ชาดก 500 ชาติ
ปานียชาดก-ชาดกว่าด้วยการทำบาปแล้วรังเกียจบาปที่ทำ
ตัดสินใจบรรพชาถึงอุปสมบทพร้อมกันทั้ง ๕๐๐ รูป “ ความสุขทางธรรมนั่นแหละคือสิ่งที่เราปรารถนาหนทางพ้นทุกข์อยู่ไม่ไกลจากเราแล้ว ”
โดยอานัทของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว พระศาสดาประทับนั่งเหนืออาสนะที่จัดถวายทรงกระทำมิให้เป็นการเจาะจงตรัสด้วยความสามารถเป็น
พระดำรัสสงเคราะห์แก่ภิกษุทั้งปวง
ยังไม่เสด็จอุบัติต่างก็ข่มกิเลสทั้งหลายเสียได้บรรลุปัจเจกพุทธญาณ ” ดังนี้แล้วจึงทรงนำอดีตนิทานมาตรัส ดังต่อไปนี้
ไปสู่ไร่ในป่าวางไว้ใต้ร่มไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง แล้วลงมือฟันต้นไม้น้อยใหญ่เพื่อทำเป็นไร่ ในเวลากระหายน้ำก็พากันมาดื่มน้ำ ในคนสองคนนั้น
ไว้กินทีหลังดีกว่า ” ตอนเย็นออกจากป่าแล้วชายผู้นั้นยืนอาบน้ำแล้วก็นิ่งคิดสำรวจดูสิ่งที่ตัวเองได้กระทำไปในวันนี้ “ วันนี้เราได้ทำในสิ่งที่เป็นบาป
ไปนี่ช่างน่าเศร้าใจนัก
กระทำการขโมยน้ำของเพื่อนกันดื่มนั้นให้เป็นอารมณ์ เจริญวิปัสสนาทำปัจเจกพุทธญาณให้บังเกิดได้แล้ว ยืนนึกถึงคุณที่ตนได้รับอยู่
ทันใดนั่นเองเมื่อชายตัดไม้ผู้ละจากกามลูบศีรษะเพศคฤหัสถ์ของเขาก็อันตรทานหายไปกลับกลายเป็นครองผ้าสองชั้นที่ย้อมแล้วคาด
สีเหมือนแมลงภู่คล้องอยู่ที่บ่าเบื้องซ้ายสถิตอยู่ในอากาศแสดงธรรม แล้วเหาะไปลงยังเงื้อมเขานันทมูลกะทันที
ผู้เลอโฉมนั้น “ หญิงงามนางนั้นช่างน่าพิสมัยนักรูปร่างอรชรอ้อนแอ้นหากเราได้มาครองก็คงจะเป็นสุขยิ่งนัก ” ยังไม่ทันที่ความคิดของเขา
นันทมูลกะเช่นกัน “ โธ่เอ๋ย ความโลภนี่แหละเมื่อมันเจริญ จะโยนเราเข้าไปในอบายทั้งหลาย ” ในครั้งนั้นมีบุตรกับบิดาคู่หนึ่งชาวกาสิกคามได้เดินทาง
ไปด้วยกันผ่านป่าใหญ่แห่งหนึ่ง
โดนเจ้าโจรจับตัวไปเจ้าอย่าเรียกพ่อว่าพ่อนะ ถึงพ่อก็จะไม่เรียกเจ้าว่าลูกเช่นกัน เชื่อพ่อเถิดแล้วเจ้าจะปลอดภัย ” ขณะเดียวกันนั้นพวกโจรได้จับ
บิดากับบุตรได้ยึดบุตรไว้ปล่อยบิดาไป จับพี่น้องสองคนได้ก็ยึดน้องชายเอาไว้ปล่อยพี่ชายไป
เพื่อแลกตัวไอ้พวกนี้ ” เมื่อสองพ่อลูกเดินทางมาได้สักระยะหนึ่งเขาก็ได้พบกับโจรกลุ่มนี้ดังผู้เป็นพ่อได้คาดการณ์ไว้ พวกโจรเหล่านี้
จับพ่อลูกคู่นี้ไว้ “ เจ้าสองคนเป็นอะไรกัน ” “ เปล่า เปล่าจ้า เราไม่ได้เป็นอะไรกันแค่เดินทางมาในเส้นทางเดียวกันเท่านั้นเอง
ที่ติดตัวพ่อลูกคู่นี้แล้วก็ปล่อยไป เมื่อทั้งคู่ออกพ้นจากดงไปยืนอาบน้ำอยู่ในเวลาเย็น บุตรชายชำระศีลของตนเห็นมุสาวาสนั้นก็คิดได้ “ วันนี้เรา
ได้มุสาวาสเช่นนั้นไป บาปนี้เมื่อเจริญจะโยนเข้าไปในอบายทั้งหลายได้ เราจักข่มกิเลสนี้ให้ได้ ”
การเกิดพระปัจเจกพุทธเจ้าในครั้งนั้นยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ยังมีอีกผู้หนึ่งเป็นนายอำเภอในกาสิกคามเขาบังคับไม่ให้คนฆ่าสัตว์ด้วยเห็นโทษของการทำบาป
ครั้นในเวลากระทำพลีกรรมมหาชนประชุมกันกล่าวกับเขา
“ เอาเถิดพวกท่านจงกระทำตามแบบอย่างที่กระทำมาในครั้งก่อนนั้นแหละเราจะละกฎของเราทิ้งไป ” เมื่อนายอำเภอยกเลิกกฎการฆ่าสัตว์แล้ว
ชาวบ้านต่างทำบาปกรรมกันอย่างมากมาย ฆ่าสัตว์กันอย่างไม่ละอายต่อบาป
นี้เป็นเพราะเราอนุญาตพวกเขาสินะ ” เมื่อคิดได้ดังนี้แล้วนายอำเภอจึงยืนพิงช่องหน้าต่างเจริญวิปัสสนาทำปัจเจกพุทธญาณให้เกิด
แล้วสถิตในอากาศแล้วแสดงธรรมเหาะไปเงื้อมเขานันทมูลกะเช่นกัน ยังอีกผู้หนึ่งเป็นนายอำเภอในแคว้นกาสิกะเหมือนกัน
เป็นเวลาสุราฉัน พวกเราต่างดื่มสุราในงานมหรสพนี่อย่างสนุกสนาน ในเวลานี้ท่านมาห้ามให้พวกเราไม่ดื่มสุรากันแล้วมหรสพจะเป็นมหรสพได้อย่างไร ”
“ เอาเถิดพวกท่านก็ทำมาดังที่เคยทำกันเถอะ กฎใด ๆ ที่เราห้ามไว้ก็จงลืมเสีย ”
ครั้งนั้นพวกมนุษย์พากันกระทำการมหรสพดื่มสุราเมาแล้วทะเลาะกันจนมือเท้าแตกหัก ศีรษะแตก หูฉีกขาด ถูกจองจำด้วยสินไหมเป็นอันมาก
นายอำเภอเห็นคนพวกนั้นแล้วคิดว่าเรื่องร้ายที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพราะตนเองยกเลิกกฎห้ามดื่มสุราเขาทำความรำคาญใจด้วยเหตุเพียงเท่านี้ยืนพิงช่อง
หน้าต่างอยู่เจริญวิปัสสนาบรรลุปัจเจกพุทธยานเหาะไปในอากาศแสดงธรรมแล้วเหาะไปยังเงื้อมเขานันทมูลกะเหมือนกัน
“ พวกท่านจงอย่าเป็นผู้ประมาทสุรานั้นเล่าสร้างหายนะให้กับพวกท่านได้ ” จำเนินกาลนานมาพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์ต่างเหาะมาลง
ที่ประตูกรุงพาราณสีเพื่อภิกขาจารล้วนนุ่งห่มผ้าเรียบร้อยเที่ยวโปรดสัตว์ด้วยอิริยาบทมีการก้าวไปข้างหน้าเป็นต้นอันน่าเลื่อมใสจนไปถึงประตูวัง
ครั้งนั้นพระเจ้ากรุงพาราณสีทรงทอดพระเนตรเห็นพระคุณเจ้าเหล่านั้นทรงมีจิตเลื่อมใสจึงให้อำมาตย์นิมนต์ให้เข้าไปสู่นิเวศน์
ทำการต้อนรับพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้ง ๕ ด้วยการล้างเท้าทาด้วยน้ำมันหอม อังคาสด้วยขาทนียะและโภชนียะอันประณีตประทับนั่ง ณ ส่วนข้างหนึ่ง
“ พระคุณเจ้าผู้เจริญทั้งหลาย การบรรพชาในปฐมวัยของพระคุณเจ้าทั้งหลายดูช่างงดงามจริง
คนหนึ่งได้ดื่มน้ำของมิตรที่เขามิได้ให้เพราะเหตุนั้นภายหลังอาตมาภาพจึงรังเกียจว่าเราทำบาปนั้นไว้แล้วอย่าได้กระทำบาปต่อไปอีกเลย เพราะเหตุนั้น
อาตมาภาพจึงออกบวช ” “ ความพอใจบังเกิดขึ้นแก่อาตมาภาพเพราะเห็นภรรยาของผู้อื่นเพราะเหตุนั้นภายหลังอาตมาภาพจึงเรียกว่าเราทำบาปนั้น
ไว้ในป่า อาตมาภาพถูกโจรเหล่านั้นถามทั้ง ๆ ที่รู้อยู่ว่าได้แกล้งพูดถึงโยมบิดานั้นเป็นอย่างอื่นไปเพราะเหตุนั้นภายหลังอาตมาภาพจึงรังเกียจว่า เราได้
ทำบาปนั้นไว้แล้วอย่าได้ทำบาปนั้นต่อไปอีกเลย เพราะเหตุนั้นอามาภาพจึงออกบวช ” “ เมื่อพลีกรรมชื่อว่าโสมมยาคะปรากฎแล้วมนุษย์ทั้งหลาย
บาปนั้นต่อไปอีกเลย เพราะเหตุนั้นอาตมาภาพจึงได้ออกบวช ” “ ในกาลก่อนชนทั้งหลายในหมู่บ้านของอาตมาภาพสำคัญสุราและเมรัยว่าเป็นน้ำหวาน
จึงได้พากันดื่มน้ำเมา เพื่อความหายนะแก่ชนเป็นอันมาก อาตมาภาพจึงยอมอนุญาตให้พวกเขา
ฝ่ายพระเจ้าพาราณสีทรงสดับ คำพยากรของพระปัจเจกพุทธเจ้าแต่ละองค์แล้วได้ทรงสดุดีพระคุณเจ้าเหล่านั้น “ พระคุณเจ้าผู้เจริญทั้งหลายบรรพชานี้
เหมาะแก่พระคุณเจ้าทั้งหลายทีเดียว ” พระเจ้าพาราณสีทรงสดับพระธรรมเทศนาของพระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านั้น
แล้วพากันไปจากเมืองพาราณสีนั้น ตั้งแต่นั้นมาพระเจ้าพาราณสีทรงเบื่อหน่ายไม่ยินดีในวัตถุกามทั้งหลายแม้จะมีพระกระยาหารอันมีรสเลิศดั่งที่
เคยโปรดหรือความงดงามของอิสตรีดั่งที่พระองค์เคยมีความสุขเมื่อได้อยู่ใกล้หรือทอดพระเนตร
“ เราเบื่อหน่ายสิ่งนี้แล้ว เราอยากอยู่คนเดียวแบบสงบ ” พระเจ้าพาราณสีเสด็จเข้าห้องอันทรงสิริประทับนั่งกระทำกสิณบริกรรมพิงข้างฝาอันมีสีขาว
ทรงทำฌาณให้บังเกิดขึ้นแล้ว พระองค์ทรงบรรลุฌานแล้วก็ทรงติเตียนกามทั้งหลาย
ของพระองค์นั้น เมื่อทรงเห็นว่าพระเจ้าพาราณสีมีท่าทีเบื่อหน่ายไม่โปรดนางเหมือนเช่นแต่ก่อนจึงคอยตามสังเกตถึงพฤติกรรมของพระองค์ “ ตั้งแต่เสด็จพี่
ได้ทรงสดับธรรมกถาจากพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายแล้ว นับแต่ครั้งนั้นก็ทรงมีท่าทางเบื่อหน่าย มิได้ตรัสกับเราดั่งแต่ก่อนเลย
ที่พระทวารทรงสดับพระอุทานของพระราชาผู้กำลังทรงตำหนิกามทั้งหลายก็ทรงวิตกเกรงว่าพระเจ้าพาราณสีจะไม่โปรดพระนางเหมือนแต่ก่อนจึงรีบเสด็จ
เข้าไปหา “ ข้าแต่พระทูลกระหม่อม พระองค์ทรงติเตียนกามความสุขที่เช่นกับกามสุขไม่มีละ หรือกามทั้งหลายมีรสอร่อยมาก สุขอื่นยิ่งกว่าไปกว่ากามไม่มี
เมื่อทรงได้สดับพระเสาวนีเหล่านั้นแล้วก็ทรงติเตียน “ น่าสังเวชยิ่งนักเจ้าพูดอะไร ขึ้นชื่อว่าความสุขในกามทั้งหลายมีที่ไหนกันเล่า เพราะกามเหล่านี้เป็น
วิปริณามทุกข์ทั้งนั้นแหละ กามทั้งหลายมีรสอร่อยน้อย ทุกข์อื่นยิ่งไปกว่ากามไม่มี ชนใดเล่าซ่องเสพกามทั้งหลาย ชนเหล่านั้นย่อมเข้าถึงนรก
โพลงแล้ว ลึกกว่าชั่วบุรุษ ถ่านที่เผาร้อนอยู่ตลอดวัน กามทั้งหลาย เป็นทุกข์ยิ่งไปกว่านั้นเหมือนยาพิษชนิดร้ายแรง น้ำมันที่เดือดพล่าน ทองแดงที่
กำลังละลายคว้างกามทั้งหลายเป็นทุกข์ยิ่งไปกว่า ” พระเจ้าพาราณสีทรงแสดงธรรมแก่พระเทวีแล้วได้ทรงให้พวกอำมาตย์ประชุมกันแล้วสละ
ราชสมบัติทั้งหมดให้กับอำมาตย์ทั้งหลายดูแลต่อ
ที่น่ารื่นรมย์ผนวชเป็นฤาษีในที่สุดพระชนมายุได้เสด็จไปสู่พรหมโลก
“ ดูก่อนภิกษุทั้งหลายขึ้นชื่อว่ากิเลสที่เป็นของเล็กน้อยไม่มีเลย ถึงจะมีประมาณน้อยบัณฑิตทั้งหลายก็พากันข่มเสียได้ทั้งนั้น ” ดังนี้แล้วจึงทรง
ประกาศสัจจะทั้งหลาย เมื่อจบสัจจะภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูป ดำรงอยู่ในพระอรหัตผล