ทศชาติชาดก เรื่องเนมิราช ผู้ยิ่งด้วยอธิษฐานบารมี ตอนที่ 9


[ 30 พ.ค. 2550 ] - [ 18277 ] LINE it!
View this page in: 中文

 
ทศชาติชาดก
 
เรื่อง  เนมิราช   ผู้ยิ่งด้วยอธิษฐานบารมี  ตอนที่ 9


        จากตอนที่แล้ว สัตว์นรกถูกทรมานตายแล้วเกิด เกิดแล้วตายจนนับครั้งไม่ถ้วน ใช้วิบากกรรมในจุดหนึ่งหมดแล้ว ก็จะไปทรมานในจุดต่อไปอีก ทั้งกระแสน้ำในแม่น้ำนั้นก็ปั่นป่วน    สัตว์นรกก็ลอยเคว้งคว้างตามแต่กระแสกรรมจะพัดพาไป  ริมฝั่งแม่น้ำ ก็จะมีนายนิรยบาล ยืนถือหอกคอยทิ่มแทงสัตว์นรกที่เข้ามาใกล้ให้หวนกลับลงไปในน้ำใหม่ แต่สัตว์นรกตนใดที่วิบากกรรมเบาบางลงมา นายนิรยบาลก็จะเอาเบ็ดเหล็กเกี่ยวสัตว์นรกนั้นลากขึ้นจากแม่น้ำ  บังคับให้นอนหงายบนแผ่นเหล็กร้อน เอาหลาวงัดปากให้อ้าขึ้น    ยัดก้อนเหล็กร้อนแดงเข้าไปในปาก  เมื่อก้อนเหล็กถึงริมฝีปาก  ปากก็ไหม้  ถึงคอๆ ก็ไหม้  ถึงท้องๆ ท้องก็ไหม้  ไส้ใหญ่ไส้น้อยก็ทะลักออกมา ทราบจากมาตลีเทพสารถีว่า  สัตว์นรกเหล่านี้  ในสมัยที่เป็นมนุษย์ ชอบประทุษร้ายคนและสัตว์  เมื่อตายแล้วจึงต้องมารับกรรมอยู่ที่ตรงนี้

        จากนั้น มาตลีเทพสารถีก็นำเสด็จพระเจ้าเนมิราชมายัง อุสสุทนรกขุมที่ ๒ ที่ชื่อว่า สุนขนรก (สุ-นะ-ขะ-นะ-รก) ซึ่งมีสุนัขมากมายหลายฝูง  พวกมันจะคอยไล่กัดสัตว์นรกไม่มีเวลาพัก โดยมันจะใช้ขาหน้าทั้งสองเหยียบอกของสัตว์นรก   แล้วก็ทึ้งเนื้อสัตว์นรกกินจนเหลือแต่กระดูก

        ต่อมาก็มาถึง สโชตินรก  ซึ่งเป็น อุสสุทนรกขุมที่ ๓  ปรากฏเห็นสัตว์นรกกำลังเหยียบแผ่นดินเหล็กร้อนที่ลุกเป็นไฟ มีนายนิรยบาลไล่กวดเอาท่อนเหล็กไฟร้อน  ขนาดใหญ่ตีที่แข้งของสัตว์นรกให้ล้มลง  แล้วก็ใช้ท่อนเหล็กนั้นโบยตีต่อไป  จนร่างของสัตว์นรกแหลกเป็นจุณ 
 
        มาตลีเทพบุตรได้อธิบายแด่พระเจ้าเนมิราชว่า   “ข้าแต่จอมนรชน สัตว์นรกที่ปรากฏต่อเบื้องพระพักตร์นี้ อดีตตอนเป็นมนุษย์ เป็นคนชั่วหยาบได้ด่าว่าเสียดสีใส่ร้ายผู้ที่มีศีลมีธรรม มีความประพฤติงดงาม  ทั้งไม่เคยเบียดเบียนใคร  และเป็นผู้บริสุทธิ์ไม่มีความผิด ทำให้คนเหล่าอื่นเข้าใจผิดพลอยติฉินนินทาตามๆ กันไป  ทำให้ท่านเหล่านั้นได้รับความอับอาย”

        หลังจากที่มาตลีเทพสารถีได้อธิบายให้ทรงสดับแล้ว ก็ได้นำเวชยันตรถมุ่งหน้าพาชมนรกไปต่อไปเรื่อยๆ  จนถึง อังคารกาสุนรก (อัง-คา-ระ-กา-สุ-นะ-รก)  อุสสุทนรกขุมที่ ๔  ซึ่งเป็นนรกที่มีนายนิรยบาลกำลังเอาอาวุธมีหอก  ดาบ  ค้อนเหล็กเป็นต้นที่ไฟกรดลามเลียอยู่ทิ่มแทงสัตว์นรก ไล่ตีสัตว์นรกให้ตกไปในหลุมถ่านเพลิง 

        ตัวสัตว์นรกที่ตกลงไปจะจมอยู่ในหลุมถ่านเพลิงถึงสะเอว  นายนิรยบาลก็เอากระเช้าเหล็กใหญ่ตักถ่านเพลิง  แล้วนำไปโปรยบนหัวของสัตว์นรกเหล่านั้นอีก   สัตว์นรกก็ตะเกียกตะกายพยายามดิ้นรนหนีความทุกข์ร้อน ทั้งๆ ที่ทั่วสรรพางค์กายของตนไหม้เกรียมอยู่เพราะไฟกรด 

        มาตลีเทพสารถีได้ทูลอธิบายประกอบการนำชมว่า  “ข้าแต่พระจอมประชาราช สัตว์นรกเหล่านี้ อดีตก็เป็นมนุษย์  ได้เรี่ยไรทรัพย์ของคนอื่นโดย อ้างว่าจะนำไปทำบุญทำทานสร้างวิหารเป็นต้น  แต่กลับนำทรัพย์นั้นไปใช้จ่ายตามความพอใจ ไม่ได้ทำบุญดังที่กล่าวไว้  โกงทรัพย์สินของคนอื่นมาเป็นของตน  สร้างหลักฐานพยานเท็จขึ้น เพื่อปกปิดการใช้จ่ายที่แท้จริงในการบอกบุญ  และเพื่อหลอกเรี่ยไร่ทรัพย์ของคนอื่นอีก  ทรัพย์สมบัติเหล่านั้นก็เสียหายไปเปล่าๆ”

        ต่อจากนั้น มาตลีเทพสารถีก็นำพระเจ้าเนมิราชชมนรกขุมถัดมา เป็นอุสสุทนรกขุมที่  ๕  ที่มีชื่อว่า โลหกุมภีนรก (โล-หะ-กุม-ภี-นะ-รก) ซึ่งเป็นนรกที่มีหม้อเหล็กแดงใหญ่เท่าภูเขา  ในหม้อจะเต็มไปด้วยน้ำเหล็กแดงกรด

        นรกขุมนี้เป็นการทรมานสัตว์นรก โดยนายนิรยบาลจะจับเท้าสัตว์นรกขึ้นข้างบน เอาหัวสัตว์นรกไว้ข้างล่าง  จากนั้นก็โยนให้ตกลงไปในหม้อโลหกุมภีอันร้อนแรง  
 
        พร้อมทั้งทูลอธิบายว่า  “ข้าแต่พระเจ้าเนมิราช สัตว์นรกเหล่านี้ ในอดีตตอนเป็นมนุษย์ ชอบด่าสมณะหรือพราหมณ์ผู้สมบูรณ์ด้วยศีลและมีมารยาทงดงาม อีกทั้งยังชอบตีฝูงสัตว์เลี้ยงของตนอย่างขาดความปราณี จึงต้องมาเสวยวิบากกรรมในหม้อโลหกุมภีที่มีขนาดประมาณเท่าภูเขานี้”

        จากนั้น  พระเจ้าเนมิราชก็ได้ทอดพระเนตร  อโยทกนรก  (อะ-โย-ทะ-กะ-นะ-รก) อุสสุทนรกขุมที่ ๖   ทรงเห็นนายนิรยบาลเอาเชือกเหล็กที่ติดโพลงอยู่ด้วยไฟกรด ผูกคอสัตว์นรก ดึงสัตว์นรกที่ลำตัวมีขนาด ๓ คาวุตให้ก้มหน้าลง    เอาเชือกควั่นคอสัตว์นรกแล้วดึงขึ้นตัดคอจนสัตว์นรกคอขาดแล้ว แต่ถึงกระนั้นสัตว์นรกก็ยังไม่ตาย นายนิรยบาลก็เอาท่อนเหล็กร้อนไล่ต้อนสัตว์นรก  ให้วิ่งไปตกลงไปในน้ำโลหะที่ร้อนแรง 

        เมื่อสัตว์นรกตกลงไปในน้ำโลหะก็จะมีคอและหัวงอกขึ้นมาใหม่  นายนิรยบาลก็โบยตีสัตว์นรกที่นอนดิ้นทุรนทุรายอยู่ในน้ำนั้นต่อไปอีก          ทรงสดับจากมาตลีว่า  เพราะอดีตตอนเป็นมนุษย์  ได้เบียดเบียนสัตว์อื่น  ได้นำนกมาตัดปีก  ผูกคอ  ฆ่าสัตว์ต่างๆ โดยวิธีตัดหัว กินเองบ้าง ขายบ้าง   ตนเองจึงต้องมารับผลแห่งกรรมที่พระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็นอยู่นี้
 
        ถัดมา  เทวรถของมาตลีเทพสารถีก็นำเสด็จมาถึง  ถุสปลาสนรก (ถุ-สะ-ปะ-ลา-สะ-นะ-รก) ซึ่งเป็นอุสสุทนรกขุมที่  ๗  ซึ่งมีลักษณะเป็นแม่น้ำสายหนึ่งที่ดูแล้วน่ารื่นรมย์มาก  มีตลิ่งที่ไม่สูงชัน  มีท่าที่น่าลงเล่นน้ำ   และไหลอยู่โดยปกติ  

        ตัวสัตว์นรกเล่าก็ไม่อาจทนความหิวกระหายเพราะความเร่าร้อนของไฟที่ลุกโพลงอยู่เป็นอาจิณ  จึงได้วิ่งย่ำแผ่นดินโลหะร้อนนั้น กระโจนลงสู่แม่น้ำนี้ทันที   ทันใดนั้นเอง  ณ ริมฝั่งของแม่น้ำนี้ ก็ลุกโพลงขึ้นทั้งหมด 

        น้ำที่ดูแล้วควรดื่มเป็นกระแสน้ำที่น่ารื่นรมย์ก็กลายเป็นแกลบและใบไม้ที่ลุกโพลงขึ้นเป็นไฟกรดทันที  แต่เพราะแรงกรรมบีบคั้น  สัตว์นรกไม่อาจจะทนความหิวกระหายได้ จึงได้เคี้ยวกินแกลบและใบไม้ที่ลุกโพลงอยู่นั้นในทันที  เพื่อทดแทนการดื่มน้ำ 

        เมื่อแกลบและใบไม้ที่สัตว์นรกกินเข้าไปนั้นตกถึงท้องของสัตว์นรก ก็เผาสัตว์นรกทั้งตัว เมื่อเผาสัตว์นรกจนลุกโพลงทั้งตัวแล้ว  ทั้งแกลบและใบไม้ก็ไหลออกทางทวารของสัตว์นรก 

        สัตว์นรกสุดแสนจะทนกับทุกขเวทนาที่ได้รับก็ยกแขนทั้งสองขึ้นร้องโอดโอยด้วยความทุกข์ทรมาน   
 
        วิบากกรรมเหล่านี้เกิดจากเมื่อตอนเป็นมนุษย์ได้เป็นพ่อค้าขายข้าวเปลือก  แต่ก่อนจะขายได้เอาใบไม้บ้าง  แกลบบ้าง  ทรายและดินเป็นต้นบ้างผสมลงในข้าวเปลือกแล้วขายให้แก่ลูกค้า  หลอกขายให้ผู้อื่นเห็นว่าเป็นข้าวเปลือกเกรดดี

        รถทิพย์นามว่า เวชยันตรถ  ยังคงทำหน้าที่พาพระเจ้าเนมิราชเดินทางต่อไป จนมาถึง อุสสุทนรกขุมที่ ๘ ซึ่งมีชื่อว่า สัตติหตนรก สัต-ติ-หะ-ตะ-นะ-รก) ในนรกขุมนี้ ปรากฏเห็นนายนิรยบาลห้อมล้อมสัตว์นรก  ทำทีเหมือนนายพรานกำลังล้อมดักฝูงเนื้อในป่าใหญ่ ฉะนั้น 

        เมื่อนายนิรยบาลล้อมเข้ามาใกล้ตัวสัตว์นรก ก็จะทิ่มแทงด้วยอาวุธหลายหลาก  อย่างไม่หยุดยั้ง   ร่างของสัตว์นรกก็เป็นช่องโหว่  ปรุพรุนไปทั้งร่างเหมือนใบไม้แก่ที่มีโรคราขึ้น ฉะนั้น  
 
        มาตลีทูลอธิบายแก่พระเจ้าเนมิราชว่า  “ข้าแต่พระจอมประชา สัตว์นรกเหล่านี้ ในอดีตตอนเป็นมนุษย์ ชอบขโมยทรัพย์สินของคนอื่น  เช่น เงิน ทอง แพะ  แกะ  วัว  ควาย เป็นต้น นำมาเป็นของตัวเอง” ท้าวเธอได้สดับเช่นนั้น ก็ทรงสลดพระหทัยมิอาจทอดพระเนตรต่อไปได้ จึงตรัสว่า “รีบไปข้างหน้าเถิด ท่านมาตลี”  แต่ว่าขุมต่อไปจะเป็นอย่างไรนั้น โปรดติดตามตอนต่อไป
 

พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์  (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ทศชาติชาดก เรื่อง พระเตมีย์ ผู้ยิ่งด้วยเนกขัมมบารมี ตอนที่ 1ทศชาติชาดก เรื่อง พระเตมีย์ ผู้ยิ่งด้วยเนกขัมมบารมี ตอนที่ 1

ทศชาติชาดก เรื่อง พระเตมีย์ ผู้ยิ่งด้วยเนกขัมมบารมี ตอนที่ 2ทศชาติชาดก เรื่อง พระเตมีย์ ผู้ยิ่งด้วยเนกขัมมบารมี ตอนที่ 2

ทศชาติชาดก เรื่อง พระเตมีย์ ผู้ยิ่งด้วยเนกขัมมบารมี ตอนที่ 3ทศชาติชาดก เรื่อง พระเตมีย์ ผู้ยิ่งด้วยเนกขัมมบารมี ตอนที่ 3



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ทศชาติชาดก