"รองวิวัฒน์"นำตำรวจสืบ 9
เข้าจับกุมแหล่งผลิตธนบัตรปลอม ได้ของกลางเป็นแบงก์ร้อยปลอมที่พร้อมใช้
และยังไม่ได้ตัดจำนวนมาก
โดยผู้ต้องหาเป็นอดีตเจ้าของโรงงานรับทำบล็อกแหวนและเครื่องเงิน
ทั้งเคยเป็นผู้ต้องหาใช้ธนบัตรปลอมมาก่อน
แต่ยังอ้างอุปกรณ์การทำและแบงก์ปลอมของกลางเป็นของเพื่อน
วันนี้ (10 พ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.ต.พิสุทธิ์ พุ่มพิเชฏฐ์
ผบก.น.9 พ.ต.อ.วิวัฒน์ วรรธนวิบูลย์ รองผบก.น.9 พ.ต.ท.พงษ์อานันท์
คล้ายคลึง รองผกก.สส.บก.น.9 และร.ต.อ.วรวิทย์ จันทร์วรศิริ
รองสว.สส.บก.น.9 นำหมายค้นของศาลอาญาธนบุรีเลขที่ 1192/2549 ลงวันที่ 10
พ.ย. เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 78/15 ซอยเมืองเพชรวิลล่า ซอย 2 แขวงบางละมาด
เขตตลิ่งชัน กทม. ซึ่งปลูกเป็นทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น ในซอยดังกล่าว
จากการตรวจค้น ภายในบ้าน บนห้องนอนชั้น 2 ตำรวจพบธนบัตรปลอมฉบับละ
100 บาท ที่ตัดแล้วพร้อมใช้งาน จำนวน 73 ใบ ธนบัตรปลอม ซึ่งถูกถ่ายสำเนาสี
ลงบนกระดาษขนาด เอ 4 ยังไม่ได้ตัดรวมทั้งหมด 90 ใบ ธนบัตรจริงฉบับละ 20
บาท เป็นเงิน 4,000 บาท ธนบัตรจริงฉบับละ 50 บาท เป็นเงิน 1,000 บาท
เครื่องถ่ายเอกสารสี 1 เครื่อง
โดยภายในเครื่องถ่ายเอกสารยังมีธนบัตรจริงฉบับละ 100 บาท
เพื่อใช้เป็นต้นสำเนาจำนวน 2 ใบ ทองคำรูปพรรณปลอมรวม 174 เส้น
สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร ไทยพาณิชย์ สาขาย่อยเทสโกโลตัส พาต้าปิ่นเกล้า
ชื่อบัญชีนายอาทิตย์ ไชยสุริยะศิริ มียอดเงิน 10,682 บาท
ตำรวจจึงยึดของกลางทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นควบคุมตัวนายเสถียร
ไชยสุริยะศิริ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 134/1 หมู่ 1 ต.บางเลน
อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ผู้ต้องหาไว้ได้
จากการสอบสวน นายเสถียรอ้างว่า
ของกลางดังกล่าวที่ตำรวจพบทั้งหมดเป็นของเพื่อน ชื่อนายธำรงค์
ไม่ทราบนามสกุล ได้ทำทิ้งไว้ โดยก่อนหน้านี้
นายเสถียรกับเพื่อนได้ร่วมกันเปิดโรงงานชื่อเสถียรแฟกตอรี่
เป็นโรงงานรับทำบล็อกแหวนและเครื่องเงินต่างๆ แต่เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา
โรงงานประสบปัญหา ไปไม่รอด
และเพื่อนยังตกเป็นหนี้นายเสถียรเป็นเงินอีกกว่า 1 แสนบาท
ก่อนที่จะหลบหนีไป
นายเสถียรจึงได้เก็บของกลางที่เป็นแบงก์ปลอมและอุปกรณ์ต่างๆไว้ ทั้งนี้
ผู้ต้องหาอ้างว่า ไม่เคยทำการปลอมธนบัตรเอง แต่จากการตรวจสอบประวัติ
ตำรวจพบว่า เมื่อปี 2548 นายเสถียรเคยถูกจับกุมในข้อหาใช้แบงก์ปลอม
ในย่านบางแคท้องที่สน.เพชรเกษม และถูกศาลพิพากษาตัดสินจำคุกเป็นเวลา 2 ปี
แต่คำรับสารภาพของจำเลยเป็นประโยชน์ ศาลลดโทษให้กึ่งหนึ่ง โดยจำคุก 1 ปี
โทษให้รอลงอาญา โดยให้นายเสถียรไปรายงานตัวทุก 3 เดือน
กระทั่งมาถูกจับในครั้งนี้
พล.ต.ต.พิสุทธิ์ กล่าวว่า ชุดสืบสวนของบก.น.9 สืบทราบว่า
มีแบงก์ปลอมมาระบาดในท้องที่ จึงได้ติดตามสืบสวน จึงพบว่า
นายเสถียรมีประวัติ
จึงได้ขออนุมัติหมายศาลเข้าตรวจค้นและพบของกลางดังกล่าว
โดยนายเสถียร์จะใช้วิธี นำแบงก์ปลอมที่ทำขึ้นมาไปซื้อของ
เมื่อได้เงินทอนมาเป็นธนบัตรฉบับละ 20 บาท หรือ 50 บาท
ก็จะนำไปฝากบัญชีไว้ในชื่อของนายอาทิตย์ ซึ่งเป็นบุตรชายวันละ 100-200 บาท
โดยกระทำการในลักษณะดังกล่าวทุกวัน
"ขอฝากเตือนถึงพ่อค้าแม่ค้า ในช่วงที่รับเงินให้ตรวจสอบว่า
เป็นแบงก์จริงหรือแบงก์ปลอม เพราะลักษณะของแบงก์ปลอมถ้ามองเพียงผ่านๆ
จะดูไม่ออก"พล.ต.ต.พิสุทธิ์กล่าว
เบื้องต้น ตำรวจตั้งข้อหา ผลิตและนำออกใช้ธนบัตรปลอม ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนสน.ตลิ่งชันดำเนินคดีต่อไป
ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง ได้เคยประกาศถึงวิธีการดูลักษณะของธนบัตรปลอมดังนี้
-เนื้อกระดาษไม่เหนียวแกร่ง เปื่อยยุ่ยงาย บางฉบับเนื้อกระดาษมันและลื่น
-ส่วนใหญ่ ไม่มีเส้นใยใสฝังอยู่ในเนื้อกระดาษ
แต่จะพิมพ์เป็นเส้นเห็นได้ชัดเจน
แม้วางในแนวรอบบางฉบับอาจมีเส้นใยฝังอยู่ในเนื้อกระดาษ แต่จะไม่มีตัวเลข
หรือตัวอักษรใดๆปรากฎอยู่บนเส้นใย
-อาจมีลายน้ำปลอม
เห็นเป็นภาพพิมพ์อยู่ด้านหน้าหรือด้านหลังและต่างกับพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์จริงเมื่อส่องดูกับแสงสว่างอาจเห็นเลือนลาง
และบางฉบับไม่มีลายน้ำเลย
-พิมพ์ด้วยระบบออฟเซทธรรมดา หรือถ่ายเอกสารสอดสีเมื่อใช้ปลายนิ้วลูบ หรือสัมผัสจะไม่มีจุดใดที่รู้สึกสะดุด
-บางฉบับจะมองไม่เห็นตัวเลขแฝงเลย บางฉบับอาจมองเห็นได ้โดยไม่ต้องเอียงธนบัตร
-ลายเส้นและลวดลายประดิษฐ์ต่างๆ จะหยาบไม่คมชัด และสีซีดจาง หรือสีสดใสเป็นมัน
ที่มา- |