ข้าพเจ้าชื่อ เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๓๗ ข้าพเจ้าและ ครอบครัวได้เดินทางไปชมบั้งไฟพญานาคที่ อ.โพนพิสัย และทอดผ้าป่าที่ วัดอุทุมพร บ้านเดื่อ ต.จุมพล อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ของ อ.โพนพิสัย โดยมี จ่าสิบตำรวจใจ ผดุงผล ลูกน้องเก่าของสามีได้บอกบุญให้มาทอดผ้าป่าที่นี่
|
ปีนั้นวันออกพรรษาของไทยกับของลาวไม่ตรงกัน เป็นที่รู้กันว่าบั้งไฟ อาจจะขึ้นน้อย หรือไม่แน่อาจจะไม่ขึ้นเลยก็ได้ แต่ไหนๆ ตั้งใจมาแล้วก็ ต้องดูให้ได้
พอตกดึกครอบครัวของข้าพเจ้าหลับกันเกือบหมด เหลือแต่ข้าพเจ้า กับลูกสาวคนสุดท้องยังนั่งตาสว่างอยู่ เพราะหวังว่าอาจจะได้เห็นบั้งไฟอีก แต่ก็ยังไม่มีอะไรใหม่ๆ ให้ดู ประมาณสักเที่ยงคืน ข้าพเจ้ากับลูกสาวคนเล็กก็ ได้เห็นขอนไม้ใหญ่ ๒ ท่อน ผุดขึ้นมากลางแม่น้ำโขง ตอนนั้นดวงจันทร์อยู่ใน ตำแหน่งตรงศีรษะคือกลางท้องฟ้าพอดี แสงจันทร์ยิ่งสว่างมากขึ้นไปเรื่อยๆ ทำให้มองเห็นท่อนไม้นั้นชัดเจน จึงสังเกตว่า ทำไมไม้สองท่อนนั้นถึงลอยอยู่ กับที่ ไม่ยอมไหลไปตามกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก ข้าพเจ้ามีความรู้สึกว่าน้ำตรง นั้นเหมือนกับหยุดไหลไปเลย ท้องน้ำดูสงบนิ่ง แม้แต่คลื่นน้อยๆ ก็ไม่มี ทำให้ รู้สึกประหลาดใจมากทีเดียว
ทันใดนั้นเอง ข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงจากกลุ่มคนข้างๆ ร้องดังขึ้นว่า "พญานาคๆ ดูพญานาค ๒ ตัว กลางแม่น้ำนั่นสิ" ข้าพเจ้าและลูกหันไปตามเสียงนั้น ก็เห็นคนพูดกำลังดูกล้องส่องทางไกล ท่าทางเขาตื่นเต้นมาก พูดออกมาตลอดเวลาว่า พญานาคๆ ตัวใหญ่จังเลย ข้าพเจ้าก็พลอยตื่นเต้น ไปด้วย รีบกระเถิบเข้าไปใกล้ๆ แล้วขอยืมกล้องส่องทางไกลมาดูบ้าง ซึ่งเขาก็ใจดี ให้ยืมทันที เมื่อข้าพเจ้าส่องกล้องไปตรงจุดที่ขอนไม้ใหญ่ สองท่อนนั้นลอยอยู่ ภาพที่เห็นทำให้ขนลุกไปทั้งตัว เพราะเห็นพญานาค ตัวใหญ่มาก ๒ ตัว อยู่กลางแม่น้ำโขง ข้าพเจ้ารู้สึกว่าหัวใจเต้นแรง เพราะตื่นเต้นมาก จึงรีบส่งกล้องให้ลูกสาวดูบ้าง ลูกสาวดูแล้วร้องอย่างตื่นเต้นว่า "โอ้โห..ตัวใหญ่จังเลย เห็นหงอนบนหัวด้วย เสียดายนะแม่ เราไม่ได้เอากล้องส่องทางไกลมา" จากนั้นข้าพเจ้าก็ส่องกล้องดูซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างไม่รู้เบื่อ ซึ่งเจ้าของกล้องก็ใจดีให้ยืมดูอย่างเต็มอิ่ม
ก่อนหน้านี้ ข้าพเจ้าเคยคิดว่าพญานาคมีอยู่แต่ในภาพของกล่องไม้ขีด ไฟ และในนิยายปรัมปราเท่านั้น แต่ในคืนนั้นข้าพเจ้าได้เห็นของจริงเข้าแล้ว เห็นจริงๆ แบบจะๆ ด้วยตาเนื้อ นานกว่า ๓ ชั่วโมง จนกระทั่งตี ๓ ของวัน ใหม่ ร่างของพญานาคทั้งสองก็ค่อยๆ จมหายลงไปในลำน้ำโขง
รุ่งเช้า ข้าพเจ้าก็เล่าเรื่องเมื่อคืนให้คนอื่นๆ ฟังด้วยความตื่นเต้น แต่ พวกชาวบ้านฟังแล้วก็เฉยๆ ไม่มีใครตื่นเต้นเลย มีแต่ครอบครัวของข้าพเจ้า และเพื่อนๆ อีก ๖ คนที่มาด้วยเท่านั้นที่ตื่นเต้น พอฟังจบพวกชาวบ้านและจ่าใจก็หัวเราะ บอกว่าพญานาคสองตัวนี้ จะมาสักการะพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่วัดอุทุมพร ในวันออกพรรษาเป็นประจำทุกปี ถ้าใครอยากเห็น ก็ให้มาดูใหม่ ได้ในวันออกพรรษาปีหน้า
จ่าใจยังได้เล่าอีกว่า วัดอุทุมพรเป็นวัดโบราณสร้างมาประมาณพันปี เศษแล้ว แต่ก่อนตรงนี้เป็นเมืองใหญ่มีกษัตริย์ปกครองราษฎรอยู่เย็นเป็นสุข และเล่าขานสืบต่อกันมาว่ากษัตริย์ที่สร้างวัดอุทุมพรนี้ เมื่อตายไปก็ได้ไปเกิด เป็นพญานาคพร้อมกับมเหสี และได้มาสักการะบูชาพระพุทธเจ้าเป็นประจำ ทุกปี ซึ่งหลังจากเหตุการณ์คราวนั้น ข้าพเจ้าก็ยังไม่ได้มีโอกาสไปชมบั้งไฟ พญานาคที่โพนพิสัยอีกเลย แต่ก็ยังจำสิ่งที่เห็นเมื่อสิบปีก่อนได้อย่างชัดเจน และจ่าใจที่อยู่ที่บ้านเดื่อ อ.โพนพิสัย ก็ยังยืนยันว่า แม้เดี๋ยวนี้ พญานาคทั้ง สองก็ยังคงมาสักการะบูชาพระพุทธเจ้า ที่วัด อุทุมพรอยู่เหมือนเดิม
คุณณัฐนารถ ปิ่นเฟื่อง | |||
"เคยเห็นมาก่อนแล้วที่นครพนม" ประสบการณ์ที่วัดอุทุมพร จริงๆ แล้วไม่ใช่ครั้งแรก ก่อนหน้านั้น เมื่อปีพ.ศ.๒๕๐๕ ตอนนั้นดิฉันอายุ ๒๓ ปี ได้ตามสามีไปประจำการอยู่ที่ ฐาน ต.ช.ด. บ้านนาเข อ.บ้านแพง จ.นครพนม ที่นั่นก็มีตำนานเล่าลือเกี่ยวกับ พญานาค คือ เจ้าแม่สองนางว่า เป็นหญิงสาวสวยที่เป็นพี่น้องกัน ทำหน้าที่ คอยรักษาแม่น้ำโขงตลอดแนวชายแดนไทย-ลาว ซึ่งริมฝั่งแม่นํ้าโขงแถบ หนองคายและนครพนม จะเห็นศาลเจ้าแม่สองนางขึ้นอยู่ตลอดแนว
| |||
จ.ส.ต.ใจ ผดุงผล มัคทายก วัดอุทุมพร จ.หนองคาย | |||
"คนเห็นกันเป็นร้อยๆ ยืนยันได้ว่าพญานาคมีจริง" "สมัยก่อนผมรับราชการเป็นตำรวจตระเวนชายแดน ตอนนี้เกษียณ มาได้ ๑๐ กว่าปีแล้ว ผมรู้จักกับคุณนายณัฐนารถมานาน ตั้งแต่สามีของท่าน มาเป็นผู้บังคับหมวดต.ช.ด.๔๐๖ อยู่ที่อ.โพนพิสัย เมื่อปีพ.ศ.๒๕๐๙
| |||