ชุมชนสว่างไสวด้วยพุทธบุตรใหม่รุ่นแสนรูป

 

        ที่ศูนย์อบรมวัดสหกรณ์แปลงสอง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ ความปลื้มใจจากการบวชพระแสน ได้ลุกลามไปถ้วนหน้า ตั้งแต่ศรัทธาญาติโยมจนถึงบรรดาพระผู้ใหญ่ โดยเฉพาะพระครูพิศิษฏ์ปัญญาธร รองเจ้าคณะอำเภอพร้าว ฝ่ายสาธารณูปการ-สาธารณสงเคราะห์ ที่ท่านชื่นชมทุกๆผลงานบุญของพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยมาก และในวันที่ 31-กรกฎาคม นี้ ท่านจะขอเป็นผู้นำคณะศรัทธาชาวบ้าน หนึ่งคันรถบัส เดินทางมาร่วมงานมุทิตาสักการะเปรียญธรรม 9-ประโยค ในวันอาทิตย์ต้นเดือนที่วัดพระธรรมกายด้วย ท่านอยากให้ศรัทธาญาติโยมได้เห็นความสะอาด ความเป็นระเบียบ และวัฒนธรรมองค์กรที่ดีงาม จะได้สร้างแรงบันดาลใจให้ญาติโยมได้นำมาปรับใช้กับวัดในท้องถิ่นด้วย

 

 

 

        พระครูวิมลธรรมานุศาสน์ เจ้าคณะอำเภอพร้าว ท่านก็ได้กล่าวว่า ตั้งแต่ทางวัดพระธรรมกาย นำโครงการมาลงที่อำเภอพร้าว ท่านก็ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของญาติโยม จากโยมที่นานๆจะมาทำบุญที่วัดเฉพาะงานบุญตามประเพณี แต่ตอนนี้ญาติโยมเข้าวัดกันมากขึ้นโดยเฉพาะในวันพระ การแต่งกายก็ดูงดงามขึ้น คือ ใส่ชุดขาวเข้าวัด กิริยามารยาทก็เรียบร้อยอ่อนน้อม น่าชื่นใจ และท่านยังพูดให้กำลังใจพระธรรมทายาทว่า “ในพรรษานี้ เรากำลังเป็นผู้ชนะ คือ ชนะใจตนเอง จากคนที่เคยได้ฉายาว่าไอ้ขี้เหล้า ก็ได้หักดิบตัดใจจากอบายมุขมาฝึกตน ทนหิว บำเพ็ญตบะ ถือว่าเราเป็นผู้ชนะแล้ว ภาษาบาลีท่านว่า...ชิตังเม เราชนะในสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลาย ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของพระรัตนตรัย มาเป็นลูกของพระพุทธเจ้า ให้ทุกรูปตั้งใจฝึกฝนอบรมตนเองให้เต็มที่”

 

        พระเสน่ห์ วิสุทฺโธ อายุ 39-ปี หนึ่งในพระแสนที่หวุดหวิดเกือบชวดไม่ได้มาบวชครั้งนี้ ได้เปิดใจเล่าว่า “พ่อกับแม่ของผมตายไปหลายปีแล้วครับ ผมก็ตั้งใจว่าจะบวชให้พ่อกับแม่สักครั้งแต่ก็ยังไม่ได้บวชสักที มาคราวนี้เห็นโครงการก็เลยมาสมัคร แต่พอวันจะรายงานตัว ก็เกิดเปลี่ยนใจกะทันหันไม่อยากบวชขึ้นมา คืนนั้น แม่ของผมก็มาหาเลยครับ ผมฝันเห็นแม่มาแบบหน้าเศร้าๆป่วยๆไม่พูดอะไรเลย แล้วก็มองหน้าผม พอรุ่งเช้าตื่นขึ้นมา ความรู้สึกแรกบอกกับผมว่า เราต้องบวชให้แม่ ผมก็เลยรีบเก็บข้าวเก็บของไปรายงานตัวแบบไม่มีอิดออดเลยครับ ยิ่งพอได้เข้าโครงการ ผมก็รู้สึกดีใจมากที่เราตัดสินใจมาบวชครั้งนี้ ได้มีโอกาสฟังธรรมะดีๆที่มีคุณค่า ยกระดับจิตใจของเราให้สูงขึ้น ผมจึงตั้งใจจะบวชให้พ่อกับแม่ได้บุญเต็มที่ครับ”

 

 

        พระสมบูรณ์ กิตฺติโก อายุ 40-ปี กล่าวว่า “มาบวชครั้งนี้ เพราะฤกษ์ดีได้มาเยี่ยมพี่ชายที่ไม่ได้เจอกันนาน ตั้งใจว่าจะมาเยี่ยมพี่ชายสักสองวัน แต่เมื่อได้เจอหน้าพี่ชาย เขาก็กลับชวนผมบวชอย่างเดียว จากที่คิดว่าจะอยู่เชียงใหม่แค่สองวัน จึงขยายเวลาเป็นหนึ่งพรรษา พอผมได้บวช ผมก็สัมผัสได้เลยครับว่า บุญบวชครั้งนี้มากจริงๆ ปกติผมจะไม่เคยฝันเห็นพ่อกับแม่ที่เสียชีวิตไปแล้ว แต่พอผมบวชเสร็จ ผมก็ฝันเห็นท่านทั้งสองทันที ท่านใส่ชุดขาว มาหาผมแล้วก็มายิ้มให้ ผมก็เลยมั่นใจว่า ท่านต้องได้รับบุญที่ผมบวชให้ครั้งนี้แน่ๆ ผมก็เลยตั้งใจนั่งสมาธิแบบไม่ลุกเลย ช่วงแรกก็ปวดขาปวดเข่าจนเข่าแทบจะระเบิด แต่พอผ่านจุดนี้ไปได้ ใจก็โล่งว่างๆ เห็นแสงวูบๆวาบๆ มีความสุขมากครับ

 

 

        ทางด้าน พระครูสังฆรักษ์กมล กมโล รองเจ้าคณะตำบลเขื่อนผาก, แม่แวน เจ้าอาวาสวัดสหกรณ์แปลงสอง ที่ท่านมักได้ฉายาว่า “พระครูหน้าเณร”_เพราะแม้ท่านจะบวชมาได้ 12-พรรษาแล้ว แต่ใบหน้าของท่านกลับดูอ่อนเยาว์ ละม้ายคล้ายเณรน้อย ขนาดผู้ประสานงานที่ลงไปสำรวจวัดที่จะจัดบวชแสนรูป พอมาถึงวัดก็ถามท่านว่า “พระครูอยู่ไหมครับสามเณร”_ท่านก็ยิ้มๆ แล้วตอบว่า “อยู่...ลองไปถามพระในกุฏิดูสิ”

 

        พอได้ทราบว่าท่านนั่นแหละเป็นเจ้าอาวาส ก็มากราบขอขมากันยกใหญ่ ด้วยความที่ท่านมีอารมณ์ขัน อารมณ์ดีตลอดเวลา ชอบให้กำลังใจพระธรรมทายาท ทำให้บรรยากาศการอบรมแม้เคร่งครัดแต่ก็ไม่เคร่งเครียด ท่านกล่าวว่า...ตั้งแต่มีการสร้างวัดสหกรณ์แปลงสองมา ยังไม่เคยมีพระมาอยู่จำพรรษามากขนาดนี้ นี่เป็นประวัติศาสตร์ของวัดสหกรณ์แปลงสอง และชาวบ้านทุกคน ท่านเองก็ได้รับอานิสงส์กฐินจากคณะพระธรรมทายาทด้วย ท่านขอกราบขอบพระคุณพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย และทีมงานเป็นอย่างมาก ที่ได้มาใช้สถานที่ที่วัดของท่าน และยังมาสร้างแท็งก์น้ำดื่มน้ำใช้ และสิ่งที่เป็นประโยชน์เกิดขึ้นแก่วัดและชุมชน พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย คงหนัก คงเหนื่อยมาก ที่จะฟื้นฟูพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น ท่านขอถวายกำลังใจและขอหยัดสู้ บวชสร้างบารมีเป็นเนื้อนาบุญสืบทอดอายุพระพุทธศาสนาต่อไป