ธรรมทายาทนานาชาติ รุ่นที่ 7_1


[ 16 ก.ค. 2552 ] - [ 18268 ] LINE it!

จดหมายจากธรรมทายาทนานาชาติ รุ่นที่ 7
 
 
กราบนมัสการพระเดชพระคุณคุณครูไม่ใหญ่ที่เคารพอย่างสูง
 
    ก่อนถึงวันที่เฝ้าฝัน คือ วันได้ออกบวช พวกเรานาคธรรมทายาท นานาชาติ รุ่นที่7_แม้จะมาจากคนละซีกโลก แต่ก็อยู่ด้วยกันประดุจคนในครอบครัว ทุกๆวัน คือ การเรียนรู้สิ่งที่ทรงคุณค่ามากมาย หลายคนอาจสงสัยว่า การรวมตัวกันของพวกเราเกิดขึ้นได้อย่างไร วันนี้ จึงมีตัวแทนสองท่าน มาเปิดเผยความนัยที่ไม่ซ่อนเร้นของการมาบวชครั้งนี้
 
เฟรด เอ็มมานูเอล
 
    กราบนมัสการครับ ผมชื่อ เฟรด เอ็มมานูเอล จากอูกันดา ทวีปแอฟริกา ผมเป็นชาวคริสเตียน และชาวผิวสีคนแรกของโลก ที่มาบวชในโครงการธรรมทายาทนานาชาติครั้งที่7_ครับ ผมได้มาเมืองไทยครั้งแรกจากโครงการ Peace Revolution ซึ่งทำให้รู้จักกับความสุขภายใน และก็ต้องตกใจว่าพวกเราในโครงการ Peace Revolution มีทั้งชาวมุสลิม คริสต์ และพุทธ แต่ทำไมถึงเข้ากันได้อย่างลงตัว มันช่างไม่เหมือนกับสิ่งที่ผมเคยเจอมา
 
 
    ในวัยเด็ก ผมเกิดที่ประเทศคองโก พ่อของผมเป็นหัวหน้าเผ่า จึงมีผู้คนนำอาหารและสิ่งของมาให้ แต่หลังจากพ่อผมจากไป ผมก็ตั้งใจว่าหลังจบการศึกษาผมจะช่วยเหลือผู้คน ผมไม่อยากให้พวกเขามีความทุกข์ ผมอยากให้สันติสุขเกิดขึ้นในใจพวกเขา ผู้คนมักใช้สิ่งของมากมายเพื่อแก้ปัญหา เช่น การประชุมกันเรื่องสันติภาพ เขาใช้ของทุกสิ่งทุกอย่างมากมายหลายประการ แต่ปัญหาก็ยังเกิดอยู่เสมอ ผมเชื่อว่า เมื่อคนหนึ่งเกิดสันติสุขขึ้นในใจเขา เพื่อนบ้านก็มีความสุข และสามารถแผ่ขยายความสุขนี้ไปยังชุมชน สังคมก็จะสงบสุข และภายในเวลาไม่กี่ปี ทุกคนก็จะมีความสุขโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาวัตถุสิ่งของ เงินทองมากมาย ผมอยากเรียนรู้สมาธิเพื่อไปสอนคนอื่น อยากรู้ว่าคนต่างศาสนามารวมกันได้อย่างไร และชีวิตพระเป็นเช่นไร
 
 
    สิ่งแรกที่ผมเรียนรู้จากการอบรม คือ การคุกเข่า เพราะที่แอฟริกาผู้ชายจะไม่คุกเข่าครับ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย ทุกสิ่งง่ายถ้าเราพยายาม ผู้คนที่นี่ก็น่ารัก แม้พูดคนละภาษา แต่ก็ยิ้มแย้มแจ่มใส จนรู้สึกเหมือนได้อยู่บ้าน โดยเฉพาะวันปลงผม ผมรู้สึกมีความสุขมากครับ ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วครับว่าทำไมพระต้องโกนผม การที่ต้องปลงผมเหมือนเป็นการแสดงความมุ่งมั่นในการบวช ในขณะทำพิธีปลงผม ผมทำสมาธิด้วยครับ ผมรู้สึกมีความสุขมาก เหมือนผมอยู่คนเดียวในโลก และผมเกือบจะร้องไห้ด้วยความซาบซึ้ง เมื่อผมนึกถึงโอวาทของพระเดชพระคุณหลวงพ่อในวันที่ผมมีโอกาสได้ไปกราบว่า ให้กลับไปเป็นแสงสว่างให้กับคนในประเทศที่รอคอยผมอยู่และให้กลับมาบวช และผมก็ได้มาบวชแล้ววันนี้ เหมือนผมได้ทำภารกิจสำเร็จแล้วอีกหนึ่งขั้น
 
    หลังจากก้าวออกจากโบสถ์ ก่อนที่จะปลงผม ผมได้เห็นสาธุชนมาร่วมงานมากมาย ผมรู้สึกประทับใจและตื่นเต้นมากครับ ผมรู้ดีว่าเขาเหล่านั้นคาดหวังในการบวชครั้งนี้ของผม ซึ่งผมก็จะตั้งใจฝึกฝนอบรมตนเองให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้พวกเขาผิดหวังครับ
 
***************
หยางหนิง
 
    กราบนมัสการครับ ผมชื่อ ธรรมทายาท หยางหนิง มาจากประเทศจีน มณฑลเหอเป่ย อายุ 27ปี มีอาชีพเป็นนักวาดรูปมาสิบกว่าปีแล้ว เคยเป็นอาจารย์สอนการวาดรูปในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเมืองปักกิ่ง แล้วก็ออกมาทำกิจการส่วนตัวจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากผมคิดว่าสังคมมีแต่ความสับสนวุ่นวาย ทำงานก็มีความเครียด ผมจึงแสวงหาความรู้แจ้งจากพระพุทธศาสนา และเข้าร่วมกิจกรรมของวัดจีนแห่งหนึ่ง จนเมื่อสามปีก่อนช่วงปิดเทอม ผมได้เข้าร่วมกิจกรรมปฏิบัติธรรมสุดสัปดาห์ที่วัดหัวเหยียน เมืองฉงชิ่ง ซึ่งมีพระอาจารย์จากวัดพระธรรมกายไปสอนการนั่งสมาธิเบื้องต้น ทำให้ใจของผมสงบดีมาก จากนั้นจึงได้นั่งสมาธิต่อมาเรื่อยๆ ครั้งละประมาณหนึ่งชั่วโมง และสมาธิช่วยในเรื่องการวาดภาพของผมได้ดีอย่างมากครับ
 
 
    ยามว่าง ผมก็จะเข้ามาเป็นอาสาสมัครช่วยงานที่วัดแห่งนี้บ่อยๆ ทำให้จิตใจของผมสงบสุขและซาบซึ้งในพระพุทธศาสนามากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ มาปีนี้พอทราบข่าวการอบรมธรรมทายาทนานาชาติ ที่วัดพระธรรมกาย ผมก็ไม่รีรอ รีบสมัครเข้าร่วมโครงการนี้ทันที หลังเข้ารับการอบรมได้สามสี่วัน ผมนั่งสมาธิ ใจสงบนิ่งได้เร็วมากขึ้น ผมเริ่มต้นจากการปรับกายให้สบาย หายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยผ่อนลมหายใจออกพร้อมกับผ่อนคลายร่างกายทุกส่วนให้สบาย ใจก็สบาย ปล่อยใจให้ลืมทุกอย่าง ทิ้งทุกสิ่งออกจากความคิดเหมือนตายไปจากโลก
 
    ผ่านไปไม่นาน ใจผมก็สงบสุขและรู้สึกว่า มีองค์พระหนึ่งองค์ปรากฏขึ้น พระองค์นี้เหมือนมีชีวิตจิตใจ และท่านยิ้มให้กับผม จากนั้นก็จางหายไป เหลือเพียงความสุขสงบของใจ เมื่อออกจากสมาธิแล้ว ผมก็เข้าใจเลยว่า มันคือความสุขใจที่สุดยอดมาก ภายหลังมาระลึกถึงอารมณ์ตอนนั้น ผมก็รู้ชัดว่ามันไม่มีความคิดเกิดขึ้นเลย เหมือนกับว่าเราตายไปแล้วอย่างนั้นเลยครับ
 
    สิ่งหนึ่งที่ชอบ คือ การวาดภาพครับ โดยเฉพาะรูปคนและสิ่งแวดล้อมต่างๆที่เป็นธรรมชาติ ผมเกิดมาก็วาดรูปได้ดีแล้ว เรียกว่า เกิดมาเพื่อศิลปะ แต่เมื่อได้เข้ามาสัมผัสพระพุทธศาสนาก็คิดว่า จะใช้ความสามารถด้านศิลปะในการเผยแผ่พุทธศาสนาครับ ผมได้วาดรูปพระเดชพระคุณหลวงพ่อด้วยครับ ขณะที่ผมวาดรูปนี้ ในใจของผมรู้สึกว่ากำลังนั่งสมาธิอยู่ มีความรู้สึกถึงความรักความเมตตา และเหมือนพระเดชพระคุณหลวงพ่อยิ้มให้กับผมด้วย ผมรู้สึกดีมากๆ การลงเส้นทุกๆเส้นนั้น ผมรู้สึกยอดเยี่ยมยิ่งกว่าการนึกถึงบริกรรมภาวนาเสียอีก
 
    ผมคิดว่าส่วนที่วาดยากที่สุดก็ คือ ดวงตา เพราะว่าดวงตา คือ หน้าต่างของใจ ดวงตาสามารถบอกถึงความรู้สึก การที่เรามองดวงตาคนๆหนึ่ง จะสามารถรู้ว่าคนนั้นเป็นอย่างไร เมื่อผมดูที่ดวงตาของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ผมก็รู้ว่าเป็นผู้ที่มีความเมตตากรุณาสูง ผมเคารพศรัทธาพระเดชพระคุณหลวงพ่อมากเลยครับ ผมคิดว่านี่เป็นความรู้สึกที่ใกล้ชิดเป็นพิเศษ เหมือนกับว่าเคยรู้จักพระเดชพระคุณหลวงพ่อมาก่อน เพราะผมเชื่อเรื่องการไปเกิดมาเกิด เชื่อเรื่องชาตินี้ชาติหน้า ดังนั้น ผมจึงเชื่อว่าเคยรู้จักและผมหวังว่าถ้าผมได้พบพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ผมอยากจะถวายรูปนี้ครับ
 
 
    ผมจะตั้งใจปฏิบัติธรรมให้ดียิ่งขึ้นต่อไป และปรารถนาจะช่วยกันเผยแผ่ธรรมะของพระพุทธเจ้าให้ขยายมากยิ่งขึ้นต่อไปในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ โดยเริ่มจากตัวผมเอง ด้วยการตั้งใจศึกษาธรรมะให้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น ผมกราบขอบพระคุณพระเดชพระคุณหลวงพ่อ และวัดพระธรรมกาย ที่ให้โอกาสผมได้มาอบรมธรรมทายาทในครั้งนี้ด้วยครับ
 
***************
 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ก้าวต่อไปสู่การรวมพลังเด็กดี V-Star ครั้งที่ 4ก้าวต่อไปสู่การรวมพลังเด็กดี V-Star ครั้งที่ 4

โครงการอุปสมบทหมู่ 7,000 รูป 7,000 ตำบลทั่วไทย_2โครงการอุปสมบทหมู่ 7,000 รูป 7,000 ตำบลทั่วไทย_2

โครงการอุปสมบทหมู่ 7,000 รูป 7,000 ตำบลทั่วไทย_3โครงการอุปสมบทหมู่ 7,000 รูป 7,000 ตำบลทั่วไทย_3



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ช่วงเด่นฝันในฝัน