ธุดงค์ธรรมชัย ปีที่ 3
พุทธประเพณีคู่พุทธมหานคร
พุทธประเพณี คือ ประเพณีของผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เป็นระเบียบแบบแผนและเอกลักษณ์ของชาวพุทธที่ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล
พุทธประเพณีที่เกิดขึ้นในสมัยพุทธกาลนั้นมีหลายอย่าง เช่น พุทธประเพณีการบวช พุทธประเพณีการตักบาตร พุทธประเพณีการถวายสังฆทาน พุทธประเพณีการปฏิบัติธุดงควัตร เป็นต้น แต่หนึ่งในพุทธประเพณีที่สำคัญที่กำลังจะกล่าวถึง ก็คือ พุทธประเพณีการเดินธุดงค์ พุทธประเพณีการโปรยดอกไม้ต้อนรับคณะพระภิกษุสงฆ์ และพุทธประเพณีการล้างเท้าพระ ซึ่งเป็นพุทธประเพณีที่แทบจะไม่ค่อยเหลือให้เห็นแล้วในยุคปัจจุบัน
พุทธประเพณี เป็นประเพณีที่ชาวพุทธสามารถปฏิบัติได้โดยไม่ขึ้นกับกาลเวลา เพราะคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นอกาลิโก คือ ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา ดังนั้นพุทธประเพณีจึงเป็นข้อควรปฏิบัติที่ไม่ล้าสมัย ไม่มีเมื่อก่อนหรือวันนี้ แต่สามารถปฏิบัติได้ตลอดกาลนิรันดร์
แต่พุทธประเพณีมีสิทธิ์จะเลือนรางหรือหายสาบสูญไปได้ ในวันที่ชาวพุทธอ่อนแอ ขาดศีลธรรม และค่อยๆ ปล่อยให้ความเจริญทางด้านวัตถุอยู่เหนือจิตใจ เช่น เมื่อชาวพุทธเห็นพระภิกษุเดินผ่านแล้วไม่รู้ว่า.. จะต้องก้มลงกราบหรือยกมือไหว้ อาจเป็นด้วยความไม่เข้าใจ และมีคนกระทำให้ดูเป็นตัวอย่างน้อยมาก
หากเป็นดังนี้...ขอให้รู้เถิดว่า นั่นคือสัญญาณอันตราย เพราะเป็นเครื่องบ่งชี้ว่า พุทธประเพณีกำลังจะดับสูญไปอีกหนึ่งอย่างแล้ว เพราะในสมัยพุทธกาล เมื่อพุทธศาสนิกชนเห็นคณะพระภิกษุเดินผ่าน ก็จะก้มลงกราบกับพื้น หรือโปรยดอกไม้เพื่อต้อนรับบูชาด้วยจิตที่เลื่อมใสกันทีเดียว
ในฐานะที่เราเป็นชาวพุทธ เราก็ควรจะรักษาพุทธประเพณีนี้ไว้ เพื่อให้โอกาสโลกใบนี้มีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับลูกหลานของเรา ปลูกจิตสำนึกให้เขามีจิตใจที่อ่อนโยน มีความเคารพ มีความกตัญญู มีความเจริญทางด้านจิตใจนำหน้าวัตถุ แล้วในที่สุด...กระแสศีลธรรมก็หวนคืนกลับมาปกป้องโลกใบนี้ให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น
บุคคลในพุทธกาลที่โปรยดอกไม้ต้อนรับคณะพระภิกษุสงฆ์ ด้วยจิตเลื่อมใส
ดังเรื่องของนายสุมนมาลาการ ในครั้งที่เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาพร้อมกับคณะพระภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ แล้วเกิดจิตเลื่อมใสอย่างไม่มีประมาณ จึงตัดสินใจกำดอกมะลิแล้วซัดขึ้นไปบนอากาศในขณะที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จผ่านจนหมดทั้ง 8 ทะนาน ซึ่งปกติแล้ว...ดอกมะลิทั้ง 8 ทะนานนี้ นายสุมนมาลาการจะต้องนำไปถวายพระราชาทุกวัน แต่วันนี้..ก่อนที่นายสุมนมาลาการจะซัดดอกมะลิขึ้นไปบนอากาศนั้น เขาคิดว่า การบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในครั้งนี้ เขายอมแลกด้วยชีวิต เพราะหากเขาไม่มีดอกมะลิ 8 ทะนาน ไปถวายพระราชาในวันนี้เขาจะต้องโดนลงทัณฑ์ จองจำ ขับไล่ออกจากแคว้น หรือโดนฆ่า แต่ไม่ว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรเขาก็ยอม เพราะอยากนำดอกมะลิมาบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยจิตที่เลื่อมใสอย่างแท้จริง
อานิสงส์ผลบุญของการโปรยดอกไม้ต้อนรับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและคณะพระภิกษุสงฆ์
ด้วยบุญจากการบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยจิตที่เลื่อมใสโดยไม่มีประมาณของนายสุมนมาลาการนี้เอง...ทำให้พระราชาไม่ทรงพิโรธ เนื่องจากพระราชาทรงมีความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก เพราะทรงบรรลุโสดาบันแล้ว จึงทรงมีความเข้าใจและนึกอนุโมทนากับการกระทำของนายสุมนมาลาการ ด้วยเหตุนี้..พระราชาจึงพระราชทานสิ่งของให้เพื่อเป็นการยกย่องในความดีของนายสุมนมาลาการอย่างละ 8 คือ ช้าง 8 ม้า 8 ทาส 8 ทาสี 8 เครื่องประดับใหญ่ 8 กหาปณะ 8 พัน นารีที่มาจากราชตระกูล 8 นาง และบ้านส่วย 8 ตำบล
และที่สำคัญการกระทำของนายสุมนมาลาการในครั้งนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสสรรเสริญกับพระอานนท์พุทธอุปัฏฐากว่า นายมาลาการนี้ได้สละชีวิตกระทำการบูชาด้วยการยังจิตให้เลื่อมใส ด้วยผลบุญนี้..เขาจะไม่ไปทุคติเลยตลอดแสนกัป คือ หลังจากละโลกไปแล้ว เขาก็ได้เวียนว่ายตายเกิดอยู่แต่ในสุคติภูมินานตลอดแสนกัป จนสุดท้ายได้บรรลุเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง
ด้วยเหตุนี้..ในปลายปี พ.ศ. 2552 จึงบรรจุหลักสูตรการเดินธุดงค์เพิ่มเข้าไปในโครงการบวชพระพี่เลี้ยงรุ่นกองพันสถาปนาของโครงการบวชพระ 7,000 รูป 7,000 ตำบล โดยให้ชื่อโครงการว่า “ธุดงค์ธรรมชัย” ซึ่งเป็นการเดินธุดงค์ไปยังวัดร้าง เพื่อพัฒนาให้เป็นวัดรุ่ง จากนั้นวัดพระธรรมกายจึงจัดให้มีการเดินธุดงค์เช่นนี้อย่างต่อเนื่องทุกครั้งที่จัดโครงการบวชพระ 100,000 รูป ทุกหมู่บ้านทั่วไทย โดยให้มีการเดินธุดงค์ถึงปีละ 2 ครั้ง ในโครงการบวชพระ 100,000 รูป ภาคฤดูร้อน และโครงการบวชพระ 100,000 รูป รุ่นเข้าพรรษาปัดเป่าภัยพิบัติให้แผ่นดิน
จนกระทั่งปี พ.ศ. 2554 ประเทศชาติของเราประสบปัญหาอุทกภัยน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 50 ปีที่ผ่านมานำความสูญเสียและสะเทือนขวัญมาสู่พี่น้องชาวไทยเป็นจำนวนมหาศาล ดังนั้นพระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายและประธานมูลนิธิธรรมกาย จึงได้ดำริโครงการ “ธุดงค์ธรรมชัยสถาปนาเส้นทางมหาปูชนียาจารย์” ขึ้น โดยเดินผ่านเขตพื้นที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วม เพื่อขจัดปัดเป่าภัยพิบัติ สรรพทุกข์ สรรพโศก สรรพโรค สรรพภัย จากมหาอุทกภัยที่สร้างความสูญเสียและความพลัดพรากแก่พี่น้องชาวไทยให้หมดสิ้นไป อีกทั้งยังเป็นการทำบุญใหกั้บประเทศที่ผ่านความบอบช้ำอย่างหนักในช่วงปี พ.ศ. 2554 และที่สำคัญยังเป็นการรื้อฟื้นพุทธประเพณี ที่เคยเกิดขึ้นในสมัยพุทธกาล...แสดงความกตัญญูอย่างสูงสุด
นอกจากนั้น...การเดินธุดงค์ครั้งนี้ เป็นการเดินเพื่อแสดงความกตัญญูอย่างสูงสุดต่อหลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญ (สด จนฺทสโร) คณะพระธุดงค์จึงเดินไปตามเส้นทางมหาปูชนียาจารย์ ซึ่งเส้นทางนี้
นอกจากเป็นเส้นทางที่เป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญ 6 แห่ง ในประวัติศาสตร์ชีวิตของหลวงปู่แล้ว ยังเป็นเขตพื้นที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วมอีกด้วย ดังนั้นวัดพระธรรมกายและมูลนิธิธรรมกายจึงจัดให้มีกิจกรรมธุดงค์ในครั้งนี้ร่วมกับ 25 องค์กรภาคี โดยมีการบุกเบิกเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2554 โดยมีคณะพระธุดงค์กว่า 200 รูป เดินธุดงค์เป็นระยะทางกว่า 16 กิโลเมตร โดยเริ่มต้นเดินจากวัดพระธรรมกายและมีปลายทางอยู่ที่มหาวิทยาลัยปทุมธานี ตลอดระยะทางมีประชาชนและเด็กนักเรียนกว่า 10,000 คน เตรียมกลีบกุหลาบที่เด็ดจากดอกกุหลาบกว่า 700,000 ดอก โปรยต้อนรับตลอดเส้นทางสถาปนาเส้นทางมหาปูชนียาจารย์ครั้งแรกของโลกหลังจากที่บุกเบิกแล้ว ในระหว่างวันที่ 2-25 มกราคม พ.ศ. 2555 จึงจัดให้มีการเดินธุดงค์ธรรมชัยสถาปนาเส้นทางมหาปูชนียาจารย์อย่างเต็มรูปแบบ โดยพระที่เดินธุดงค์มาจากจังหวัดต่างๆ ทั่วไทยจำนวนเป็นถึง 1,127 รูป (ตัวเลข 3 ตัวหลังเท่ากับจำนวนอายุของหลวงปู่ ซึ่งถ้าท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านจะมีอายุได้ 127 ปี)
1. สถานที่เกิด ตั้งอยู่บนแผ่นดินรูปดอกบัว ณ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ปัจจุบันคณะศิษยานุศิษย์ได้ทำการก่อสร้างอนุสรณ์สถานพระมงคลเทพมุนีไว้ ณ ที่แห่งนี้
*จากหนังสือพุทธประเพณี