View this page in: 中文
จากตอนที่แล้ว มาตลีเทพสารถีได้ขับเทวรถมาจ่อท้ายที่ข้างพระสีหบัญชร เชื้อเชิญพระเจ้าเนมิราชให้เสด็จขึ้น พระเจ้าเมนิราชครั้นได้สดับเช่นนั้น ก็ทรงเกิดปีติโสมนัสที่จะได้ทอดพระเนตรเทวโลกให้ประจักษ์ด้วยสายพระเนตร จึงทรงรับคำเชื้อเชิญ
หลังจากที่พระเจ้าเนมิราชเสด็จขึ้นเทวรถแล้ว มาตลีเทพสารถีก็ทูลถามว่า พระองค์จะไปนรกก่อนหรือตรงไปสวรรค์เลย พระเจ้าเนมิราชทรงมีดำริว่า เราควรจะได้ดูนรกซึ่งเป็นสถานที่ของคนทำบาปก่อน เพื่อจะได้นำมาสอนประชาชนทั้งหลายได้ จึงได้ตรัสบอกว่า ไปดูนรกก่อนเถิด
มาตลีเทพบุตรจึงนำเสด็จพระเจ้าเนมิราชไปยัง แม่น้ำเวตรณี (เว-ตะ-ระ-ณี) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุสสุทนรก อันเป็นนรกขุมบริวารขุมที่ ๑ ใน ๑๖ ขุมบริวาร ของสัญชีวมหานรก ซึ่งเต็มไปด้วยเถาวัลย์ ที่มีหนามใหญ่และยาว มีคมคล้ายใบหอกที่ยื่นยาว ปลายหนามลุกเป็นเพลิง
ในระหว่างกลางและข้างล่างของเถาวัลย์ยักษ์เหล่านี้ ก็จะมีหลาวเหล็กขนาดเท่าลำตาลที่ลุกโพลง ภายใต้หลาวเหล็กทั้งหลายก็มีใบบัวเหล็กแหลมคมเหมือนมีดโกน และลุกเป็นไฟอยู่เป็นนิจ ถัดมาที่ใต้พื้นน้ำนั้นก็จะมีเครื่องประหารหลากหลายชนิดเรียงรายรออยู่
สัตว์นรกที่หลุดออกจากสัญชีวมหานรกมา ได้เห็นแม่น้ำสายนี้เข้า ก็เข้าใจว่า เป็นแม่น้ำที่ทั้งน่าอาบน่าดื่ม ต่างก็วิ่งมาด้วยความหิวกระหาย ครั้นถึงริมฝั่งก็รีบกระโจนลงในแม่น้ำทันที เถาวัลย์ที่มีหนามแหลมคมเหมือนหอก ก็จะเชือดเฉือนร่างสัตว์นรกให้ได้รับความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน
สัตว์นรกถูกทรมานตายแล้วเกิด เกิดแล้วตายอยู่อย่างนี้นับครั้งไม่ถ้วน ใช้วิบากกรรมในจุดหนึ่งหมดแล้วก็จะไปทรมานในจุดต่อไปอีกเรื่อยๆ ซึ่งในจุดต่อมานั้น สัตว์นรกจะกลั้นใจดำหนีลงใต้พื้นน้ำ แต่ก็ยังถูกเครื่องประหารนานาชนิดเชือดเฉือนร่างของสัตว์นรก
บาดร่างกายให้ขาดเป็นท่อนๆ เหวอะหวะหนักเข้าไปอีก สัตว์นรกเจอเข้าอย่างนี้ก็สุดที่จะทุกข์ทรมาน ก็จะร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดต่อทุกขเวทนาที่ตัวเองได้รับ แต่เมื่อวิบากกรรมยังไม่หมดก็ยังส่งผลต่อไป
กระแสน้ำในแม่น้ำนี้ก็หาความคงที่และแน่นอนไม่ได้ บางครั้งก็ไหลตามกระแส แต่บางครั้ง..ก็ไหลทวนกระแส สัตว์นรกก็ล่องลอยอยู่ในน้ำตามแต่กระแสน้ำจะพัดพาไปทิศทางไหน
แต่ไม่ว่ากระแสน้ำจะเปลี่ยนไป ณ ทิศทางใด ณ ริมฝั่งแม่น้ำ ก็จะมีนายนิรยบาลยืนรออยู่ ในมือของนายนิรยบาลทั้งหลายก็มีหอกแหลนหลาว ตั้งเป้าที่จะซัดอาวุธอันร้ายกาจเหล่านั้นไปยังสัตว์นรกทุกตัวที่อยู่ในสายตา
และทุกแววตาที่นายนิรยบาลจับจ้องอยู่นั้น เหมือนกับคนที่กำลังเอาฉมวกแทงปลาอยู่ก็อย่างนั้น ก็เพราะกรรมบันดาลเช่นนั้น และไม่มีครั้งไหนเลยที่แทงลงไปแล้วจะไม่โดนสัตว์นรก
หลังจากทิ่มแทงจนหนำใจ คือ วิบากกรรมเบาบางลงมานั่นแหละ นายนิรยบาลก็จะเอาเบ็ดเหล็กร้อนแรงที่ลามเลียอยู่ด้วยไฟนรก มาเกี่ยวสัตว์นรกเหล่านั้นลากขึ้นจากแม่น้ำเวตรณี ฉุดกระชากลากถูนำสัตว์นรกมาบังคับให้นอนหงายบนแผ่นเหล็กแดงร้อนลุกโชติช่วงด้วยไฟนรก แล้วเอาหลาวงัดปากให้อ้าขึ้น
แล้วยัดก้อนเหล็กที่ร้อนแดงด้วยเปลวไฟร้าย เข้าไปในปากสัตว์นรกอย่างไร้ความปรานี เมื่อก้อนเหล็กถึงริมฝีปาก ปากก็ไหม้ ตกมาถึงคอๆ ก็ไหม้ ถึงท้องๆ ท้องก็ไหม้ ไส้ใหญ่ไส้น้อยก็ทะลักออกมา ทุกช่วงลีลาชีวิตสัตว์นรกในแม่น้ำสายนี้ มีแต่เสียงร้องครวญคราง
พระเจ้าเนมิราชทอดพระเนตรเห็นเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งหมด ก็สลดสังเวชหดหู่พระหฤทัยเป็นอย่างมาก เพราะเหตุการณ์เหล่านี้พระองค์เองไม่เคยพบเห็นในโลกมนุษย์ จึงทรงถามถึงบาปกรรมของสัตว์นรกว่าทำบาปกรรมอะไรไว้ถึงต้องมารับทัณฑ์ทรมานอยู่ ณ ที่ตรงนี้
มาตลีเทพสารถีก็ทูลรายงานว่า “ข้าแต่สมมติเทพ สัตว์นรกเหล่านี้ ในสมัยที่เป็นมนุษย์ มีเรี่ยวแรงมาก แต่นำไปใช้เบียดเบียนผู้อื่นที่ด้อยกำลังกว่า เที่ยวทรมาน และรังแกสัตว์ที่มีกำลังน้อยกว่า เมื่อตายแล้ว จึงต้องมารับกรรมอยู่ ณ ที่ตรงนี้ พระเจ้าข้า”
จากนั้น มาตลีเทพสารถีก็นำเสด็จพระเจ้าเนมิราชมายังอุสสุทนรกขุมที่ ๒ ที่ชื่อว่า สุนขนรก (สุ-นะ-ขะ-นะ-รก)ซึ่งเป็นนรกขุมที่มีสุนัขมากมายหลายฝูง
จำแนกสุนัขทั้งหมดในนรกขุมนี้ได้ ๕ จำพวก คือ สุนัขนรกแดง สุนัขนรกด่าง สุนัขนรกขาว สุนัขนรกดำ และสุนัขนรกเหลือง และทุกจำพวกของสุนัขเหล่านี้ จะมีตัวโตเท่าช้าง น่ากลัวมาก ส่งเสียงเห่าหอนดังเหมือนฟ้าลั่นฟ้าร้องระงมอยู่ทั่วนรก
พวกมันจะคอยไล่ติดตามสัตว์นรกที่มาเกิด ณ นรกขุมนี้ แล้วขบกัดไม่มีเวลาพักเหมือนสุนัขล่าเนื้อของนายพรานที่ตามไล่ล่าเนื้ออยู่ ฉะนั้น
และเมื่อจับสัตว์นรกเหล่านั้นได้ ก็กัดฉีกกินเนื้อเป็นชิ้นๆ มันจะใช้ขาหน้าทั้งสองเหยียบอกของสัตว์นรก แล้วก็แทะเนื้อสัตว์นรกกินต่อไปจนเหลือแต่กระดูก
นอกจากสุนัขนรกแล้ว ในนรกขุมนี้แล้วก็ยังมีฝูงแร้งฝูงกา และฝูงนกตะกรุมอีกมากมายหลายฝูง พวกสัตว์เดรัจฉานนรกเหล่านี้จะมีลักษณะแปลกประหลาด คือ ปากและตีนของมันเป็นเหล็กลุกแดงเป็นเปลวไฟ
จะงอยปากนอกจากจะเป็นเหล็กลุกเป็นไฟอยู่ตลอดเวลาแล้ว ยังมีความแหลมคมเหมือนปลายทวน ลำตัวของมันใหญ่เท่าเกวียนสินค้า แววตาดุร้าย
เมื่อพบเหยื่อคือสัตว์นรก ฝูงกานรกก็จะตรงรี่เข้าจิกตรงลูกตาของสัตว์นรก และแหวกอกของสัตว์นรกให้ขาดแยกออก เลือดเนื้อและอวัยวะภายในขาดกระจุยกระจาย แล้วจึงจิกกินตั้งแต่เนื้อจนถึงเยื่อในกระดูกหมดทั้งตัวสัตว์นรก
ส่วนฝูงแร้งนรกก็จะทำหน้าที่ฉีกทำลายกระดูกที่สุนัขนรกทิ้งไว้ หลังจากจิกทำลายกินเลือดเนื้อของสัตว์นรกจนเหลือแต่กระดูกแล้วสัตว์นรกถึงจะตาย..เกิด..ตาย..เกิด..ตาย..หมุนเวียนตามแรงกระแสกรรม ตราบจนกว่ากรรมจะหมดสิ้น
มนุษย์บางพวกปากกล้า โฉดเขลาเป็นคนพาล ไม่ระวังวาจา ด่าว่าบิดามารดา ปู่ย่าตายาย พี่ชาย พี่หญิง ด้วยคำหยาบคายเจ็บแสบ เมื่อฉุนเฉียวโกรธาก็ด่าว่าไม่เลือกว่าจะเป็นผู้เฒ่าผู้แก่ หรือแม้กระทั่งสมณะพราหมณ์ก็ไม่เว้น
อีกทั้งห้ามคนอื่นบริจาคทาน จึงต้องมาทนเสวยวิบากกรรมที่ตนเองเป็นคนก่ออยู่ ณ สุนขนรก ขุมที่ ๒ ของอุสสุทนรกอันน่ากลัวและสุดหฤโหดแห่งนี้
ต่อมา เทวรถที่มีมาตลีเป็นสารถี ก็นำพระเจ้าเนมิราชไปทอดพระเนตร สโชตินรก (สะ-โช-ติ-นะ-รก) ซึ่งเป็นอุสสุทนรก ขุมที่ ๓ ภาพที่ปรากฏในสายพระเนตร คือสัตว์นรกกำลังเหยียบแผ่นดินเหล็กร้อนที่ลุกโชติช่วงอยู่ โดยจะมีนายนิรยบาลไล่กวดติดตาม
เอาท่อนเหล็กที่มีเปลวไฟร้อน ขนาดเท่าลำตาลใหญ่ตีที่แข้งของสัตว์นรก จนสัตว์นรกล้มลง แล้วก็นำท่อนเหล็กนั้นมาโบยตีต่อไป จนร่างสัตว์นรกแหลกเป็นจุณ การเที่ยวชมนรกของพระเจ้าเนมิราชยังไม่จบ แต่ว่าขุมต่อไปจะเป็นอย่างไรอีกนั้น โปรดติดตามตอนต่อไป
พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)