สัมภาษณ์ให้ได้งาน


[ 8 มิ.ย. 2562 ] - [ 18264 ] LINE it!

สัมภาษณ์ให้ได้งาน
  งานไม่เป็นเพียงแหล่งรายได้อย่างเดียว แต่งานเป็นแหล่งที่ทำให้ได้สั่งสมประสบการณ์เพื่อเป็นบันไดก้าวไปสู่ความสำเร็จในชีวิตอีกด้วย 
 
เรื่อง : พระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ (สมชาย ฐานวุฑฺโฒ)
จากรายการทันโลกทันธรรม ออกอากาศทางช่อง GBN
 

 
บริษัทต่างๆ มี requirement หรือความต้องการพนักงานแบบไหนกันบ้าง?
 
          เมื่อประกาศรับสมัครงาน ก็จะมองหาบุคคลที่มีคุณสมบัติตรงตามตำแหน่งงานนั้นๆ มีความรู้ความสามารถ ดูความสามารถพิเศษที่จะช่วยพัฒนาองค์กรหรือบริษัทให้มีความก้าวหน้านอกจากนั้นจะดูทัศนคติของคนๆ นั้นว่ามีทัศนคติที่เป็นบวกหรือทัศนคติเชิงลบอย่างไร แล้วจากนั้นก็ดูว่าคนคนนั้นมีลักษณะนิสัยที่จะเข้ากับวัฒนธรรมองค์กรของบริษัทได้หรือไม่
 
ในเรื่องทัศนคติมีวิธีเช็คอย่างไร?
 
 
          ปัจจุบันสามารถไปเสิร์ทตามโซเชียลมีเดียได้แล้ว ว่าเคยโพสต์คอมเม้นต์ เคยโพสต์รูป หรือเคยไปว่าใครตำหนิใครไว้หรือไม่ หรือเคยเขียนบล๊อค เขียนอะไรที่สร้างสรรค์ไว้ ก็สามารถไปดูได้ถ้าไปทำบล๊อคไว้เขาเข้าถึงบล็อคเรา แล้วมีความคิดสร้างสรรค์ดี เขาก็จะมีความคิดเชิงบวกต่อเรา 
เพราะฉะนั้น ขอแนะนำคือ 1.เคลียร์ขยะของตัวเอง หากเคยไปเม้นคอมเม้นต์อะไรที่สุ่มเสี่ยงก็ให้ลบออก 

 
          2.พยามหาความรู้เกี่ยวกับตำแหน่งงานที่จะสมัคร และเก็บข้อมูลของบริษัทให้มากที่สุด เพราะในการพูดคุยกันกับผู้สัมภาษณ์ก็จะสอบถามความเป็นมาเป็นไปของเราว่าทำไมเราอยากทำงานบริษัทนี้ หากรู้ข้อมูลของบริษัท ก็สามารถตอบได้ชัดเจนมากขึ้นว่าทำไมถึงอยากทำในตำแหน่งต่างๆที่ประกาศมา

 
         3.เตรียมเอกสารให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็นเอกสารที่ใช้สมัครงาน พอร์ตฟอลิโอ ผลงานในอดีตที่เคยทำ เตรียมให้พร้อม resume จดหมายแนะนำตัวต่างๆพยายามเขียนให้ creative โดยที่ไม่ไปลอกเลียนแบบใคร เพราะหากเขียนอะไรที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเราแล้ว เขาก็จะมองเห็นความพยายามในการที่เตรียมตัวมา สมัครงานนั้นๆ
 
 
          4.ยิ้มแย้มแจ่มใสในขณะสัมภาษณ์งาน เพราะหากยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นการแสดงออก ซึ่งเป็นความสุขของเราเมื่อเรามีความสุขแล้วสิ่งที่พูดออกมาก็จะพูดอย่างมั่นใจ ทำให้บรรยากาศในการสัมภาษณ์เป็นไปอย่างสดชื่นเบิกบาน และเป็นกันเองมากขึ้น

 
          5.เตรียมตัวตอบคำถามว่า ทำไมบริษัทจะต้องรับเราเข้าทำงาน พยายามหาจุดแข็งจุดเด่นของตัวเองว่าจะสามารถให้อะไรกับบริษัท ในขณะเดียวกันควรเตรียมตัวตอบจุดด้อยจุดอ่อนด้วย เพราะหลายครั้งผู้สัมภาษณ์จะถาม เช่น หากเป็นคนทำงานได้ดี ในแง่ของผู้ติดตามเป็นคนที่ไม่ค่อยมีความคิดสร้างสรรค์มากนัก แต่ทำงานอึด สู้งานแล้วทำงานส่งตามกำหนดเสมอ จุดแข็งคือทำงานได้ดี แต่จุดอ่อนอาจบอกว่า เป็นคนที่ไม่ค่อยคิดอะไร แต่มีความสุขตลอดเวลาที่ได้ช่วยให้งานในทีม ประสบความสำเร็จ เป็นการพลิกจุดอ่อน ทำให้มีมุมมองเชิงบวกได้มากขึ้น

 
          6.การสัมภาษณ์เป็นบรรยากาศของการคุยกันไม่ใช่เป็นการสอบสวน หรือการตรวจสอบ เพราะถ้าคิดว่ากำลังโดนตรวจสอบอยู่จะทำให้มีความกังวลใจ เกร็ง ความไม่มั่นใจ ในการตอบคำถาม ทำให้รู้สึกว่าเหมือนพยายามปิดบังอะไรบางอย่าง แต่หากมองว่าเป็นการพูดคุยกันแล้วจะตอบด้วยอารมณ์ที่สบายทำให้ตอบด้วยความมั่นใจมากขึ้น

 
          7.บุคลิกกับภาพ การพูดจา ควรนั่งตัวตรง หลังตรงแล้วสบตาผู้ถามคำถาม เลือกใช้ถ้อยคำที่สุภาพ พูดด้วยน้ำเสียงที่กำลังพอดีไม่เบาเกินไปไม่ดังเกินไป เพราะพูดเบาเกินไป แสดงถึงความไม่มั่นใจ ถ้าพูดดังเกินไปแสดงถึงการพยายามจะใช้อำนาจหรือทำตัวเด่นเกินไป ควรใช้น้ำเสียงที่เหมาะสม

 
         8.เมื่อผู้สัมภาษณ์เปิดโอกาสให้ผู้ถูกสัมภาษณ์ได้ถามคำถาม ก็ควรจะถามคำถาม ไม่ตอบว่าไม่ได้สงสัยอะไร เพราะจะดูเหมือนไม่ได้สนใจงานที่แท้จริง เพราะถ้าสนใจจริงก็ต้องมีอะไรที่อยากจะถามบ้าง เพราะฉะนั้นก็ควรเตรียมคำถามไว้ เช่น อาจจะถามถึงความก้าวหน้าในการทำงาน ว่าตำแหน่งนี้จะไปสิ้นสุดที่ไหนมีการเติบโตอย่างไร หรือถามถึงเรื่องการอบรมพนักงานการเสริมความรู้ให้กับพนักงาน ว่าบริษัทมีนโยบายอย่างไรในการอบรมพนักงานให้มีความรู้เพิ่มเติม อะไรประมาณนี้

 
         ควรตอบด้วยความจริงใจ อย่าโกหก เพราะหากโกหกไปแล้ว จะต้องโกหกไปเรื่อยๆ เพราะเขาจะถามคำถามต่อไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นหากไม่เคยทำ หรือตอบคำถามไม่ได้ก็ตอบไปตรงๆ แต่ควรจะตอบว่าพร้อมที่จะเรียนรู้ทักษะหรือสิ่งใหม่ๆ อาจยกตัวอย่างความสามารถ หรือสิ่งที่เคยทำในอดีตว่าเริ่มจากไม่รู้อะไรเลย แล้วสามารถพัฒนาตนเองจนสามารถเป็นผู้เชี่ยวชาญในการทำงานนั้นๆได้ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะสร้างความประทับใจให้กับผู้สัมภาษณ์ได้
 
ทันธรรม...โดย พระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ

 
          หลายคนจะตื่นเต้น หรือเกร็งก่อนจะไปสัมภาษณ์งาน เพราะรู้ว่าสำคัญกลัวจะทำได้ไม่ดี ยิ่งเกร็งก็ยิ่งทำได้ไม่ดีอย่างที่คิดไว้ โบราณซุนวู บอกว่า รู้เขารู้เรา รบ 100 ครั้ง ชนะ 100 ครั้ง ถ้ารู้เราอย่างดี อย่างเป็นระบบแต่ยังไม่ค่อยรู้เขา โอกาสก็ยังไม่มากแต่จะมากเมื่อต้องรู้เรารู้เขา หัวใจของการรู้เขาคือต้องรู้ว่าคนที่มาสัมภาษณ์ ต้องการอะไร ซึ่งเขามีสิ่งที่อยากรู้อยู่ในใจแล้ว 3 ข้อแล้วค่อยๆ แตกออกมาเป็นการเตรียมตัวอีก 10 ข้อ 20 ข้อ 100 ข้อ แต่หัวใจอยู่ที่ 3 ข้อนี้คือ

 
          1. อยากรู้ว่าเราทำงานในหน้าที่นั้นได้หรือไม่ ซึ่งต้องพิสูจน์ให้รู้ว่าเราศึกษาแล้วว่าตำแหน่งงานที่จะรับคือตำแหน่งอะไรต้องการคนมีความรู้แบบไหน เรามีคุณสมบัติ มีทักษะเพียงพอหรือไม่ เตรียมตัวให้ดีที่สุดฝึกฝนทักษะต่างๆให้พร้อมมากที่สุด บางอย่างเรียนมาโดยตรง บางอย่างต้องไปอบรมพิเศษเพิ่มแล้วมีใบ certificate หรือฝึกฝนจนกระทั่งเกิดความชำนาญ มีประสบการณ์ทำงานที่เอามาเล่าให้ฟังได้ ว่ามีปัญหาเกิดขึ้นเราแก้ได้พอเล่าจากประสบการณ์จริง จะเกิดความประทับใจจะรู้สึกว่าคนนี้เข้ามาทำงานได้จริง

 
          2.อยากรู้ว่าเรามีศักยภาพแฝงจะพัฒนาตนเองเพื่อพัฒนาความสำเร็จมาสู่องค์กรในอนาคตได้มากขนาดไหน เพราะเมื่อไปสมัครงานแล้วไม่ใช่ว่าจะทำตำแหน่งนี้ไปตลอดชีวิต ระยะยาวอีก 5 ปี 10 ปีข้างหน้าโอกาสในการพัฒนาตัวเองขนาดไหน กระตือรือร้นในการฝึกฝนตัวเองหรือไม่ ปฏิภาณไว้พริบเป็นอย่างไร มีความคิดสร้างสรรค์ขนาดไหน อายุมากขึ้นก็ต้องเติบโต หากงานข้อหนึ่งผ่านแล้ว ก็ต้องพิสูจน์ให้เห็นว่า เราเป็นคนขวนขวายในการฝึกตัวเองใฝ่รู้ ศึกษาเรียนรู้ตลอด ถ้าใครถ่ายทอดสิ่งนี้ไปได้ ให้อีกฝ่ายเกิดความประทับใจโอกาสจะได้งานจะมีมากขึ้น 

 
 
          3.อยากรู้ว่ามีนิสัย ทัศนคติ พฤติกรรม ที่จะทำความเสียหายให้กับองค์กรหรือไม่ ส่วนใหญ่มี 3 อย่าง คือ 1. มีนิสัยก้าวร้าวหรือไม่ บางคนเก่งแต่นิสัยก้าวร้าวดูถูกคนอื่น เก่งแต่สร้างปัญหา มีนิสัยชอบยุแหย่ให้คนนั้นคนนี้ทะเลาะกันนินทาว่าร้ายกันหรือไม่  2.เป็นคนที่มีประวัติติดยาเสพติด หรือขี้เหล้าหรือไม่ เมาแล้วคุมตัวเองไม่ค่อยอยู่หรือไม่ 3.ติดการพนันหรือไม่ เขาจะเช็คเรื่องเหล่านี้โดยที่เราไม่รู้ตัว ดูบุคลิก การแต่งตัว เสื้อผ้า 

 
          โดยให้ฝึกตัวเองให้เป็นคนสุภาพเรียบร้อยสะอาดให้เป็นปกติจะได้เปรียบ กริยามารยาทไปถึงยกมือไหว้ซึ่งแสดงว่าเป็นคนนิสัยดีมีสัมมาคารวะ การขยับเก้าอี้ ก็ยกนิดหนึ่งแล้วขยับออกมา ทุกอย่างจะดูนุ่มนวลถ้าฝึกมาเป็นปกติ ก็สร้างความประทับใจเริ่มแรกได้ตั้งแต่ยังไม่ทันพูด การพูดการจายิ้มแย้มแจ่มใสแต่สุภาพเรียบร้อยสร้างความประทับใจได้ ในยุคนี้เช็คประวัติโดยที่เราไม่รู้ตัว คนไหนมีแววไม่มีแวว เขาคัดออกไปก่อนแล้ว พอมีแวว จะเรียกมาสัมภาษณ์บางทีไปเปิด Facebook คนนี้เป็นอย่างไร หรือไปเสิร์ท Google
 
          ดังนั้นจะไปสมัครงานที่ไหนต้องเคลียร์สิ่งเหล่านี้ให้เรียบร้อย แล้วค่อยยื่นใบสมัคร ไม่ใช่ว่าแก้เพื่อปกป้องตัวเองแต่ต้องปรับนิสัยด้วยเพราะเมื่อรู้แล้วว่าไม่มีใครชอบแบบนี้ก็ไม่ควรทำ ต้องถามตัวเราเองให้ดีก่อน จะได้เป็นต้นแบบที่ดีให้คนอื่น  ถ้าเคลียร์ผ่านสามข้อนี้แล้ว เขารับเราเข้าทำงาน แม้ว่าจะสัมภาษณ์100 รับแค่คนเดียวก็มีสิทธิ์ลุ้น
 
 

รับชมคลิปวิดีโอสัมภาษณ์ให้ได้งาน : ทันโลกทันธรรม
ชมวิดีโอสัมภาษณ์ให้ได้งาน : ทันโลกทันธรรม   Download ธรรมะสัมภาษณ์ให้ได้งาน : ทันโลกทันธรรม







Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
เลิกนิสัยขี้เกรงใจผู้อื่นเลิกนิสัยขี้เกรงใจผู้อื่น

ภาษาดอกไม้ภาษาดอกไม้

เก่งคนให้สมเป็นนายเก่งคนให้สมเป็นนาย



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ทันโลกทันธรรม