ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 29 มีนาคม พ.ศ.2554

มูลกรรมฐานเรื่อง ทันตา ตอนที่ 1

มูลกรรมฐานเรื่อง ทันตา ตอนที่ 1

เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา

 

 

 

 

        อันดับแรก เรื่องของทันตา หรือฟันในปาก เป็นอวัยวะที่เรารู้จักและคุ้นเคยกันดี เพราะฟันเป็นอุปกรณ์ชิ้นเล็กๆ ที่คุณพ่อคุณแม่ให้มา เพื่อให้เราใช้ดำรงชีวิตตั้งแต่เรายังเป็นเด็กทารก ตัวกระเปี๊ยก...แรกรุ่นพูดไม่ได้ จนกระทั่ง...เรากลายมาเป็นคนวัยชราฟันเป็นอวัยวะที่มหัศจรรย์ เป็นอวัยวะที่แตกต่างจากอวัยวะทุกชิ้นในร่างกาย ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ ฟันเป็นกระดูกที่ค่อยๆ งอกขึ้นมาจากเหงือก เหมือนถั่วงอกที่ค่อยๆ แทรกตัวผ่านกระดาษทิชชู่เปียกอย่างนั้น

 

 

 

        อันดับสอง ฟันเป็นอวัยวะที่สำคัญ รอยยิ้มกับฟันเป็นของคู่กัน ใครยิ้มแบบอมยิ้มเล็กๆ ไม่เห็นฟัน เขาว่า ยิ้มนั้นเป็นยิ้มที่ กุ่มกริ่ม ใครยิ้มแบบแย้มๆ เห็นฟันนิดๆ ยิ้มแบบนี้เขาว่า เป็นยิ้มที่สุขุม อบอุ่นและอ่อนโยน และถ้ารอยยิ้มนั้นกว้างขึ้น จนเห็นเนื้อฟันขาวๆ และเขี้ยวสวยๆ จนคนที่พบเห็นเป็นต้องยิ้มตอบ เขาว่ายิ้มนั้น เป็นยิ้มสดใสหัวใจเช้งวับ ส่วนที่สุดของที่สุดของรอยยิ้ม คงไม่พ้นรอยยิ้มที่เบิกกว้างจนเห็นไรฟัน ยิ้มแบบนี้เขาว่า เป็นยิ้มที่จริงใจแบบสุดๆ จะเห็นว่าการเปิดเผยของฟันนั้นมีคุณค่าต่อรอยยิ้มเป็นอย่างมาก       

 

 

 

        อันดับสาม ดังนั้น ใครต่อใครต่างก็ให้ความสำคัญกับฟันเป็นพิเศษ เพราะฟันเป็นอวัยวะที่มีเสน่ห์ในตัวเอง ยิ่งถ้าเขี้ยวของใครมีลักษณะที่ “ แหล่ม ” ออกมาจากเพื่อนๆ ฟันที่อยู่ข้างๆ พูดง่ายๆ คือ  เขี้ยวมันเป็นฟันเก เวลาส่งยิ้มให้ใครแต่ละที คนรับรอยยิ้มนั้นแทบหัวใจละลาย เพราะรอยยิ้มนั้นเหมือนดั่ง.ศรรัก อาบยาสลบที่มาปักอกให้หัวใจละลาย 

 

 

 

        อันดับสี่ ด้วยเหตุนี้เอง ฟันจึงเป็นคล้ายๆกับเฟอร์นิเจอร์ ตกแต่งหน้าของเราอีกชั้นหนึ่ง ใครต่อใครจึงต่างให้ความสนใจและมุ่งที่จะพัฒนาฟันของตนเองให้สวยและดูดีอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการฟอกฟันให้ขาว หรือกรอหน้าฟันที่ขรุขระให้เรียบเนียน

       

 

 

        อันดับห้า การจัดฟันด้วยลวดสีสวยๆ และหนังยางสีเก๋ๆ ที่จะเกี่ยวฟันบนกับฟันล่างไว้ อ้าปากแต่ละที ยางก็ยืดไปยืดมา ซึ่งก็มีผลข้างเคียงนิดหน่อยบางประการอย่างมากมาย เพราะในยามที่เราจะพูดหรือจะกินอะไรก็จะไม่ถนัดเหมือนเดิม มันเป็นการเสริมความเก๋เท่ห์ให้เพิ่มขึ้น ยิ่งถ้าใส่ของพวกนี้แล้วพูดไม่ชัด แบบว่าอ้อแอ้ อ้อแอ้ วัยรุ่นยิ่งชอบเพราะจะทำให้ดูน่ารัก น่าทะนุถนอมอย่างมาก

      

 

 

        อันดับหก ด้วยเหตุที่กล่าวมาทั้งหมด คนส่วนใหญ่บนโลกใบเล็กๆ นี้ จึงให้ความสำคัญกับฟันเป็นอย่างมาก จนบางครั้งถึงกับสูญเสียสมดุลของชีวิต เพราะวันๆไม่ทำอะไร นั่งส่องกระจกยิงฟันทั้งวันนอกจากคนในยุคปัจจุบันจะให้ความสำคัญกับฟันด้านความสวยความงามแล้ว แม้ในสมัยพุทธกาล ใครจะเป็นหญิงที่งามที่สุดในยุคนั้น ก็ต้องมีฟันที่งามด้วย ซึ่งฟันที่งามนี่ล่ะ เป็นหนึ่งในเบญจกัลยาณี เบญจกัลยาณี  คือหญิงที่มีลักษณะงาม 5 ประการ คือ ผมงาม เนื้องาม ฟันงาม   ผิวงาม และสุดท้าย..ท้ายสุดก็คือ วัยงาม นั่นเอง

        

 

 

        อันดับเจ็ด แต่ใครจะรู้บ้างว่า ในความสวยงามของฟันที่เราเห็นกันนั้น ในความเป็นจริงแล้ว มันกลับหาเป็นเช่นนั้นไม่ แต่ก่อนที่เราจะมาลงรายละเอียดถึงความไม่งามของฟัน ตามหลักพระพุทธศาสนา เราควรมาทำความรู้จักถึงหน้าที่ และลักษณะทางกายภาพโดยคร่าวๆ ของฟันกันก่อน สำหรับหน้าที่ของฟัน นอกจากฟันจะมีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างเสน่หาบารมีให้กับใบหน้า และรอยยิ้มของเราแล้ว ฟันยังเป็นอวัยวะที่เสริมบุคลิกให้ตัวเราดูดีได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการพูดออกเสียงให้ตราตรึงติดแน่น จนเป็นที่ประทับอกประทับใจแก่ผู้ที่ได้ยินได้ฟังได้พบเห็น ล้วนแล้วแต่ต้องอาศัยฟันทุกซี่ในปากเราทั้งสิ้น

        

 

 

        อันดับแปด ฟันนี้ยังมีหน้าที่ที่สำคัญมากๆ อีกอย่างหนึ่ง ชนิดที่เรียกว่า “ ขาดฉันแล้วเธอจะรู้สึก ” นั่นก็คือ ฟันเป็นปราการด่านแรกของระบบการย่อยอาหาร จะกินอิ่มนอนหลับได้อย่างเป็นสุข นี้ก็เพราะฟัน จะท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียดแน่น อาหารไม่ย่อย นี้ก็เพราะฟัน ที่คุณครูไม่ใหญ่กล่าวเช่นนี้...หาได้กล่าว หาฟันเกินจริงไม่

 

 

 

        อันดับเก้า เพราะถ้าเรามีฟันที่ดีแบบว่า ฟันนั้นมีสุขภาพดีและเรียงชิดติดกัน ไม่ผุ ไม่กร่อน และไม่เกเรไปทะเลาะกับเพื่อนบ้านซึ่งก็คือ ลิ้น  ด้วยการกัดลิ้นตัวเอง จนกินข้าวไม่ได้ การขบเคี้ยวอาหารที่เรารับประทานเข้าไปก็จะละเอียดและสมบูรณ์แบบทานอะไรก็จะอร่อยไปหมด เพราะมีอารมณ์เคี้ยว ซึ่งจะมีผลทำให้ การย่อยอาหารภายในร่างกายเรา สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่เต็มประสิทธิภาพอีกด้วย สุขภาพของกระเพาะอาหารก็จะสดใส ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ก็จะดูดี แข็งแรง ไม่ต้องลำบากตรากตรำ เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า เพราะอาหารที่ผ่านเข้ามาชิ้นใหญ่และหยาบจนย่อยยาก เวลาเราขับถ่ายก็จะสบายไม่อึดอันคับแคบ ชีวิตของเราก็พลอยสดใส และสดชื่นตามไปด้วย

 

 

 

        อันดับสิบ ในทางตรงกันข้าม ถ้าฟันของเราไม่สมบูรณ์ คือฟันไม่สามัคคีกันบ้าง โกรธกันบ้าง ห่างเหินกันไม่รักกันบ้าง  หรือเกเร บิดเบี้ยวไม่สม่ำเสมอ หรือฟันมีช่องว่างระหว่างวัย หรือทะลึ่งไปทะเลาะกับลิ้น จนเลือดตกยางออก จนเป็นผลทำให้ การบดเคี้ยวหรือการกัดฉีกอาหารไม่สมบูรณ์ ซึ่งจะมีผลไปกระทบกับระบบการย่อยอาหารไปในทันที เพราะภาระทั้งหมดจะตกเป็นของกระเพาะอาหารกับลำไส้ไปอย่างเนียนๆ ในทันทีดังนั้น ฟันจึงเป็นอุปกรณ์หรืออวัยวะที่มีส่วนสำคัญกับชีวิตของเราเป็นอย่างมาก

       

 

 

        อันดับสิบเอ็ด หลังจากที่เราทราบถึงหน้าที่และความสำคัญของฟันกันแบบคร่าวๆ แล้ว เราลองมาดูลักษณะทางกายภาพของฟันกันสักนิด ฟันในตัวเราจะมี 2 รุ่น โดยรุ่น ที่ 1 เราเรียกฟันชุดนี้ว่า  “ ฟันน้ำนม ” ฟันน้ำนมจะเริ่มขึ้นตอนเราอายุได้ 6 เดือน ซึ่งจะมีอยู่เพียง 20 ซี่เท่านั้น จนกระทั่ง เมื่อเด็กน้อยทุกคนเริ่มเติบโตเป็นหนุ่มน้อย,สาวน้อย ฟันน้ำนมก็จะเริ่มหลุดร่วงและจากเด็กทุกคนไป  แล้วฟันชุดใหม่ซึ่งเป็นรุ่นที่ 2 ก็จะเกิดขึ้นมาแทนเราจะเรียกฟันชุดนี้ว่า  “ ฟันแท้ หรือฟันถาวร ”   ซึ่งฟันชุดนี้...จะมีทั้งหมด 32 ฟันแท้จะเริ่มขึ้นตอนเราอายุได้ 6 ขวบ

       

 

 

        อันดับสิบสอง แต่ถ้าเมื่อใดที่ฟันแท้จากเราไปก่อนเวลาอันควร ไม่ว่าจะเกิดจากอุบัติเหตุ หรือเกิดจากกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงที่เป็นพวกแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา หรือพวกโปรโตซัวต่างๆ มาโค่นล้มทำรัฐประหาร “ ฟันแท้ หรือฟันถาวร ” ได้สำเร็จ จนกระทั่งฟันแท้ต้องจากไปก่อนวัยอันควร เราก็อาจจะมี “ ฟันแทน หรือฟันปลอม ” เป็นรุ่นที่ 3 ที่บังเกิดขึ้นมาเอาไว้ให้ตัวเราได้ใช้งาน ซึ่งฟันชุดนี้จะเกิดขึ้นด้วยอำนาจแห่งเงินของเรานั่นเอง

       

 

 

        อันดับสิบสาม กล่าวกันมาขนาดนี้แล้ว ทั้งหน้าที่และลักษณะทางกายภาพของฟัน ทำให้เราซาบซึ้งและเล็งเห็นความสำคัญของฟันมากยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตามคนส่วนใหญ่กลับให้ความสำคัญแค่ความสวยงามของฟันมากกว่าคุณค่าของตัวมันเอง ซึ่งบนความสวยที่เป็นแค่เปลือกนอกนี้ กลับมีความไม่สวยที่แฝงอยู่อีกมากมาย แบบชนิดที่ว่า...เมื่อได้ทราบความจริงอันนี้แล้ว บางคนถึงกับเกิดอาการเหว๋อ คิดไม่ถึงเลยทีเดียวส่วนว่าความไม่งามของฟัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมุมมองของพระพุทธศาสนานั้นจะเป็นเช่นไร

 

โปรดติดตามกันในตอนต่อไป