ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 22 มีนาคม พ.ศ.2554
มูลกรรมฐานเรื่อง “เกสา” ตอนที่ 2
มูลกรรมฐานเรื่อง “เกสา” ตอนที่ 2
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
จากที่เกริ่นเรื่องผมร่วง หรือ ศีรษะล้าน ไปเมื่อตอนที่แล้ว ในตอนนี้เราลองมาดูว่าที่ทรงผมในอนาคตของใครบางคนกันดีกว่า ว่า...จะมีผมทรงอะไรให้เราเลือกกันบ้าง แต่ทรงที่ว่านี้ ขอสงวนให้กับคนที่ต้องมาเจอกับปัญหาที่เรียกว่า...ผมร่วงหรือศีรษะล้านเท่านั้น หากถ้าใครไม่มีปัญหาแต่ครึ้มอกครึ้มใจอยากจะเลียนแบบก็ไม่ว่ากัน เพราะของอย่างนี้มันห้ามกันไม่ได้
ทรงแรกที่จะนำเสนอ คือ ทุ่งหมาหลง เป็นทรงสำหรับคนศีรษะล้านที่มีลักษณะล้านอย่างมากๆ เรียกได้เลยว่า...ล้านจนเกือบหมด จะมีผมขึ้นก็เฉพาะตรงตีนผมทั้งสองข้างเท่านั้น ส่วนที่มาของคำว่า ทุ่งหมาหลง ก็เป็นเพราะถ้าหากเราสมมุติเอาหมาไปปล่อยลงตรงกลางหัวที่เหม่งๆสักตัวหนึ่ง หมาก็ต้องหลงทางและหาทางกลับบ้านไม่ได้ เพราะมันไม่สามารถกำหนดที่หมายได้เลยว่าในตอนนี้มันกำลังอยู่ทางทิศไหน เรียกว่า...ถ้าเป็นทุ่ง ก็สามารถมองไปจรดขอบฟ้าได้ทุกทิศทุกทางโดยไม่มีที่หมายให้รู้
1เครื่องยิงชนิดหนึ่ง ทำด้วยแถบยางผูกติดกับไม้ที่เป็นง่าม
แต่ไม่ว่าตอนนี้ ใครจะคิดได้ หรือใครจะเพียงแค่ได้คิด หรือใครไม่ยอมแม้แต่จะคิด เพราะยังยึดติดและยังห่วงสวยห่วงหล่อกันอยู่ ก็ขอให้รับรู้เพียงว่า ทรงผมสุดท้ายของมนุษย์ทุกๆคน ก็คือทรงของนักบวช เพราะทรงผมทรงนี้ถือเป็นทรงของผู้ปลอดกังวล และเป็นทรงสำหรับผู้ที่ละแล้วซึ่งสิ่งปฏิกูลทั้งหลาย อันมีเกสาเป็นอาทิ
ทรงที่สอง คือ ดงช้างข้าม เป็นทรงสำหรับคนศีรษะล้านที่มีลักษณะล้านเป็นทางจากหน้าผากไปถึงท้ายทอย อาจมีสัณฐานเหมือนแม่น้ำที่มีปากน้ำอยู่เหนือหน้าผากก็ได้ ส่วนที่มาของคำว่า ดงช้างข้าม ก็เป็นเพราะหากเปรียบผมเป็นดง รอยศีรษะล้านก็เปรียบเสมือนทางเดินของช้าง ความกว้างของทางจะมากจะน้อย จะแคบจะกว้าง เท่าไรก็ได้ แต่จะไม่ตกขอบ คือ ช้างยังมองเห็นแนวป่าอยู่ทั้งสองข้าง หากไม่เห็นแนวป่าก็จะกลายเป็นทรงทุ่งหมาหลงนั่นเอง
ทรงที่สาม คือ ง่ามเทโพ เป็นทรงสำหรับคนศีรษะล้านที่มีลักษณะล้านเถิกเข้าไปบริเวณขมับทั้งสองข้าง และจะมีเส้นผมขึ้นอยู่ตรงกลางเหนือกระหม่อมไปจนถึงด้านหลัง ส่วนที่มาของคำว่า ง่ามเทโพ ก็เป็นเพราะลักษณะของผมที่เหลือรอด มีส่วนเว้าส่วนโค้งคล้ายๆกับไม้ง่ามเทโพ ซึ่งเป็นของเล่นของไทยที่เรารู้จักกันในนามว่า หนังสติ๊ก1 นั่นเอง
ทรงที่สี่ คือ ชะโดตีแปลง เป็นทรงสำหรับคนศีรษะล้านที่มีลักษณะล้านเป็นวงกลมอยู่กลางศีรษะ และจะมีเส้นผมขึ้นอยู่โดยรอบทั้งซ้ายขวา หน้าหลัง สำหรับทรงนี้ ถ้ามองจากด้านบนจะเห็นศีรษะล้านได้อย่างชัดเจน ส่วนที่มาของคำว่า ชะโดตีแปลง ก็เป็นเพราะรูปร่างลักษณะของศีรษะล้านทรงนี้ เหมือนกับปลาชะโดตีแปลงจนน้ำกระเซ็นออกไปรอบทิศ หากน้ำน้อยจนเกือบเป็นโคลนตมแล้ว ชะโดตีแปลงก็จะมีส่วนน้ำขังเป็นวงกลม
ทรงที่ห้า คือ แร้งกระพือปีก เป็นทรงสำหรับคนศีรษะล้านที่มีลักษณะล้านเถิกเข้าไปสองข้างขมับ ลึกเข้าไปโอบกระหม่อมไปต่อกับด้านหลัง จะเหลือเส้นผมเป็นกระจุกอยู่เพียงด้านหน้า ส่วนที่มาของคำว่า แร้งกระพือปีก ก็เป็นเพราะรูปร่างลักษณะของศีรษะล้านทรงนี้ เหมือนกับโดนปีกของแร้งมากระพือเส้นผมที่เหลือรวมไว้ด้วยกัน
ทรงที่หก คือ ฉีกขวานฟาด หรือ ฉีกหางฟาด เป็นทรงสำหรับคนศีรษะล้านที่ไม่ถึงกับล้านเลื่อมหรือล้านเหม่ง คือ ยังพอมีเส้นผมบางๆเหลืออยู่บนกระหม่อมบ้าง ส่วนที่เป็นเวิ้งเส้นผมบางๆก็จะมีขอบรูปไปจรดบริเวณท้ายทอย ส่วนที่มาของคำว่า ฉีกหางฟาด ก็เป็นเพราะรูปร่างลักษณะของศีรษะล้านทรงนี้ อุปมาเหมือนกับเราฉีกหางปลาหรือหางวัว แล้วนำไปฟาดลงบนศีรษะ ก็จะเห็นเส้นผมขึ้นเป็นริ้วๆบางๆปรากฏอยู่เป็นช่วงๆ
ทรงที่เจ็ด คือ ราชคลึงเครา เป็นทรงสำหรับคนศีรษะล้านที่มีลักษณะล้านในแบบต่างๆ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น เพียงแต่เพิ่มหนวดและเคราเกินธรรมดาเข้าไป คนศีรษะล้านชนิดนี้มักจะมีขนหน้าอกขึ้นดกอีกต่างหาก ส่วนที่มาของคำว่า ราชคลึงเครา ก็หมายถึงพระราชาลูบเครานั่นเอง เพราะเส้นผมที่เหลือและเคราจะเชื่อมจรดกัน
ทรงที่แปด คือ ครึ่งซีกพระจันทร์ เป็นทรงสำหรับคนศีรษะล้านที่มีลักษณะล้านที่ด้านหน้าบริเวณหน้าผาก เว้าขึ้นไปด้านบนจนเป็นรูปครึ่งวงกลม ส่วนที่มาของคำว่า ครึ่งซีกพระจันทร์ ก็เป็นเพราะรูปร่างลักษณะของศีรษะล้านทรงนี้ เหมือนพระจันทร์ครึ่งซีก หรือดูคล้ายๆกับ ล้านรอยควาย ของทางภาคเหนือตอนล่าง
ทรงที่เก้า คือ สุริยันหมดเมฆ เป็นทรงสำหรับคนศีรษะล้านที่มีลักษณะล้านเกลี้ยงทั้งศีรษะ หรือพูดง่ายๆว่า...ล้านสมบูรณ์แบบ เพราะเห็นแต่หนังศีรษะแดงๆซึ่งดูเหมือนดวงอาทิตย์ เหมือนกับล้านของจันทบูร และล้านแบบตังโคตรบ่มีของล้านนา ด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นที่มาของคำว่า สุริยันหมดเมฆ คือ ศีรษะเกลี้ยงไม่มีเส้นผมเหลือเลยสักเส้น
สำหรับข้อมูลทรงผมทั้งเก้าทรงที่ได้มานำเสนอนี้ อ้างอิงมาจากหนังสือ ตำนานหัวล้านไทย ซึ่งข้อมูลทั้งหมดนี้ ล้วนแสดงให้เห็นถึงผลพวงเพียงส่วนหนึ่งที่เกิดขึ้นจากความไม่งามของเส้นผม ที่อาจจะเกิดขึ้นกับพวกเราทุกๆคน ไม่ว่าสาเหตุของการเกิดทรงผมทั้งเก้าทรงนี้ จะเกิดจากวิบากกรรมในอดีตชาติ หรือเกิดจากการสะสมของเชื้อโรค หรือเกิดจากพันธุกรรมที่ได้รับมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษ หรือเกิดจากสาเหตุใดๆก็ตาม มันก็ทำให้เราเกิดความไม่สบายใจถ้าหากเราต้องเผชิญกับทรงผมทั้งเก้าทรงนี้ในอนาคต ดังนั้น ถ้าเรารู้ซึ้งถึงความไม่งามหรือเห็นถึงความเป็นสิ่งปฏิกูลของมันแล้ว เราก็จะได้ไม่ต้องไปยึดติดกับมันมาก เพราะเส้นผมหรือทุกสิ่งทุกอย่างภายในตัวของเรานั้น ล้วนเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็รอวันเสื่อมสลายลงไป ถ้าหากเราไปยึดติดกับมันมาก ก็จะยิ่งทำให้เรารู้สึกทุกข์ใจมาก ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นอุปสรรคต่อการทำใจหยุดใจนิ่ง
จากที่กล่าวมาทั้งหมด เราคงพอจะเห็นถึงความไม่งามของเส้นผม หรือเห็นถึงความเป็นสิ่งปฏิกูลของเส้นผมกันมาพอสมควรแล้ว ซึ่งในความเป็นจริง มันยังมีความไม่งามของอวัยวะส่วนนี้อีกมากมาย แต่ด้วยความที่เราต้องกล่าวถึงอวัยวะส่วนอื่นกันต่อไป เราคงต้องจบความไม่งามของ เกสา หรือ เส้นผม แต่เพียงเท่านี้
โปรดติดตามตอนต่อไป
มูลกรรมฐาน |