ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 40


[ 4 ม.ค. 2551 ] - [ 18269 ] LINE it!

 
ทศชาติชาดก
 
เรื่อง  มโหสถบัณฑิต   ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี  ตอนที่ 40

 
        จากตอนที่แล้ว มโหสถได้เข้าเฝ้าพระเจ้าวิเทหราชเป็นครั้งแรก ท้าวเธอก็ได้ทรงทำปฏิสันถาร และเชื้อเชิญให้นั่ง มโหสถเมื่อได้รับเชิญเช่นนั้น จึงหันหน้าชำเลืองไปทางบิดา ท่านเศรษฐีได้รับสัญญาณตามที่ได้ตกลงกันไว้ จึงรีบลุกขึ้นจากอาสนะ กล่าวว่า   “แน่ะลูก เจ้าจงมานั่งตรงนี้เถิด”

        มโหสถไม่ลังเล เข้าไปนั่งแทนที่บิดาของตนทันที  เป็นเหตุให้บิดาต้องเลื่อนมานั่งบนอาสนะที่ต่ำกว่า ปุโรหิตาจารย์ทั้ง ๔ เห็นการณ์เป็นเช่นนั้น ก็พากันส่งเสียงฮือฮาขึ้น เหล่าข้าราชบริพารก็พากันหัวเราะแสดงอาการว่าเห็นด้วยกับที่อาจารย์เสนกะเข้าใจ

        อาจารย์เสนกะรู้ว่าคนทั้งหลายเข้าใจเช่นเดียวกับที่ตนเห็น จึงพูดถากถางมโหสถขึ้นว่า “บัณฑิตผู้มีปัญญาเขาทำกันอย่างนี้นะ ที่ของบิดา แต่บุตรกลับมานั่งเสียเอง ช่างสมเป็นบัณฑิตแท้”  เป็นเหตุให้พระเจ้าวิเทหราชทรงเสียพระทัยอย่างหนัก พระพักตร์เปลี่ยนสี เศร้าหมองจนเห็นได้ชัด

        มโหสถคงมีอาการปกติ ทูลถามพระเจ้าวิเทหราชว่า
พระองค์ทรงมีพระพักตร์เผือดไป ทรงเสียพระทัยอันใดหรือ” 
 
        ท้าวเธอก็ทรงรับว่า “เราเสียใจ ไม่คิดว่าเธอจะทำอย่างนี้ ที่เธอไปนั่งแทนที่บิดาซึ่งนั่งอยู่ก่อน เป็นเหตุให้บิดาต้องเลื่อนมานั่งบนที่ซึ่งต่ำกว่า เธอทำอย่างนี้จะสมควรหรือ

        มโหสถจึงทูลถามพระราชาด้วยน้ำเสียงแจ่มใสว่า  “ข้าพระบาทขอทูลถามพระองค์สักอย่างหนึ่ง จะได้หรือไม่”
 
        ท้าวเธอได้สดับเสียงใสๆ ของมโหสถกุมาร ก็ทรงอดมิได้ที่จะทรงพระกรุณา จึงมีพระดำรัสว่า “เธอประสงค์จะกล่าวสิ่งใด ก็จงว่ามาเถิด”

        ครั้นพระราชาทรงประทานพระราชวโรกาสให้เช่นนั้น มโหสถจึงกราบทูลว่า “พระองค์ทรงสำคัญมั่นในพระหฤทัยว่า บิดาเท่านั้นประเสริฐกว่าบุตรในที่ทั้งปวง บิดาเท่านั้นสูงส่งกว่าบุตร ไม่ว่าในฐานะไหนๆ อย่างนั้นหรือ พระพุทธเจ้าข้า”

        ท้าวเธอก็ทรงยืนยันหนักแน่นว่า “แน่นอนสิ บิดาย่อมอุดมกว่าบุตรในทุกที่ทุกสถาน บุตรจะดีไปกว่าบิดาได้อย่างไร ข้อนี้เราเข้าใจไม่ผิดแน่”

        มโหสถจึงกราบทูลต่อไปว่า “ขอเดชะ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท พระองค์ยังทรงรำลึกได้หรือไม่ว่า ก่อนนั้นพระองค์มีพระบรมราชโองการไปยังข้าพระพุทธเจ้า รับสั่งให้ข้าพระบาทส่งม้าอัสดร หรือมิฉะนั้นก็ให้ส่งม้าตัวประเสริฐกว่าม้าสามัญมาถวายพระองค์ พระพุทธเจ้าข้า”

        “อือ แน่นอน ทำไมเราจะจำไม่ได้ล่ะ” พระองค์รับสั่งยืนยัน

        มโหสถฟังพระดำรัสนั้นจบลง ก็รีบลุกขึ้นจากอาสนะด้วยท่วงทีอันงามสง่าประหนึ่งราชสีห์น้อยตัวคะนอง เดินตรงเข้าไปหาบริวารที่ติดตามมา แล้วสั่งว่า “ท่านทั้งหลายจงนำเครื่องบรรณาการพิเศษเข้ามายังท้องพระโรงเถิด”

        ผ่านไปเพียงชั่วครู่ บริวารของมโหสถ ๔ คน ก็ได้ช่วยกันออกแรงแบกหามเครื่องบรรณาการที่ว่า มาวางลงหน้าพระราชบัลลังก์ แทบปลายพระยุคลบาทของพระราชา ท่ามกลางความสนใจของเหล่าข้าราชบริพารซึ่งเฝ้าดูอยู่อย่างไม่กระพริบตา

        ท้าวเธอทอดพระเนตรเห็นเสื่อลำแพนนั้นแล้ว ก็ยิ่งทรงสนพระทัยเต็มที่ว่า ภายในเสื่อลำแพนนั้นบรรจุสิ่งใดมา และเหตุใดถึงต้องห่อหุ้มไว้อย่างมิดชิดเช่นนั้นด้วย  พระองค์จึงทรงรับสั่งถามมโหสถทันทีว่า   “นี่อะไรกันรึ”

        มโหสถยังไม่ทูลตอบในทันที แต่กลับสั่งให้บริวารค่อยๆช่วยกันคลี่เสื่อลำแพนนั้นออก ก็ปรากฏ เป็นลาตัวที่จับมาได้ในระหว่างทาง มโหสถจึงกราบทูลว่า “นี้เป็นลามหัศจรรย์ พระพุทธเจ้า”

        ครั้นทรงสดับว่าลามหัศจรรย์ ท้าวเธอก็ยิ่งทรงฉงนพระทัย จึงตรัสถามว่า “เหตุใด เธอถึงเรียกว่าลามหัศจรรย์เล่า”

        มโหสถจึงรีบกราบทูลว่า    “ลาตัวนี้แหละ จักทำความสงสัยของพระองค์ ให้ถึงที่สุดอย่างไรเล่า  พระพุทธเจ้าข้า”

        มโหสถรู้ว่าพระราชาต้องตรัสซักอีก จึงรีบตัดบท ทูลถามขึ้นทันทีว่า  “ขอพระองค์โปรดตีราคาลาตัวนี้ ว่ามีราคาสักเท่าไร พระพุทธเจ้าข้า”

        “เธอจักขายให้เราอย่างนั้นหรือ” พระราชาทรงเย้าเล่น 
 
        “หามิได้พระเจ้าข้า ข้าพระพุทธเจ้าใคร่จะรู้เท่านั้น”

        “อืมม....” พระราชาทรงใคร่ครวญตามความรู้และประสบการณ์ของพระองค์ ในไม่ช้าจึงมีพระดำรัสตอบมโหสถไปว่า “ราคามันจะซักเท่าไหร่กันเชียว ตัวที่ใช้งานได้ดีจริงๆ ราคามันก็เพียง ๘ กหาปณะเป็นอย่างมาก ไม่เกินไปกว่านั้น”

        มโหสถได้ฟังดังนั้น ก็ทูลถามย้ำว่า “ค่าของลาตัวนี้ เพียง ๘ กหาปณะเท่านั้นหรือพระเจ้าข้า”
 
        “ใช่แล้ว เจ้าบัณฑิตน้อย ยิ่งลาตัวกระจ้อยร่อย ถดถอยกำลังวังชา เช่นลาตัวนี้น่ะ ต่อให้ลดราคาลงเป็นกึ่งหนึ่ง ก็คงไม่มีใครต้องการหรอก”

        “ถ้าเช่นนั้น จักเป็นไปได้หรือไม่ พระเจ้าข้า ที่ลาตัวนี้อาจได้สมสู่กับแม่ม้าอาชาไนย”

        “ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ล่ะ เมื่อพ่อลาสืบสมกับแม่ม้าอาชาไนย ก็จักให้กำเนิดลูกเป็นม้าอัสดร อย่างไรเล่า” ท้าวเธอทรงรับรองตามหลักการ
 
        มโหสถจึงถือเอาพระดำรัสของท้าวเธอ เป็นเงื่อนสำคัญเพื่อทูลถามพระองค์ต่อไปว่า “หากแม้นเหตุการณ์เป็นไปเช่นนั้นจริง ม้าอัสดรที่ถือกำเนิดจากท้องของแม่ม้าอาชาไนย โดยมีลาตัวนี้เป็นพ่อ จักมีราคาสักเท่าไร พระเจ้าข้า”

        สำหรับพระองค์แล้ว คำถามนี้ช่างง่ายดายนัก หาใช่เรื่องยากที่ต้องทรงขบคิดให้ลึกซึ้งแต่อย่างใด  ดังนั้น เมื่อท้าวเธอถูกมโหสถทูลถามเช่นนี้ จึงตรัสตอบในทันทีว่า “หาค่ามิได้เลย เจ้าบัณฑิตน้อย”

        มโหสถปรารถนาจะทราบเหตุผลของพระองค์จึงทูลถามว่า “เพราะเหตุใดพระองค์จึงตรัสว่าหาค่ามิได้เล่า พระเจ้าข้า”

        ท้าวเธอก็ตรัสตอบอย่างน่าฟังว่า “ในบรรดาสัตว์ที่ใช้เป็นพาหนะทั้งหลาย ม้าอัสดรชื่อว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ ดุจเดียวกับม้าสินธพและพญาช้างกุญชร เพราะเหตุที่เป็นสัตว์ซึ่งสามารถอดทนต่อการฝึกของนายสารถีได้อย่างยอดเยี่ยม 
 
        อีกประการหนึ่งม้าอัสดรทั้งหลายเป็นม้าฝีเท้าดี สีสวย ลำตัวใหญ่ เปี่ยมไปด้วยพละกำลัง เมื่อได้รับการฝึกแล้วย่อมเหนือกว่าม้าสามัญโดยทั่วไป ด้วยเหตุนี้แหละ เราจึงกล่าวว่า ม้าอัสดรย่อมจะหาค่ามิได้ แม้นผู้ใดได้ครอบครองแล้ว มีหรือที่จักไม่ยินดี”

        พระดำรัสในช่วงท้ายของพระราชา ดูเหมือนจะขัดแย้งกับพระดำรัสที่พระองค์ทรงรับรองไว้ในเบื้องต้นว่า บิดาย่อมประเสริฐกว่าบุตรในที่ทุกสถาน เหตุการณ์กำลังจะพลิกผัน มโหสถกุมารจะทูลถามพระราชาอย่างไรต่ออีกนั้น โปรดติดตามตอนต่อไป


พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์  (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 41ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 41

ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 42ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 42

ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 43ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 43



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ทศชาติชาดก