบคำถามได้แสดงว่าข่าวนั้นอาจเป็นข่าวจริงก็ได้ แต่ไม่ใช่ว่าจะเป็นจริงเสมอไป เพราะอาจเตรียมมาเป็นอย่างดีแต่หากตอบคำถามไม่ได้โดยที่มีข้อสงสัยอะไรมากมายก็มีโอกาสได้มากเลยทีเดียวว่าข่าวนั้นไม่เป็นเรื่องจริง พูดง่ายๆก็คือฟังอย่างมีสตินั่นเอง

          2.เรื่องของข้อมูลหรือหลักฐานอ้างอิง การที่เล่าแล้วอ้างอิงถึงแหล่งอ้างอิงนั้นไม่ได้แปลว่าจะเป็นข่าวที่เป็นเรื่องจริงเสมอไป เช่น การใช้ประโยชน์จากสมุนไพรบางชนิด อาจมีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่คนที่มาเล่าให้ฟังจะเล่าเรื่องเฉพาะข้อดีอย่างเดียวแต่ไม่ได้เล่าข้อเสียให้ฟัง ทั้งๆ ที่เขาอาจมีความปรารถนาดีว่าสมุนไพรตัวนี้ใช้แล้วดี แต่อาจมีความผิดพลาดในบางกรณีได้หากใช้เยอะเกินไปหรือใช้ในปริมาณที่ไม่เหมาะสมเพราะฉะนั้นถึงจะมีแหล่งอ้างอิงแล้วก็ควรจะตรวจสอบอีกทีหนึ่งว่าจริงๆแล้วเป็นอย่างไร แล้วแหล่งอ้างอิงแหล่งเดียวก็ไม่พอ บางครั้งแหล่งอ้างอิงอาจจะมี ข้อมูลไม่เป็นกลางก็จะต้องตรวจสอบจากหลายๆแหล่งอ้างอิงด้วย เพื่อให้ทราบว่าข้อมูลนั้นมีความเป็นจริงมากน้อยแค่ไหน


 
          3.เรื่องความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูล ที่มีการพูดกัน เช่น กินน้ำมะนาวผสมโซดาช่วยรักษาโรคมะเร็ง แหล่งข้อมูลมาจาก LINE ส่งต่อกันมา ซึ่งข้อความทาง LINE  ไม่ค่อยน่าเชื่อถือ แต่หากเป็น Direct communication มาจากแพทย์ เป็นแหล่งข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือ
 
          4.การค้นหาหลักฐานหรือข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตจากผู้เชี่ยวชาญหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาหลังจากที่ได้ยินข่าวต่างๆ ควรไปค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมจากหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะ เช่น ได้ยินเรื่องเกี่ยวกับสมุนไพรใช้รักษาโรค ถ้าอยากรู้ว่าใช้รักษาโรคได้จริงหรือไม่ มีเว็บไซต์มากมายที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสมุนไพรสามารถไปอ่านแล้วมาประกอบการพิจารณา ถ้าดีที่สุดคือควรปรึกษาเภสัชกร หรือปรึกษาแพทย์เพื่อให้รู้ข้อมูลที่แท้จริง
 

          5. หลีกเลี่ยงข้อมูลที่เกินจริงเกินไป เช่นมีคนมาชวนลงทุน ให้ผลตอบแทน 10% ต่อเดือน 1ปี จะได้ 120% ซึ่งดูเกินจริงมาก หากเจอข้อมูลเหล่านี้อย่าไปหลงเชื่อเพราะว่าโอกาสที่มันเป็นไปได้น้อยมาก
 
          6.หากอยู่กับคู่สนทนาวิธีที่สังเกตความจริงใจหรือโกหก ให้สังเกตจากภาษากายว่าเวลาที่พูดมีความมั่นใจในการให้ข้อมูลมากน้อยแค่ไหน ถามคำถามแล้วตอบได้อย่างมั่นใจหรือไม่ หรือตอบแบบกล้าๆ กลัวๆ เพื่อเอามาเป็นข้อสันนิษฐาน

ทันธรรม...โดย พระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ 
 

          ข่าวลือเกิดขึ้นมาทุกยุคทุกสมัย ปัจจุบันช่องทางการสื่อสารทางโซเชียลการแพร่กระจายของข่าวลือจึงเร็วมาก ดังนั้นท่ามกลางกระแสข้อมูลข่าวสารที่เคลื่อนอย่างรวดเร็ว มีทั้งเรื่องจริงและเรื่องไม่จริง จึงต้องมีสติให้มากเพื่อจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของข่าวลือ และไม่เป็นเครื่องมือในการกระจายข่าวลือนั้นโดยอาศัยเครดิตส่วนตัว หากส่งข้อมูลไม่จริงเป็นการบั่นทอนเครดิต เมื่อส่งข้อมูลครั้งต่อไป คนรับสารจะคิดว่าจริงหรือเปล่า เชื่อถือได้หรือไม่ แม้ว่าจะเป็นเรื่องจริง เพราะฉะนั้นต้องกลั่นกรองให้ดี 
 

          ข่าวลือบางครั้งเกิดขึ้นโดยคนปล่อยข่าวไม่รู้ แต่บางครั้งเกิดขึ้นเพราะรู้และตั้งใจ เช่น ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ทางฝ่ายสัมพันธมิตรต้องการจะเอาชนะฝ่ายอักษะ(เยอรมัน) ถึงขนาดเอาเครื่องบินโปรยใบปลิวคำทำนายของนอสตราดามุส ที่ทำนายว่าฝ่ายเยอะมันจะต้องแพ้  ให้ทหารเยอรมันลือกันไปแล้วเสียขวัญก่อนจะได้รบชนะง่าย เหล่านี้เรียกว่าสงครามทางจิตวิทยา แม้ในปัจจุบันการปล่อยข่าวลือเพื่อหวังผลทางด้านจิตวิทยาก็ยังคงใช้เสมอมา จากคำโบราณที่ว่า อันเสาหิน 8 ศอกตอกเป็นหลัก คนมาผลักบ่อยเข้าเสายังไหว 
 

          ในสมัยพุทธกาล เมื่อพระองค์ตรัสรู้ธรรมแล้วเผยแผ่ธรรมมีคนมาศรัทธามากมาย ทำให้เดียรถีย์เสียประโยชน์เพราะมีคนเคารพศรัทธาน้อยลง เดียรถีย์ทั้งหลายจึงวางแผนหาทางทำลายศรัทธาพระพุทธเจ้าให้ได้จึงให้ศิษย์เอกของตัวเองคนหนึ่งชื่อนางจิญจมาณวิกา ซึ่งเป็นคนที่มีรูปร่างหน้าตาดี แอบไปพักอยู่ที่บ้านของเดียรถีย์คนหนึ่งใกล้เชตวัน พอเช้ามาชาวเมืองเขาจะเดินทางมาใส่บาตรถวายภัตตาหารที่วัด จิญจมาณวิกา ก็เดินสวนออกจากวัด ทำเป็นเดินสวนออกจากวัดแล้วก็กลับเข้าเมือง คนถามมาจากไหน ก็ตอบว่า มาจากพระเชตวัน ชาวบ้านงง ทำอย่างนี้ทุกวัน คนก็เริ่มสงสัย ทำไมหญิงสาวสวยกลางคืนเดินเข้าวัด เช้ามาก็ออกจากวัด พอนานวันชาวบ้านก็ถามว่าไปพักที่ไหนในเชตวัน เมื่อกระแสเริ่มสุกงอมแล้ว จิญจมาณวิกา บอกว่าไปพักอยู่ในพระคันธกุฎีของพระพุทธเจ้า บอกไปนอนในคันธพระกุฎีพระพุทธเจ้า คือการใส่ความพระพุทธเจ้า ปล่อยข่าวลือนี้ไปทั้งเมือง ชาวเมืองที่มีใจคอหนักแน่น เช่น พระอริยเจ้าไม่เชื่อแน่นอน แต่อีกส่วนหนึ่งที่ไม่น้อย และอาจเป็นส่วนใหญ่เริ่มหวั่นไหว ว่าหญิงคนนี้ไปนอนในกุฎีพระพุทธเจ้าจริงหรือ ข่าวลือแพร่ไปทั้งเมือง แต่พระพุทธเจ้าท่านเฉยๆ ไม่ได้หวั่นไหวกระทำพุทธะกิจไปตามปกติ ต่อมานางจิญจมาณวิกา ก็ทำให้ท้องค่อยๆโตขึ้น เอาผ้ามาทบแล้วพันไว้ค่อยๆ นูนขึ้นทีละนิด พอผ่านไป 7-8 เดือน วันหนึ่งพระพุทธเจ้าแสดงธรรมอยู่ในท่ามกลางพุทธบริษัท จิญจมาณวิกา ทำเป็นคนมีท้องแก่ แล้วเดินเข้าไปกลางที่ประชุมพุทธบริษัท ชี้นิ้วต่อว่าพระพุทธเจ้า ท่ามกลางมหาชนว่า พระองค์ทำเป็นเทศน์สอน แล้วลูกเราในท้องใครจะดูแลพระองค์มีลูกศิษย์เยอะแยะ ปล่อยให้ฉันต้องดูแลตัวเองอยู่อย่างนี้ พระพุทธเจ้าพระองค์ก็สงบนิ่งไม่ว่าอะไร ชาวบ้านตะลึงกัน พระพุทธเจ้าพระองค์นิ่งเฉยพระองค์ไม่ได้ปฏิเสธ แต่บอกเพียงว่า จิญจมาณวิกา สิ่งที่เธอพูดจริงหรือไม่จริงมีแต่เธอกับตถาคตรู้ จิญจมาณวิกายิ่งอาละวาด ใส่ความต่อว่าต่อขานเสียงดังเนื่องจากเตรียมมาแล้ว ท้าวสักกะพระอินทร์ อยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์อาสน์ร้อน รู้ว่ามีเหตุเกิดขึ้น พอทราบเหตุทั้งหมดจึงเหาะลงมาพร้อมเทพบุตรอีก 4 องค์ แล้วก็แปลงกายเป็นหนูไปกัดเอาเชือกที่ จิญจมาณวิกา มัดผ้ามัดขอนไม้ อยู่รอบเอวขาด พอจิญจมาณวิกา กระทืบเท้าขอนไม้ก็ร่วงลงมากระแทกหลังเท้าเจ็บปวดแล้วตกใจมาก ชาวเห็นอย่างนั้นก็รู้ว่าเรื่องปลอม หลอกลวงใส่ร้ายพระพุทธเจ้า จะรุมประชาทัณฑ์แต่ยังเกรงใจพระพุทธเจ้า จิญจมาณวิกา เห็นว่าความแตกก็วิ่งหนีออกจากพระเชตวัน แต่แค่พอลับสายตาพระพุทธเจ้าแผ่นดินก็ไม่อาจจะรองรับร่างของนางจิญจมาณวิกาไว้ได้เพราะกรรมหนักมาก ไหวครืนแยกออกมาธรณีสูบนางจิญจมาณวิกาลงอเวจีมหานรก แต่กว่าความจะปรากฏหลายเดือน เป็นเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งที่สั่นสะเทือนพระพุทธศาสนามาก 
 
 
          เมื่อถวายภัตตาหารพระตอนเพลพระท่านจะสวดพระพุทธมนต์บทพาหุง ในนั้นกล่าวถึงชัยชนะครั้งใหญ่ของพระพุทธเจ้า 8 ครั้ง และหนึ่งในนั้นคือชัยชนะที่มีต่อนาง จิญจมาณวิกา ซึ่งพระองค์ชนะด้วยความสงบ แม้พระพุทธเจ้าก็ยังเจอกระแสข่าวลือ กว่าจะสงบได้ใช้เวลาหลายเดือน โบราณจึงกล่าวว่า “ห้ามไฟอย่าให้มีควัน ห้ามสุริยแสงจันทร์ส่องไซร้ ห้ามอายุให้หันคืนเล่า ห้ามดั่งนี้ไว้ได้ จึงห้ามนินทา” ดังนั้นนินทายังมีอยู่คู่โลก นินทาก็ยังคงเป็นลักษณะของการกล่าวร้ายซึ่งเป็นต้นทางของข่าวลือนั่นเอง 
 

          เมื่อเจอข่าวลือก็อย่าไปหวั่นไหวขณะเดียวกันอย่าตกเป็นเครื่องมือของข่าวลือโดยการกระจายข่าวต่อ โดยเฉพาะ เห็นปุ๊บแชร์ปั๊บ อย่าทำ จะกลายเป็นวิบากกรรมของเรา แชร์ไปถึง 10 คนวิบากกรรม 10 เท่าถึง 100 คน วิบากกรรม 100 เท่า จะทำให้เจอข่าวลือหรือเรื่องไม่ดี เพราะฉะนั้นเรื่องอะไรไม่ดีของใครฟังมาแล้วอย่ารีบเชื่อ นิ่งไว้ก่อนไตร่ตรองขบคิดให้รอบคอบ 
 
 

รับชมคลิปวิดีโอข่าวลือ : ทันโลกทันธรรม
ชมวิดีโอข่าวลือ : ทันโลกทันธรรม   Download ธรรมะข่าวลือ : ทันโลกทันธรรม



Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
วิธีขจัดความลังเลใจวิธีขจัดความลังเลใจ

เมื่อลูกปลื้มนักร้องต่างชาติเมื่อลูกปลื้มนักร้องต่างชาติ

สติบำบัดสติบำบัด



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ทันโลกทันธรรม