ควันบุหรี่มือสอง ทำเด็กป่วย

ควันบุหรี่มือสอง ทำเด็กป่วย

        คณะผู้เชี่ยวชาญยาสูบ ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ สหราชอาณาจักร เผยผลสำรวจพบควันบุหรี่มือสองส่งผลให้เด็กป่วยมากขึ้น โดยในประเทศอังกฤษเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคที่เกิดจากการได้รับควันบุหรี่กว่า 23.3 ล้านปอนด์

        มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เปิดเผยรายงานล่าสุดของคณะผู้เชี่ยวชาญยาสูบ ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ สหราชอาณาจักร  ถึงการได้รับควันบุหรี่มือสองในเด็กอังกฤษ  ทำให้ในแต่ละปีมีเด็กที่ป่วยต้องไปตรวจกับแพทย์ 3 แสนครั้ง ต้องเข้าอยู่โรงพยาบาล 9,500 ครั้ง ด้วยโรคปอดอักเสบสองหมื่นราย หืดจับสองหมื่นสองพันราย เยื่อหุ้มสมองอักเสบ 200 ราย คิดเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาโรค 23.3 ล้านปอนด์ ไม่นับรวมค่ายารักษาหืดอีก 4 ล้านบาท ที่ผู้ปกครองจ่าย และในแต่ละปีมีเด็กอังกฤษ 23,000 คนที่ติดบุหรี่ใหม่ อันเป็นผลจากการเติบโตในสิ่งแวดล้อมที่ผู้ปกครองสูบบุหรี่ ทั้งนี้ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์สหราชอาณาจักรได้รายงานก่อนหน้านี้ว่า มีผู้ใหญ่ชาวอังกฤษเสียชีวิตจากการได้รับควันบุหรี่มือสองปีละ 11,000 คน โดยรายงานเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันปฏิบัติตามกฎหมาย ห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ  ขอให้ผู้ปกครองเลิกสูบบุหรี่ 

        ด้านศาสตราจารย์นายแพทย์ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่  กล่าวว่า ข้อมูลการสำรวจของเอแบคโพล พ.ศ.2551 ที่พบว่า ผู้ปกครองไทยส่วนใหญ่ยังไม่รู้ถึงโรคต่าง ๆ ที่เกิดในเด็กอันเป็นผลจากการได้รับควันบุหรี่มือสอง โดยการสำรวจผู้ปกครองเด็กอายุ 1-4 ขวบ ที่เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสถาบันเด็กแห่งชาติมหาราชินี จำนวน 658 คน พบว่า ผู้ปกครองรู้ว่าการได้รับควันบุหรี่มือสองในเด็ก เป็นสาเหตุของหลอดลมอักเสบเพียง 48.8% เป็นสาเหตุของหูอักเสบ 17.4% เป็นหวัดบ่อยขึ้น 37%

 

        ด้วยเหตุนี้ มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ จึงได้ร่วมกับแผนกกุมารเวชศาสตร์ 10 โรงพยาบาล โดยมีโรงพยาบาลสถาบันเด็กแห่งชาติมหาราชินี เป็นแม่ข่ายในการรณรงค์ถึงพิษภัยของควันบุหรี่มือสองต่อเด็ก โดยจัดให้ให้ความรู้แก่ผู้ปกครองถึงความสัมพันธ์ระหว่าง การสูบบุหรี่ของผู้ปกครองกับการเจ็บป่วยของลูก การแนะนำให้ไม่สูบบุหรี่ในบ้าน และให้คำปรึกษาเพื่อให้ผู้ปกครองเลิกสูบบุหรี่