คนที่ชอบอนุโมทนาบุญกับคนที่ชอบอนุโมทนาบาปจะมีผลอย่างไร - หลวงพ่อตอบปัญหา


[ 26 ส.ค. 2553 ] - [ 18265 ] LINE it!

หลวงพ่อตอบปัญหา
โดย พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทัตตชีโว)
เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC
 
 
คำถาม: กราบนมัสการหลวงพ่อค่ะ คนที่ชอบอนุโมทนาบุญกับคนที่ชอบอนุโมทนาบาป อยากทราบว่าจะมีผลอย่างไรเจ้าคะ
 
คำตอบ: อนุโมทนาบุญก็ได้บุญ อนุโมทนาบาปก็ได้บาป อนุโมทนาคือดีใจด้วย ยินดีด้วย สนับสนุน เห็นชอบตาม เราเห็นใครทำบุญ เราก็อนุโมทนาบุญด้วย ดีใจด้วย ซึ่งเป็นทั้งความชื่นใจที่เกิดกับตัวเอง แล้วก็เป็นการให้กำลังใจกับคนที่เขาทำบุญหรือทำความดีนั้น ให้มีกำลังใจทำความดียิ่งๆ ขึ้นไป ตรงนี้ดีแน่
 
            ส่วนโมทนาบาป หรืออนุโมทนาบาป คือดีใจด้วยในการที่คนอื่นทำความชั่ว คนที่เราไม่ค่อยจะรักเขา ไม่ค่อยชอบหน้าเขาอยู่ด้วย พอเขาตกทุกข์ได้ยาก เขาถูกคนอื่นรังแก แล้วเราไปดีใจด้วย ไปสมน้ำหน้าด้วย เป็นการโมทนาบาปเข้าไปเต็มที่เลย เขาก็มีโอกาสได้บาปไปกับเขาด้วย
 
            การที่ใครคนใดคนหนึ่งเห็นเขาทำความชั่ว เห็นเขาได้รับความเดือดร้อนก็ตาม แล้วไปโมทนา เช่นพวกที่ค้ายาเสพย์ติด โดยกฎหมายก็มีโทษว่าต้องประหารชีวิตด้วย พอประกาศทางหน้าหนังสือพิมพ์ขึ้นมา ว่าราชายาเสพย์ติดคนนี้ถูกศาลตัดสินประหารชีวิตให้ยิงเป้า เพราะทำความเดือดร้อนให้กับสังคมมาก ถ้าปล่อยให้มีชีวิตอยู่ต่อไป ก็จะต้องมีคนติดยาเสพย์ติดเดือดร้อนกันทั่วบ้านทั่วเมือง เพราะฉะนั้นต้องประหารชีวิต หลายคนก็เลย สาธุ ดีแล้ว สมน้ำหน้า สมควรตาย
 
            ชาวโลกส่วนใหญ่ไม่รู้ว่า การโมทนาบาป ที่คนสาธุกันทั่วเมือง หารู้ไม่ว่า ได้โมทนาบาปเข้าไป ยินดีต่อการที่จะมีคนถูกฆ่า ในแง่ของทางโลก เราอาจจะมองว่าถูกแล้ว เพราะทำความชั่วมาเยอะ สมควรถูกฆ่า
 
            จริงๆแล้ว เราก็ไม่ได้เป็นผู้สร้างชีวิต ไม่ได้เนรมิตชีวิตใครขึ้นมาได้ เพราะฉะนั้นใครก็ไม่มีสิทธิ์ไปฆ่าใคร เมื่อเกิดการฆ่าขึ้นมา เราไม่พูดในแง่ของกฎหมาย แต่เราพูดถึงในแง่กฎของวัฏสงสาร ไม่มีใครมีสิทธิ์ที่จะฆ่าใคร เมื่อไปฆ่าใครเข้า บาปก็เกิด เมื่อเราโมทนาต่อการที่เกิดบาปนั้น เราก็พลอยได้บาปไป เพราะทันทีที่เห็นดีเห็นงามกับการทำบาปนั้นๆ ใจของเราก็จะขุ่น เมื่อใจของเราขุ่นตอนตายก็จะมีทุคติเป็นที่ไป เพราะฉะนั้นการที่ใครโมทนาบาปขึ้นมา ใจของตัวเองก็ขุ่นมัวทันที
 
            และตัวของเราเอง ได้เพาะเชื้อของการขาดความเมตตากรุณาตามไปด้วย คนที่ถูกประหารนั้นมีเชื้อขาดความเมตตากรุณาต่อเพื่อนร่วมโลก จึงค้ายาเสพย์ติด วันนี้เขาถูกฆ่า เพราะว่าเขาทำความผิดนั้นตามกฎหมาย เราก็ดีใจ สมน้ำหน้า หารู้ไม่ว่าเรากำลังเพาะเชื้อขาดความเมตตากรุณากับสัตว์โลกอีกเช่นกัน ถ้าใจเราขุ่นอย่างนี้ เขาฟ้องว่าจะชาตินี้ชาติไหนก็ตาม เราก็พร้อมที่จะทำบาปคล้ายๆ เขา เพราะใจเรามีเชื้อแห่งความขุ่นเกิดขึ้นแล้ว
 
            ยิ่งไปกว่านั้น เราได้เพาะนิสัยจับแง่คิดไม่เป็น หารู้ไม่ว่า การที่คนใดคนหนึ่งไปทำเรื่องร้ายๆ จนกระทั่งถูกโทษประหารนั้น อันที่จริงใช่ว่าเขาอยากจะเลว เขาอยากเป็นคนดี แต่ปัญญาเขามีน้อย เพราะใจเขาขุ่นหมองมาแล้วตั้งแต่เกิด เขาเลยคิดว่าการค้ายาเสพย์ติดอย่างนั้นดีแล้ว พอเราไปฆ่าเขาเข้า หรือโมทนาบาปต่อการที่เขาถูกฆ่า หารู้ไม่ว่านี่ก็ไม่ใช่การแก้ไขคนๆ นั้น เพราะตายแล้วเขายังต้องไปเกิดต่ออีก ถึงคราวเขาต้องกลับมาเกิดในโลกมนุษย์อีกครั้ง ใจเขาก็ยังขุ่นเหมือนเดิม แล้วเขาก็ยังก่อเวรก่อกรรมเหมือนเดิมอีก
 
            แต่ถ้าจะให้เขาเลิกก่อเวรก่อกรรมไม่ไปค้ายาเสพย์ติดต่อ ก็มีทางเดียว ต้องสอน ให้เขารู้บุญรู้บาปให้ได้ตั้งแต่ชาติ ไม่อย่างนั้นก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรกับเขาเลย แก้ไขเขาก็ไม่ได้ เขาก็จะเลวเหมือนเดิม เราก็ได้แต่ความสะใจไปเท่านั้นเอง แล้วก็ได้บาปติดไป
 
            เพราะฉะนั้น “โมทนาบาป” อย่าไปทำเลย บางครั้งที่มีการตายหมู่ที่ไหน ท่านผู้มีธรรมไปตรวจดูแล้ว เกิดการตายหมู่ที่ไหน พวกหนึ่งที่ไปตายหมู่ร่วมกับเขาด้วย คือพวกที่เคยไปฆ่าคนอื่นไว้ อีกพวกหนึ่งคือพวกที่โมทนาบาป สนับสนุนให้เขาเกิดการฆ่ากัน ถึงเวลาเขาเลยต้องมาตายด้วยกัน นี่คือฤทธิ์ของโมทนาบาป เพราะฉะนั้นอย่าไปโมทนาบาปกับใคร เมื่อได้ข่าวการตัดสินประหารชีวิต ก็แค่ให้รับรู้ว่า เป็นกรรมของสัตว์โลก ทำยังไงก็ได้อย่างนั้น อย่างมากก็ทำใจอย่างนี้ วางอุเบกขาลงไป เชื้อบาปไม่เกิดกับเรา
 
            ตรงกันข้าม ถ้าทราบว่าใครทำบุญ รีบโมทนาบุญด้วย ใจของเราจะได้เปิดออกมา จะได้สดได้ชื่น แล้วก็มีกำลังใจที่จะทำความดีตามเขามาด้วย คนที่เราโมทนาเขาก็มีกำลังใจจะทำความดีให้ยิ่งๆ ขึ้นไปด้วย แล้วทั้งเขาทั้งเราคงได้ไปสร้างบุญร่วมกันในภายภาคหน้าอีก จะชาตินี้ชาติไหนก็มีแต่ว่าจะเอาบุญไปต่อบุญ จะเอาความดีไปต่อความดี อย่างนี้น่าโมทนา
 
คำถาม: ลูกสาวของผมเป็นคนรักบุญ กลัวบาป ตื่นเช้ามาก็สวดมนต์ทำวัตรเช้า แล้วก็นอนต่อจนสายเกือบเที่ยง เย็นก็สวดมนต์ทำวัตรเย็น แล้วก็นั่งดูทีวีจนดึก การงานทางโลกก็ไม่รับผิดชอบ ต้องให้พ่อแม่ดูแลอยู่ ทั้งที่เขาก็อายุมากแล้ว ไม่ทราบว่าทำตัวแบบนี้จะได้บุญหรือไม่ และควรจะอบรมอย่างไร ถึงจะทำให้เขาได้คิดค่ะ
 
คำตอบ: เรื่องนี้ฟังดูแล้วเหมือนเป็นความผิดของลูก แต่ว่าไม่ใช่หรอก เป็นความผิดของพ่อแม่มากกว่าที่เลี้ยงลูกไม่เป็น ปล่อยให้ลูกเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองมาตั้งแต่เล็ก ไม่เคยสอนให้ลูกรับผิดชอบตัวเองเท่าที่ควรจะเป็น ไม่สอนให้ลูกรับผิดชอบช่วยเหลือตัวเอง ไม่เคยสอนให้ลูกมีวินัย ทั้งในเรื่องเวลา และเรื่องของการเงินการงาน ความผิดที่เล่ามาทั้งหมด มันเป็นความผิดของคนที่เป็นพ่อแม่ ส่วนลูกสาวที่มีนิสัยอย่างที่ว่ามานั้น เขาเป็นผลแห่งความผิดพลาดที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทำเอาไว้
 
            ใช่ว่าจะซ้ำเติมคนที่เป็นพ่อแม่นะ แต่ว่าคนที่เป็นพ่อแม่ก็จะต้องรู้ตัวก่อน ว่านี่เป็นความผิดของเรา เพราะความที่ไม่รู้ว่าคนเรานั้น จะต้องประกอบด้วย ๒ อย่าง คือจะต้องมีความรู้ มีความสามารถ ที่จะรับผิดชอบเลี้ยงตัวเองให้ได้ เป็นประการที่ ๑. จะเรียกว่าเป็นความเก่งก็ได้
 
            ประการที่ ๒. จะต้องมีความดีอยู่ในตัวด้วย อย่างน้อยก็จะต้องไม่ทำความเดือดร้อนให้ใคร ในการไม่ผิดศีล หรือไม่เอาเปรียบใคร อย่างนี้ก็เรียกว่ามีความดี
 
            คุณมองความเก่งและความดีของคนไม่ออก เพราะฉะนั้นคุณก็เลี้ยงลูกแบบปล่อยปละละเลย วันนี้คุณจึงต้องมารับกรรมนั้น ลูกคุณอาจจะมีลอกเลียนความดีบางอย่างได้จากคุณ เช่นคุณเป็นอย่างที่คุณเล่ามา เด็กก็เลยคิดว่าสวดมนต์ก็ดีนะ แต่การสวดมนต์ที่ลูกคุณสวดนั้น จริงๆ แล้วก็สวดแบบไม่รู้คำแปล ไม่รู้ความหมายของการสวดมนต์ เขาคิดว่าได้บุญ แต่ความหมายก็ไม่รู้ ความมุ่งหมายก็ไม่รู้ คำแปลก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้นมนต์ที่เขาสวดนั้น คงเป็นแค่บ่นๆ ว่าๆ ไปอย่างนั้น ถามว่าพอจะได้บุญอะไรไหม เขาคงไม่ได้หรอก
 
            คุณเองก็เข้าใจผิด ว่าการทำอย่างนั้นเป็นการสวดมนต์ที่ถูกต้องแล้ว เพราะฉะนั้น การสวดมนต์ของลูกของคุณ ก็ไม่แน่นักว่าจะได้บุญหรือเป็นบุญ คุณบอกว่าลูกของคุณรักบุญกลัวบาป อาตมาไม่แน่ใจ เขาน่าจะพอมีบ้างในความมีเมตตากรุณา อาจจะมีอยู่ในใจบ้าง คือไม่ฆ่ามดฆ่าปลวก แต่ว่าในความเมตตากรุณาอันนั้น เขาอาจจะยังมีอย่างอื่นแฝงอยู่ อาจเป็นแค่การแสดงความเมตตากรุณาเป็นฉากหน้า แต่ลึกๆ ก็คือขี้เกียจทำงาน แล้วก็บอกว่าอันนั้นก็บาป อันนี้ก็บาป ก็เลยไม่ทำ
 
            เพราะฉะนั้น ก็ต้องบอกคุณว่า วันนี้คุณได้รับผลกรรมของการปล่อยปละละเลยในการเลี้ยงลูก ไม่สนใจว่าการเลี้ยงลูกที่ถูกที่ควรจะต้องทำอย่างไร แล้วก็ความเป็นมนุษย์ของเรานั้นอยู่ตรงไหน คุณอาจจะเข้าวัด แต่คุณไม่ได้ปฏิบัติธรรม คือเข้าไปตามธรรมเนียม แต่ไม่ได้เข้าวัดเพื่อศึกษาธรรมะ คุณก็เลยเลี้ยงลูกไม่เป็น
 
            การเลี้ยงลูกให้เป็น จะต้องรู้ว่า ความเป็นคนดีนั้น มันอยู่ที่การเป็นคนมีความรับผิดชอบ มีอะไรบ้าง
             ๑. รับผิดชอบต่อความเป็นมนุษย์ของตนเอง ด้วยศีล ๕ ข้อ
            ๒. รับผิดชอบต่อเศรษฐกิจ หรือความเป็นอยู่ของตัวเอง ด้วยการตั้งใจทำมาหากิน ทำงานทำการ ต้องไม่จมอบายมุขด้วย และอบายมุขข้อที่ร้ายมากๆ แต่คนมองไม่ออก คือความเกียจคร้านการงาน ซึ่งเป็นอบายมุขที่สาหัสของมนุษย์ เพราะว่ามนุษย์ยังต้องกินต้องใช้ เมื่อขี้เกียจทำการงาน แต่ว่ายังต้องกิน จะทำให้เขาเอาเปรียบคนอื่นได้
            ๓. รับผิดชอบต่อสังคม ไม่ยอมให้เกิดความลำเอียงขึ้นมา ถ้าเห็นความลำเอียงเกิดขึ้นที่ไหน ต้องหาทางแก้ไข
 
            ตั้งแต่ลูกของคุณยังเล็กๆ คุณมองภาพคนดีไม่ออกว่า คนดีจะต้องมีความรับผิดชอบอย่างน้อย ๓ ประการนี้ คุณก็เลยไม่รู้ และอาจไม่แน่ใจว่าคุณมีข้อประพฤติปฏิบัติอย่างไรกับคุณพ่อคุณแม่ของคุณ ถ้าคุณได้ทำตัวอย่างที่ดีจริง คือข้อปฏิบัติที่คุณทำกับคุณพ่อคุณแม่ของคุณ ปฏิบัติได้ดีจริง ดูแลท่านอย่างดี รับใช้ท่านอย่างดี ลูกของคุณเขาก็น่าจะได้ตัวอย่างจากคุณ แต่เท่าที่คุณเล่ามา ลูกของคุณไม่มีแววอย่างนั้นเลย ก็แสดงว่าเป็นไปได้ที่คุณเองก็มีเชื้อของความไม่รับผิดชอบต่อพ่อแม่ ต่ออาชีพการงานของคุณเท่าที่ควรจะเป็นมาก่อน
 
            อย่างไรก็ตาม วันนี้เป็นสิ่งที่คุณเองก็เริ่มได้ ในการแก้ไขคนนั้น ไม่ว่ากรณีไหน มีหลักง่ายๆ อยู่ ๒ ข้อ คือ
            ๑. ควบคุมเวลาให้ได้
            ๒. ควบคุมการเงินให้ได้
            ถ้าควบคุม ๒ อย่างนี้ได้ คุณแก้ไขนิสัยลูกสาวคุณได้ แก้ไขเวลา โดยการควบคุมเวลาในการกิน นอน ตื่น ทำงาน คุมให้ได้ ถ้าลูกสาวของคุณไม่ทำตามนั้น ต้องมีบทลงโทษ
 
            ประการที่ ๒. มีวินัยทางด้านการเงิน ถ้าไม่ทำงานก็ไม่ได้เงิน เพราะการที่เรากำหนดวินัยด้านเวลากับด้านการเงิน ก็เท่ากับเป็นการกำหนดความรับผิดชอบต่อตัวเองในเบื้องต้น รับผิดชอบต่อเศรษฐกิจ เขาก็เลยกลายเป็นคนมีความรับผิดชอบต่อสังคมไปด้วยในตัว คุณรีบกำหนดมาตรการเรื่องเวลา เรื่องการบริหารเวลาให้ตัวของคุณเองด้วย ให้ลูกของคุณที่จะต้องมาร่วมในการกำหนดเวลาเหล่านี้ด้วย แล้วคุณจะแก้ไขลูกของคุณได้  
 
  


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
เยี่ยมคนป่วย-ทำไมบุญที่ทำไว้ไม่ช่วย-หลวงพ่อตอบปัญหาเยี่ยมคนป่วย-ทำไมบุญที่ทำไว้ไม่ช่วย-หลวงพ่อตอบปัญหา

ไม่คบคนพาล-ให้คบบัณฑิต-หลวงพ่อตอบปัญหาไม่คบคนพาล-ให้คบบัณฑิต-หลวงพ่อตอบปัญหา

นิสัย-ความสามัคคี-หลวงพ่อตอบปัญหานิสัย-ความสามัคคี-หลวงพ่อตอบปัญหา



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

หลวงพ่อตอบปัญหา