ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 97


[ 10 มิ.ย. 2551 ] - [ 18268 ] LINE it!

 
ทศชาติชาดก
 
เรื่อง  มโหสถบัณฑิต   ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี  ตอนที่ 97

    จากตอนที่แล้ว มโหสถรู้สึกเปล่าเปลี่ยวใจในบรรยากาศที่อึมครึมภายในท้องพระโรงว่า “หากเรายังขืนช้าอยู่ ก็จะไม่เป็นการดี เราควรต้องรีบกลับไปเสียก่อน” คิดดังนี้แล้วจึงลุกจากที่นั่ง ถวายบังคมพระราชา แล้วเดินออกจากท้องพระโรงไป

    ครั้นมโหสถหลีกออกไปแล้ว อาจารย์เสนกะและสหาย ก็พากันเพ็ดทูลเป็นการณ์ใหญ่ ได้กราบทูลให้ท้าวเธอรีบกำจัดมโหสถให้สิ้นซากเสียโดยไว จะได้ไม่เป็นเสี้ยนหนามอีกต่อไป

    ท้าวเธอก็ทรงเชื่อต่ออาจารย์ทั้ง 4 อย่างสนิทแน่น ถึงกับทรงพระราชทานพระขรรค์แก้วอันเป็นพระแสงดาบประจำพระองค์ให้แก่อาจารย์ทั้ง ๔ พร้อมทั้งรับสั่งให้ช่วยกันตัดคอมโหสถเสียก่อนที่จะเข้าเฝ้าในวันรุ่งขึ้น

    อาจารย์เสนกะครั้นได้รับเอาพระแสงขรรค์นั้นมาแล้ว ก็ได้กราบทูลปลอบพระทัยพระราชาว่า “พระองค์อย่าได้ทรงหวาดหวั่นพระทัยไปเลย ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ไป มโหสถจะมิได้อยู่เป็นเสี้ยนหนาม ให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทอีกต่อไปแล้ว”

    ครั้นแล้วอาจารย์ทั้ง ๔ ก็พากันถวายบังคมลาด้วยสีหน้าแช่มชื่นเบิกบาน ด้วยความหวังที่จะได้กำจัดเสี้ยนหนามให้สิ้นซากในอีกไม่ช้า

    ฝ่ายมโหสถบัณฑิต ครั้นปลีกตัวออกมาแล้ว ก็เดินไปคิดไปว่า “นี่มันเรื่องอะไรกัน คนหนึ่งกล่าวว่าควรเปิดเผยความลับแก่สหาย คนหนึ่งว่าควรเปิดเผยความลับแก่พี่น้อง คนหนึ่งก็ว่าควรบอกความลับแก่บุตร ส่วนอีกคนก็ว่า ควรบอกความลับแก่มารดา
 
ชะรอยอาจารย์เหล่านี้จะต้องมีความลับส่วนตัวที่ปกปิดไว้เป็นแน่ มิเช่นนั้นแล้ว คงจะไม่กล้ายืนยันต่อพระราชาเช่นนี้ แต่เห็นจะเป็นเพราะสิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ตนได้เคยกระทำมาแล้ว จึงได้แต่กล่าวจำเพาะเจาะจงถึงสิ่งนั้นๆเพียงอย่างเดียว”

    เมื่อจับเค้าเงื่อนได้ดังนี้แล้ว มโหสถบัณฑิตจึงคิดจะสืบดูให้รู้แน่ จึงใคร่ครวญหาอุบายสักอย่างหนึ่ง เพื่อจะล่วงรู้ความลับของอาจารย์เหล่านั้นให้ได้

    ทันใดนั้นเอง ในขณะที่มโหสถกำลังเดินผ่านประตูพระราชวัง ก็พลันเหลือบไปเห็นถังข้าวสารใบใหญ่ คว่ำอยู่ใกล้ประตูพระราชวัง  จึงเกิดความคิดแวบขึ้นมาว่า “ตามปกติเมื่ออาจารย์ทั้ง ๔ กลับออกจากราชสำนัก ก่อนที่จะแยกย้ายกลับสู่เรือนของตน ก็มักจะมานั่งคุยปรึกษาหารือกันบริเวณใกล้ๆถังข้าวใบนี้แทบทุกครั้ง ได้การล่ะ วันนี้เราจะซ่อนตัวอยู่ใต้ถังข้าวสารใบนี้แหละ อย่างน้อยๆก็คงจะได้ทราบเบาะแสอะไรบางอย่างเป็นแน่”

    ว่าแล้วมโหสถก็ให้บริวารยกถังข้าวสารนั้นออก แล้วให้ปูเสื่อผืนขนาดย่อมตรงบริเวณนั้น  ส่วนตนก็เข้าไปนั่งหลบอยู่ในถังข้าวนั้น พลางกำชับบริวารของตนว่า “หลังจากที่อาจารย์ทั้ง ๔ ลุกไปจากที่นี้แล้ว พวกเจ้าก็จงยกถังข้าวนี้ออกทันที” คนเหล่านั้นรับคำสั่งแล้วก็หลีกไป

    ขณะนั้นคณะอาจารย์ทั้ง ๔ เมื่อออกมาจากท้องพระโรง ต่างก็เดินกระหยิ่มยิ้มย่องกันมา ครั้นมาถึงตรงถังข้าวสารใบนั้น ก็พากันนั่งคุยกันบนถังข้าวสารตามเคย

    ครั้นแล้วจึงพูดคุยกันต่อถึงเรื่องเมื่อสักครู่ ท่านเสนกะเหลียวมองดูรอบๆแล้ว ก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแจ่มใสว่า “เออ นี่แน่ะพวกท่าน แล้วใครจะเป็นคนฆ่ามโหสถล่ะ”

    “ข้าเห็นว่า ผู้ที่เหมาะที่สุดก็เห็นจะเป็นท่านอาจารย์นั่นแหละ” อาจารย์ปุกกุสะเสนอ พลางหันไปทางสหายคนอื่นๆ “หรือท่านทั้งสองจะเห็นเป็นอื่น ก็จงว่ามาเถิด”

    “จริงของท่านปุกกุสสะ คงไม่มีใครเหมาะเท่าท่านอาจารย์อีกแล้วล่ะ” อาจารย์กามินทะรับรอง

    พร้อมกับให้เหตุผลเข้าทีว่า “ก็ท่านอาจารย์น่ะ เป็นผู้เริ่มต้นจุดประกายความคิดดีๆอย่างนี้มาตั้งแต่แรก ส่วนพวกกระผมเป็นเพียงแรงหนุนช่วยเสริมส่งเท่านั้นเอง”

    “ใช่ ใช่ ท่านทั้งสองพูดถูก เรื่องนี้ ต้องท่านอาจารย์ผู้เดียวเท่านั้นจึงจะทำสำเร็จ”       อาจารย์เทวินทะย้ำหนักแน่น

    ในที่สุดอาจารย์เสนกะจึงรับว่า “ตกลง เมื่อทุกคนเห็นตรงกันเช่นนี้ ก็คงจะต้องเป็นเช่นนั้น”

    ครั้นแล้วอาจารย์เสนกะก็ถือโอกาสนั้น สอบถามถึงเรื่องที่อาจารย์ทั้ง ๓ กราบทูลพระราชา “พวกท่านแต่ละคน ต่างก็กราบทูลเจ้าเหนือหัวไปว่า เรื่องที่เป็นความลับสมควรจะบอกแก่พี่น้อง บุตร และมารดาตามลำดับ ข้าพเจ้าใคร่ขอถามท่านทั้งหลายสักหน่อยเถิด ก็เรื่องนี้น่ะเป็นเรื่องที่พวกท่านได้ทำเช่นนั้นจริงๆ หรือเพียงแต่ได้รู้ได้เห็น หรือได้ยินได้ฟังมาจากที่อื่น”

    อาจารย์ทั้งสามก็รับพร้อมกันว่า “แน่นอน เรื่องนี้ข้าพเจ้าได้เคยทำมาแล้วทั้งนั้น” 

    พลางย้อนถามอาจารย์เสนกะว่า “แล้วท่านอาจารย์ล่ะ ที่ท่านกราบทูลว่า ความลับควรบอกแก่สหายนั้น ท่านได้เคยกระทำมาแล้วอย่างนั้นหรือ”

    ครั้นอาจารย์เสนกะทราบว่าอาจารย์ทั้ง ๓ ก็มิได้ต่างจากตนเท่าใดนัก      จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ครั้นแล้วจึงกล้าเปิดเผยความจริงว่า  “ใช่แล้ว เราได้เคยทำมาแล้ว”

    “อย่างไรกันท่านอาจารย์ โปรดเล่าให้พวกกระผมฟังบ้างเถิด” อาจารย์ปุกกุสะซักถามด้วยความอยากรู้

    ท่านเสนกะถูกถามเช่นนั้น ก็รีบบ่ายเบี่ยงว่า “ข้าพเจ้าบอกท่านไม่ได้หรอก เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย หากว่าเจ้าเหนือหัวทรงทราบเข้า ชีวิตของข้าพเจ้ามีหวัง ต้องดับวูบในทันทีเป็นแน่”  บัดนี้ แผนร้ายของอาจารย์ทั้ง 4 ก็ไม่เป็นความลับสำหรับมโหสถเสียแล้ว ส่วนความลับที่จะเป็นเหตุให้ชีวิตของอาจารย์เสนกะดับวูบนั้นเล่าจะเป็นเช่นไร โปรดติดตามตอนต่อไป



พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์  (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 98ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 98

ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 99ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 99

ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 100ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 100



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ทศชาติชาดก