ดวงตะวันแห่งความดี


[ 20 ก.ย. 2550 ] - [ 18266 ] LINE it!

ผลการปฏิบัติธรรม 

กัลยาณมิตร สุรีย์นารถ เชื้อรัตนพงษ์ (ประเทศไทย)
 
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง
 
หลวงพ่อคือผู้นำทางสว่างไสว
เป็นผู้ให้แสงธรรมนำวิถี
เปรียบหลวงพ่อเป็นดวงตะวันแห่งความดี
ให้แสงที่สุขสงบพบกายธรรม
 
    ลูกชื่อ สุรีย์นาถ เชื้อรัตนพงษ์ (ติ๋ม) อายุ 47ปี ถูกฉุดขึ้นมาจากโคลนตมแห่งโรคร้าย แล้วถูกนำไปฟอกตัวเสียใหม่ในกระแสธาราแห่งความสุข จนใจอิ่มเอิบชุ่มชื่นฉ่ำเย็น ก็ล้วนเกิดจากคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ พระเดชพระคุณหลวงพ่อ คือ ที่รวมแห่งความสุขดั่งร่มโพธิ์ร่มไทรจริงๆค่ะ
 
 
    ความจริงในวัยเด็ก ตอนลูกอายุ 12ปี ก็เคยไปชุบตัวในกระแสธาราอันสุขสงบมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อพี่สาวพาไป วัดปากน้ำภาษีเจริญ สมัยนั้น ลูกได้รับการสอนให้ทำสมาธิโดยนึกว่ามีดวงแก้วอยู่ในท้อง ความที่ยังเด็ก ลูกเลยไม่เข้าใจว่าทำไมต้องให้เห็นดวงแก้ว แต่ลูกก็เห็นดวงแก้วจริงๆ อย่างง่ายๆ เพียงแต่เห็นแล้วก็เฉยๆ เพราะยังไม่เข้าใจ
 
    เมื่อลูกโตขึ้นจนมีครอบครัว ก็ได้ช่วยงานสามีดูแลการเงินการธนาคาร ครั้นอายุประมาณ 39ปี โคลนตมแห่งโรคร้ายก็คืบคลานเข้ามาใกล้ เมื่ออยู่ๆ ลูกเริ่มไม่มีแรง ไปรักษาที่โรงพยาบาลหมอก็หาสาเหตุไม่พบ อาการก็ไม่ดีขึ้น ลูกจึงไปรักษากับ นายแพทย์ฉัตรชัย ศรีบัณฑิต (หมอขาว)
 
    หมอขาวตรวจพบว่า ต่อมไทรอยด์ของลูกทำงานน้อยผิดปกติ จึงรักษาให้จนต่อมไทรอยด์ทำงานดีขึ้น ลูกดีใจได้พักใหญ่ โรคที่ร้ายยิ่งกว่าก็แทรกเข้ามา คือ โรคออโต้อีมูน (ภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง) ที่ภูมิคุ้มกันเข้าใจผิด คิดว่าอวัยวะในร่างกายเป็นสิ่งแปลกปลอม มันก็เลยทำลาย เหมือนทหารในร่างกายที่เป็นอริต่อพระราชา ครานั้นทำให้ปอดอักเสบ ลูกไม่มีแรงแม้แต่จะยกมือขึ้น หอบ ได้แต่นอนนิ่งๆ ตอนนั้นเองใจลูกหวนนึกถึงช่วงที่หมอขาวรักษาลูกใหม่ๆ ได้เคยชักชวนลูกมาวัดพระธรรมกาย มาสั่งสมบุญสร้างองค์พระ เรียนรู้เรื่องสมาธิ และการทำใจจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ซึ่งลูกก็ทำบุญบ้าง นั่งสมาธิบ้าง ไม่มากนัก
 
    แต่ตอนนี้ ท่ามกลางทะเลโคลนของโรคร้ายที่ท่วมทะลักเข้ามา คำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อก็แวบเข้ามาในใจ “นี่...อาจจะช่วยฉุดลูกให้พ้นภัยขึ้นมาได้” ลูกจึงเริ่มปฏิบัติธรรมอีกครั้ง ตามแบบของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ตามตรึกระลึกนึกถึงบุญตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อสอน ซึ่งก็เกือบไม่ทันเวลา เพราะเนื้องอกที่มดลูกก็เกิดขึ้นตามมาอีก และเจริญเติบโตจนกลายเป็นก้อนเนื้อมะเร็ง
 
    ต่อมาในช่วงปี พ.ศ.2546 ลูกได้เข้ารับการผ่าตัดเนื้องอกกับ คุณหมอวราธิป โอทกานนท์ ซึ่งเข้าวัดพระธรรมกายเช่นกัน ลูกได้ทำบุญทำสมาธิตลอดตั้งแต่ก่อนผ่าตัด วันที่ผ่าตัดลูกทำสมาธิตลอดเวลาจนกระทั่งยาออกฤทธิ์ สลบไป หมอได้ทำการผ่าตัดครั้งแรก โดยตัดชิ้นเนื้อไปตรวจหามะเร็ง เมื่อพบจึงผ่าตัดใหญ่ต่อในทันที พอฟื้นขึ้นมา ลูกก็เข้าห้อง LAB ชีวิตด้วยการทำสมาธิ และนึกถึงบุญ การผ่าตัดของลูกปลอดภัยทุกอย่าง
 
    หลังผ่าตัด คุณหมอได้ส่งทุกส่วนไปตรวจ LAB แล้วบอกว่า ความจริงอาการของลูก มะเร็งได้ลามไปถึงต่อมน้ำเหลืองแล้ว เรียกว่าเป็นมะเร็งขั้น 4 แต่ผล LAB ออกมา กลายเป็นเพียงมะเร็งขั้นแรก และมะเร็งส่วนที่ลามไปต่อมน้ำเหลือง ก็เลิกคิดกบฏ กลายเป็นแค่เนื้องอก ลูกดีใจสุดชีวิต อัศจรรย์กับผลบุญที่ช่วยลูกให้มะเร็งจากขั้น 4 กลายมาเป็นขั้น 1 ประหนึ่งน้ำทิพย์ใสเย็นรดฉ่ำมา เหมือนสวรรค์ชั้นฟ้าประทานสุขมาให้ จนเกิดรอยยิ้มบนใบหน้าอันผ่องใสได้อย่างเต็มตื้นชื่นใจ แถมยังมีผิวพรรณผุดผาดนวลเนียน แทบไม่หลงเหลือร่องรอยโรคร้ายดั่งเป็นอัศจรรย์ จนใครๆที่มาเยี่ยม ต่างก็บอกว่า “ลูกไม่เหมือนคนผ่าตัดเลยหน้าใส๊ใส”  ลูกก็บอกว่า ลูกทำสมาธิ แล้วสอนคนที่มาเยี่ยมให้ทำสมาธิ
 
 
    ต่อมา ลูกก็หายจากมะเร็งร้าย และไม่กลับมาเป็นอีกเลยจนปัจจุบัน ทั้งโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเองก็ดีขึ้นจนแทบไม่มีอาการอีก ลูกคิดว่าเป็นเพราะผลบุญ และการนั่งธรรมะ ทำให้ลูกพ้นจากโรคร้ายได้อย่างไม่น่าเชื่อ
 
สมาธิและบุญ นอกจากจะช่วยตัวลูกแล้ว ยังช่วย ลูกจิรภัทร เชื้อรัตนพงษ์ (น้องโจ้) ลูกชายของลูกให้รอดอีกด้วย “น้องโจ้” อยู่ๆก็ป่วยเป็นโรคไขกระดูกฝ่อ ไขกระดูกไม่ทำงาน ไม่ยอมสร้างเกล็ดเลือด เม็ดเลือดแดง-เม็ดเลือดขาว ไม่มีภูมิคุ้มกันที่จะต่อสู้กับเชื้อโรค
 
เมื่อเดือน มกราคม พ.ศ.2547 ขณะอายุได้ 11ปี เขาต้องอยู่ในห้องปลอดเชื้อตลอดเวลา กินอาหารแข็งๆก็ไม่ได้ เพราะพอระบบเลือดเสีย ทุกอย่างในร่างกายก็อ่อนแอลง จนกระทั่งรวน ตาก็เริ่มเข เหงือกก็ร่น ฟันก็จะโยกเกือบทั้งปาก อวัยวะข้างในไม่ต้องพูดถึง ต้องระวังสุดขีด
 
    พอเข้าโรงพยาบาลครั้งแรก หมอก็ตรวจพบว่า เกล็ดเลือดของน้องโจ้อยู่ที่หนึ่งพัน ซึ่งคนปกติขั้นต่ำต้องหนึ่งแสนห้าหมื่น อาการเข้าขั้นโคม่า ให้ลูกเตรียมใจว่าลูกชายจะตายจากไปได้ในทุกนาที ลูกจึงได้กราบอาราธนาขอความเมตตาจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ให้ช่วยชีวิต“น้องโจ้”ด้วย ซึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อก็รับปากว่าจะช่วย
 
    พอวันรุ่งขึ้น หมออัศจรรย์ใจมาก เพราะเกล็ดเลือดของน้องโจ้เพิ่มเป็นหนึ่งหมื่นเจ็ดพัน หมอถึงกับรำพึงว่า พ้นโคม่าแล้ว เกล็ดเลือดนี้มาจากไหนกัน เพิ่มมาได้ยังไง  จากนั้น พระเดชพระคุณหลวงพ่อก็บอกให้ลูกเอา “น้องโจ้” เข้ากลั่นในกลางองค์พระ ตอนนั้นลูกเห็นองค์พระแล้ว ส่วน“น้องโจ้”ก็นั่งสมาธิ ตอนนั้นเขายังมืดตื้อมืดมิด แต่ก็นั่ง ลูกชายรอดชีวิตมาได้เพราะพระเดชพระคุณหลวงพ่อช่วยให้สุขภาพดี “be well”
 
    ต่อมา  เขาก็ได้ยาดี คือ  Fetal Stem cell มารักษา เกล็ดเลือดก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนหายเป็นปกติ ปี พ.ศ.2549 เขาได้บวชสามเณรนานาชาติรุ่นที่ 1 พอปี พ.ศ.2550 เขาก็ได้บวชอีก และได้ชวนพี่ชายฝาแฝดมาบวชด้วย เขาปฏิบัติธรรมจนเห็นดวงแก้ว และองค์พระผุดเป็นสายค่ะ
 
ตัวลูกเอง เมื่อได้ไปปฏิบัติธรรมที่ “สุขสว่าง” ลูกชอบมาก โดยเฉพาะบรรยากาศเย็นสบาย สุขสงบ และภูเขาที่สลับกันเป็นชั้นๆ แต่ละวันลูกก็จะหมั่นรักษาใจ ทำตามคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ และตรึกระลึกถึงบุญที่ทำมามากมายด้วยความปีติใจให้ได้ทั้งวัน
 
พอนั่งสมาธิ ลูกจะเริ่มโดยปรับร่างกายให้อยู่ในท่าที่สบายที่สุด แล้วก็นึกถึงบรรยากาศอันแสนประทับใจที่ “สุขสว่าง” และคิดว่า ตอนนี้มีเราอยู่ในโลกนี้เพียงคนเดียวจริงๆ (Like Nothing Before) ไม่มีครอบครัว ไม่มีห่วง ไม่มีกังวลใดๆเลยเพื่อให้ใจหยุด เพราะถ้าไม่หยุดก็ไม่ถึงพระ ไม่ละก็ไม่ถึงธรรม
 
ไม่นานใจ ก็ละเอียดตกศูนย์ เห็นองค์พระผุดขึ้นเป็นสาย แล้วเร็วแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นท่อแก้ว แล้วกลายเป็นท่อแก้วในท่อแก้วไปเรื่อยๆ สวยงามมากเหมือนใครเอา Crystal แสนสวยใสสว่าง มาทำเป็นท่อ แล้วก็พัฒนาจนเห็นองค์พระเต็มไปหมดเป็นชั้นๆเหมือนอาณาจักรองค์พระ ความรู้สึกที่ผุดผ่านตัวเราซึ่งเป็นองค์พระเหมือนเราถูก Clear ให้ Clean ฟอกให้สะอาดบริสุทธิ์ สุขจากการเข้าถึงเป็นความนุ่มนวล ผ่องแผ้ว อิ่มเอิบ ประณีตบอกไม่ถูก เป็นสุขอย่างลึกซึ้งอย่างไม่เคยมีมาก่อน สุขอย่างที่จะหาสุขใดในโลกมาเปรียบไม่ได้เลย อยากจะอยู่กับความสุขแบบนี้ตลอดไป เหมือนอยู่ในอีกโลกหนึ่งที่มีแต่สิ่งดีๆให้กับชีวิต ที่หาไม่ได้ในโลกนอกจากการทำสมาธิ ดั่งคำกลอนว่า
 
ณ ที่ใดดวงใจมิว้าวุ่น
อ่อนละมุนเพราะชีวิตมีแก่นสาร  
ณ ที่ใดดวงใจมิร้าวราน
เพราะดวงมาลย์บริสุทธิ์ดุจเพ็ญจันทร์  
ณ ที่นี้ดวงฤดีมิว้าวุ่น
อาบไออุ่นอบอวลล้วนสุขสันต์  
ณ ที่นี่มีสุขทุกคืนวัน
สายกลาง นั้น คือคำตอบชอบด้วยธรรม 
 
    จากประสบการณ์ที่ได้จากการนั่งสมาธิ และการทำตามคำสอนอื่นๆของพระเดชพระคุณหลวงพ่อนี้ ทำให้ลูกสรุปได้ว่า ชีวิตที่ผ่านมาที่เราเจอมา ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามแม้กระทั่งคนที่เราเคยรักเคยศรัทธา คนที่เราเคยเชื่อถือเชื่อมั่น คนที่เราเคยคิดว่าเขาดีเป็นที่พึ่งสุดท้ายของชีวิต แต่เขาเหล่านั้น สุดท้ายก็ไม่ใช่ที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริงให้กับเราได้เลย เหมือนดั่งอกหัก แล้วได้วัคซีนใจขั้นเลอเลิศ คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ที่มาเยียวยารักษาใจและโรคภัยทั้งหลาย เปิดทางสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันวิบากกรรมใหม่ และเป็นที่พึ่งให้เราได้อย่างแท้จริงทั้งใจและกายจริงๆเจ้าค่ะ
 
    ลูกคิดว่า ขนาดเรานั่งสมาธิได้ประสบการณ์เท่านี้ เปรียบเทียบกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อแล้ว เรายังเป็นเพียง Embryo (ลูกซึ่งยังอยู่ในท้อง, ต้นอ่อนที่อยู่ในเมล็ดพืช, ไข่ที่เพิ่งเริ่มตั้ง) เรายังมีความสุขและมีสิ่งดีๆเกิดขึ้นกับชีวิตเราขนาดนี้ หากมหารัตนวิหารคดสร้างเสร็จ พระเดชพระคุณหลวงพ่อได้เข้าทำวิชชาที่อาคาร 60ปี จะมีสิ่งดีๆที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นกับลูกๆและชาวโลกมากขนาดไหน และจะได้สร้างคนรุ่นใหม่ให้เข้าถึงธรรมเหมือนรุ่นของพวกเรา
 
คลื่นในมหาสมุทรจะสร้างคลื่นลูกใหม่ต่อไป ฉันใด คลื่นความดีจะสร้างความดีใหม่ต่อไปด้วยการสร้างหลังคามหารัตนวิหารคด ฉันนั้น
 
กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง
 
ลูก...สุรีย์นาถ เชื้อรัตนพงษ์


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
บุญ คือ เบื้องหลังของความสุข และ ความสำเร็จบุญ คือ เบื้องหลังของความสุข และ ความสำเร็จ

ครอบครัวน้ำแข็ง ยอดนักสร้างบารมีครอบครัวน้ำแข็ง ยอดนักสร้างบารมี

ไมเคิล หว่อง คุณทำได้ไมเคิล หว่อง คุณทำได้



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ