นักข่าว


[ 5 พ.ค. 2548 ] - [ 18272 ] LINE it!

Case study
นักข่าว
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
 
 
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง
 
    กระผม ไม่ประสงค์จะเปิดเผยนาม  แต่ได้ไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว มีคำตอบให้แก่ตัวเองว่า กรณีศึกษาของกระผมน่าจะเป็นประโยชน์แก่สังคมของคนหมู่มากในยุคปัจจุบันนี้อยู่บ้าง  
 
    กระผม เคยเป็นคอลัมน์นิสต์ตัวเล็กๆ ที่หนังสือพิมพ์รายวันฉบับหนึ่ง    ซึ่งในขณะนั้นมีกัลยาณมิตรของวัดพระธรรมกาย 3 ท่าน เป็นกัลยาณมิตรให้กับกระผม  ในช่วงที่วัดพระธรรมกายประสบปัญหาวิกฤตอย่างหนัก จากการโดนสื่อมวลชนกลุ่มใหญ่รุมเล่นงาน โดยทำตัวเป็นตุลาการพิพากษาให้กับสังคมรับรู้เรื่องราวของวัดพระธรรมกาย เป็นรายวัน  กระผมเฝ้ามองสถานการณ์ตอนนั้นอย่างเกาะติด และพบว่าวัดพระธรรมกายไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งๆที่เมืองไทยเป็นดินแดนแห่งพระพุทธศาสนา  กระผมจึงได้เปิดคอลัมน์ที่หนังสือพิมพ์เล็กๆ ฉบับที่กระผมทำงานอยู่  โดยมีจุดมุ่งหมายเพียงแค่ให้สังคมเกิดหูตาสว่าง และเปิดกว้าง  ไม่ให้หลงเชื่อตามกระแสข่าวที่สื่อมวลชนสร้างกันขึ้นมาอย่างเป็นขบวนการ    ในช่วงนั้น กระผมได้รับกำลังใจจาก พระเดชพระคุณพระธรรมราชานุวัติ (หลวงเตี่ย) ซึ่งเป็นพระผู้ใหญ่ที่ครอบครัวของกระผมนับถืออย่างสูงสุดมานาน     หลวงเตี่ยเคยพูดกับกระผมว่า “แกเดินมาถูกทางแล้ว วันนี้สังคมไทยถูกเมฆหมอกปิดบังหูตา ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าความจริงจะปรากฏ ขอให้ความจริงมาเยือนเถอะและจงสู้ต่อไป” 
 
    การลุกขึ้นสู้กับสื่อมวลชนทั้งหลายของกระผมมีผลตามมาก็คือ  ได้ทั้งก้อนอิฐและดอกไม้  มีจดหมายหลั่งไหลไปกองอยู่ที่โต๊ะทำงานเป็นภูเขาเลากา คำชมก็มาก  คำสาปแช่งก็เยอะ  ระหว่างที่ผมทำงานที่หนังสือพิมพ์ฉบับนั้น ในช่วงหลังๆมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นคือ กระผมถูกอิทธิพลจากผู้บริหารงานระดับสูง มาบีบบังคับให้เขียนกลับคำ ร้อยแปดสิบองศาแบบชนิดที่เรียกว่าหน้ามือเป็นหลังเท้าทีเดียว เพื่อนคอลัมน์นิสต์บางคนยอมทำตามคำสั่งเพื่อความอยู่รอด แต่กระผมไม่ยอม กระผมมักคิดถึงคำพูดของหลวงเตี่ยเสมอ กระผมมีความสำนึกอยู่ลึกๆว่า  ทุกอย่างเรารู้ประจักษ์ใจดีอยู่แล้ว   การเขียนด้วยมือแล้วจะให้เปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่น กระผมทำไม่ลง กระผมฝืนใจอยู่ต่อไปอีกไม่ได้จึงลาออกแล้วไปทำงานกับหนังสือพิมพ์อีกฉบับหนึ่ง ในช่วงที่กระผมลาออกจากหนังสือพิมพ์เดิมนั้น ได้มีคนบางคนใช้คอลัมน์เก่าของผม และนามปากกาเดียวกับผม ไปเขียนว่าวัดพระธรรมกาย  โดยการดัดแปลงสำนวนลีลาการเขียน ให้เหมือนกับกระผม ซึ่งการกระทำที่เกิดขึ้นครั้งนั้นทำให้ กัลยาณมิตรของวัดพระธรรมกาย เข้าใจผิดอย่างมาก นอกจากนั้น ยังทำให้กระผมต้องกลายเป็นคนอกตัญญูของพระผู้ใหญ่หลายท่าน แต่อย่างไรก็ตามกระผมก็ยังโชคดีที่มีพี่กัลยาณมิตรทั้งสามท่านคอยให้กำลังใจและให้ความเข้าใจอยู่เสมอ
 
    ในขณะที่ผมทำงานอยู่กับหนังสือพิมพ์ฉบับใหม่   ในคืนวันที่ 6 เข้าวันที่ 7 ตุลาคม  พ.ศ.2547  ระหว่างขับรถจากที่ทำงานเพื่อกลับบ้าน กระผมอ่อนเพลียจากการทำงานมาก  จึงหลับใน ขณะขับรถ ได้ประสบอุบัติเหตุอย่างรุนแรง จนรถพังยับเยินทั้งคัน  ทำให้ข้อมือซ้ายหัก   กะโหลกระหว่างตาซ้ายและตาขวาร้าว และที่ร้ายแรงยิ่งกว่านั้นคือ ต้องสูญเสียดวงตาทั้ง 2 ข้าง  เหตุเกิดที่ถนนประชาราษฎร์สาย 1 ใกล้สถานีตำรวจเตาปูน  มีผู้นำส่งโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ผมมารู้สึกตัวตอนประมาณ 6.00 น. ของวันที่ 7 ตุลาคม ญาติและเพื่อน ๆ ของผมได้ทราบเรื่องก็เดินทางไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลในเวลา 7.00 น. เมื่อถึงเวลา 9.00 น. แพทย์ได้เริ่มให้การรักษาโดยนำเอาดวงตาทั้ง 2 ข้าง ที่ห้อยออกมาเป็นลูกปิงปองอยู่นอกเบ้าตากลับเข้าที่  ได้มีการวางยาสลบและเย็บแผลที่ตาหลายชั้นกระผมมาฟื้นอีกครั้งในช่วงเย็น ระหว่างนั้นแพทย์ได้แจ้งให้ญาติทราบว่า  ตาทั้ง 2 ข้างได้รับผลกระทบจากการกระแทกและถูกกระจกบาดอย่างรุนแรง หมดโอกาสที่จะมองเห็นอีกต่อไป  พ่อแม่ญาติพี่น้องต่างสิ้นหวัง มีเพื่อนของกระผมคนหนึ่ง ได้ติดต่อไปทางแพทย์ผู้ใหญ่โรงพยาบาลศิริราช เพื่อให้ผมได้อยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจักษุโดยตรง พอรุ่งขึ้นวันที่ 8 ตุลาคม กระผมได้ถูกส่งตัวไปที่ตึกกาญจนาภิเษก โรงพยาบาลศิริราช  และอยู่ในการดูแลของ อาจารย์นายแพทย์ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
 
    ในระหว่างนั้นมีการหยอดยารักษาอาการอักเสบทั้ง 2 ข้าง  ทุกๆ 1 ชั่วโมง  มีการทดสอบสายตาและจอประสาทตารวมทั้งเลนส์ตาอยู่เป็นระยะๆ แพทย์ให้ความหวังว่า สิ่งที่คณะแพทย์ทำได้ดีที่สุดคือ พยายามรักษาสภาพตาไม่ให้มีการเหลือกหลนออกมาจนน่าเกลียด การรักษาเพื่อให้มีโอกาสมองเห็นนั้นค่อนข้างจะเลือนราง   นอกจากจะมีปาฏิหาริย์มาช่วยเท่านั้น  กระผมเรียนหมอไปว่าพร้อมที่จะอุทิศตัวเอง เพื่อความก้าวหน้าให้กับวิทยาการด้านนี้  แต่หมอก็แย้งว่า “การที่แพทย์จะทำอะไรลงไปต้องหวังผล และไม่คิดจะนำคนไข้ไปเป็นหนูทดลองยา” แต่กระผมก็ตอบหมอไปว่า “ถึงแม้ปล่อยไว้อย่างนี้ชีวิตก็ตกอยู่ในความมืดไม่มีประโยชน์อะไร สู้ให้แพทย์ทดลองเสี่ยงผ่าตัดดูก็คงพอมีหวังอยู่บ้าง   ถ้าไม่ประสบผลสำเร็จก็ถือว่า ไม่มีอะไรจะขาดทุนอีกต่อไปแล้ว”
 
    วันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ.2547  แพทย์ทนลูกตื้อของกระผมไม่ไหวจึงได้ทำการผ่าตัด ก่อนการผ่าตัด ผมนึกถึง  คุณพระพุทธเจ้าตามที่พระแนะนำ   ช่วงสำคัญคือ ตอนที่วิสัญญีแพทย์ทำการวางยาสลบ   จิตใจของกระผมได้สัมผัสกับหลวงปู่ (หลวงพ่อวัดปากน้ำ) ท่านมาปรากฏให้เห็นในรูปของรูปหล่อทองคำองค์ใหญ่ซึ่งเป็นองค์เดียว กับองค์ที่ประดิษฐานไว้ที่ห้องปัญญา จากนั้นรูปหล่อทองคำของหลวงปู่ก็กระจายออกเป็นองค์เล็กๆ ดูระยิบระยับไปหมดแล้วก็หายไป พร้อมกับการเข้าสู่ภวังค์โดยไม่รู้สึกตัวของกระผมในเวลาต่อมา  
 
    หลังการผ่าตัด กระผมต้องนอนคว่ำหน้าลงกับหมอนวงเดือนตลอด 24 ชั่วโมง  เป็นเวลาประมาณ 2 อาทิตย์  นับตั้งแต่กระผมเกิดมาการนอนคว่ำหน้าเป็นเวลานานถึง 14 -15 วันเป็นการสร้างความทุกข์ทรมานครั้งใหญ่ให้กับชีวิตกระผมทีเดียว 
 
    วันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ.2547  แพทย์อนุญาตให้นอนหงายได้และเปิดผ้าปิดตาออก   ตาข้างขวาของกระผมเริ่มเห็นคนที่อยู่ใกล้ๆ เป็นเงารางๆ ภาพที่เห็นเหมือนกับการมองเห็นของคนตาดีในยามกลางคืนที่อยู่ในที่มืดสนิทก็คือ เห็นเป็นเพียงเงารางๆเท่านั้น ซึ่งสร้างความดีใจให้กับทุกคนยกใหญ่ ส่วนตัวของกระผมเองนั้นคงไม่ต้องพูดถึง และดูเหมือนว่านายแพทย์ที่ผ่าตัดท่านก็ดีใจมากเช่นกันเพราะท่านบอกว่า “ฟ้าประทานความอัศจรรย์มาให้” 
 
กระผมใคร่ขอนมัสการเรียนถามพระเดชพระคุณหลวงพ่อดังนี้ 
 
1.     กระผมประสบเคราะห์กรรมถึงขั้นดวงตาพิการทั้ง 2 ข้าง  เกิดจากวิบากกรรมใด และจะต้องพบเจอกับกรรมเช่นนี้ไปอีกหลายภพหลายชาติหรือไม่
 
2.     ในช่วงที่กระผมเขียนข่าวช่วยวัดพระธรรมกาย  มีทั้งคนเขียนจดหมายมาชื่นชมมากมาย และอีกหลายฉบับก็เขียนสาปแช่งกระผมให้มีอันเป็นไป เพราะเหตุนี้จึงทำให้กระผมต้องประสบเคราะห์กรรมครั้งนี้หรือไม่อย่างไร
 
3.     กรรมใด ทำให้ผมต้องไปทำงานในกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องกับการเสนอข่าวบิดเบือนจากความเป็นจริง
 
4.     สำหรับนักหนังสือพิมพ์ที่ผิดจรรยาบรรณ  เสนอข่าวบิดเบือนจากความเป็นจริง   ตลอดถึงสร้างกระแสสังคมให้ตกต่ำ  ด้วยการนำเสนอข่าวที่ไม่เหมาะสม เขาเหล่านั้น ตั้งแต่คนเขียนข่าว  ไปจนถึง บรรณาธิการ  และเจ้าของกิจการ  จะได้รับวิบากกรรมอย่างไร
 
5.     การเสนอข่าวที่บิดเบือนของหนังสือพิมพ์ ทีวี และ วิทยุ  จะได้รับวิบากกรรมแตกต่างกันอย่างไร
 
6.     กระผมได้รับการผ่าตัดดวงตา 2 ครั้ง (ทั้งข้างซ้ายและข้างขวา) ดวงตาข้างซ้ายแพทย์บอกว่าบอดสนิท ส่วนดวงตาข้างขวาสามารถมองเห็นรางๆ และดีขึ้นเกินความคาดหมายของแพทย์ กระผมมีบุญพอไหม ที่จะมีโอกาสเพื่อให้สามารถพัฒนาดวงตา และประสาทตาของกระผมให้ดีขึ้นจนถึงขั้นที่อ่านหนังสือได้
 
7.     กระผมมีอายุเพียง 35 ปี  เท่านั้น  มีลูกชาย 1 คน อายุ 3 ขวบ  ซึ่งเป็นภาระที่จะต้องดูแลต่อไป  รวมทั้งพ่อแม่ของผมที่นับวันก็จะมีอายุมากขึ้น  มีกรรมดีใดบ้าง ที่จะมาช่วยบรรเทาทุกข์เกื้อหนุนกระผม และครอบครัวได้บ้าง   
 
8.     นิมิตหลวงปู่ที่ปรากฏให้กระผมเห็น ในวันผ่าตัดดวงตาทั้งซ้ายขวา เป็นนิมิตที่ติดอยู่ในความทรงจำของกระผมมาตลอด  กระผมอยากเห็นนิมิตนั้นอีก แต่ท่านก็ไม่มาปรากฏให้เห็นอีกเลย   ทำไมวันนั้นผมจึงเห็นนิมิตเช่นนั้น  และจะมีวิธีใดบ้างที่จะทำให้ผมได้เห็นนิมิตเช่นนั้นอีกครั้ง
 
9.     ผมได้ทำงานร่วมกับกัลยาณมิตรรุ่นพี่ ในวัดพระธรรมกายหลายท่าน โดยเฉพาะพี่กัลยาณมิตรทั้งสามท่าน กระผมอยากทราบว่า กระผมและพี่ๆ ได้ทำกรรมใดร่วมกันมาจึงต้องมาร่วมงานกันอีกในชาติปัจจุบันนี้
 
10.   ข้อนี้ไม่ใช่คำถาม แต่กระผมใคร่ขอพรจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อ เพื่อให้ชีวิตของกระผมสามารถดำเนินอยู่ได้อย่างมีแก่นสาร และกำลังใจครับ  แล้วแต่หลวงพ่อจะเห็นควรตามความเหมาะสมครับ
 
ฝันในฝัน 
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1 ที 
แล้วนำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ
 
1. ลูกประสบอุบัติเหตุจนดวงตาพิการทั้ง 2 ข้าง เพราะกรรมในอดีตหลายกัปที่ผ่านมา ลูกเป็นนักเลงการพนัน ชอบเล่นการพนันอย่างหนึ่งคล้ายๆการเล่นไพ่ในยุคนี้ ลูกเป็นคนที่เล่นเฮงและมือขึ้นจนมีฉายาว่าหูตาทิพย์หรือเซียนตาทิพย์ ที่มองเห็นอะไรได้
 
 
  • ต่อมามีเซียนพนันคนหนึ่งอยากจะมาท้าประลอง กระทั่งปะทะคารมท้าทายกันจนในที่สุดมีการนำเอาดวงตามาเป็นเดิมพัน แล้วก็เล่นการพนันกัน
 
 
  • ในที่สุดลูกก็ชนะเลยทำการควักลูกนัยน์ตาอีกฝ่ายหนึ่งตามที่ได้ตกลงกันไว้ โดยจับนอนมัดไว้แล้วโรยยาให้ชาที่ดวงตาทั้ง 2 ข้างแล้วเอามีดควักลูกนัยน์ตาออก
 
 
  • กับอีกกรรมหนึ่ง คือ เมื่อพุทธันดรที่ผ่านมา ลูกได้เป็นทหารพระราชาองค์ที่ออกบวชได้ทำการออกรบฆ่าข้าศึกตายเป็นจำนวนมาก กรรม 2 ชาตินี้มารวมส่งผลในปัจจุบัน จึงทำให้ลูกประสบอุบัติเหตุจนดวงตาพิการ ชาตินี้เหลือแค่เศษกรรมแล้ว
 
 
  • ให้ลูกอดทนแล้วสั่งสมบุญทุกบุญเท่าที่จะทำได้ ทั้งทาน ศีล ภาวนา แล้วอธิษฐานจิตให้พ้นจากวิบากกรรมนี้
 
 
2. ในช่วงที่ลูกเขียนข่าวช่วยชี้แจงความจริงเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายให้ผู้อ่านหรือชาวโลกได้รับทราบตามความเป็นจริงนั้น ได้มีจดหมายทั้งชื่นชมและสาปแช่งมามากมายให้ลูกมีอันเป็นไปต่างๆนานานั้น ไม่เกี่ยวกับการที่ลูกประสบอุบัติเหตุจนดวงตาพิการ แต่เป็นเพราะวิบากกรรมดังกล่าว
 
 
3. กรรมที่ลูกเคยคบคนพาลในหลายๆชาติ เช่น ชาติที่เคยเป็นนักเลงการพนันดังที่กล่าวมาได้มาส่งผลให้ต้องอยู่ในสิ่งแวดล้อม ทำงานในกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องกับการเสนอข่าวบิดเบือนจากความเป็นจริง
 
 
4. สำหรับนักหนังสือพิมพ์ที่ผิดจรรยาบรรณ เสนอข่าวบิดเบือนจากความเป็นจริงตลอดจนถึงสร้างกระแสสังคมให้ตกต่ำด้วยการนำเสนอข่าวที่ไม่เหมาะสม เขาเหล่านั้น ตั้งแต่คนเขียนข่าวไปจนถึงบรรณาธิการและเจ้าของกิจการ จะได้รับผลจากการกระทำเหล่านี้ ดังมีปรากฏในมินิซีรีย์
 
 
5. การที่เสนอข่าวบิดเบือนทั้งทางหนังสือพิมพ์ วิทยุ ทีวี ก็มีวิบากกรรมเหมือนกัน เพราะขึ้นอยู่กับเจตนาใส่ร้ายป้ายสี บิดเบือน ดังมีปรากฏในมินิซีรีย์ดังกล่าว
 
 
6. ให้ลูกสั่งสมบุญทุกบุญไปเรื่อยๆอย่างสม่ำเสมอทั้งทาน ศีล ภาวนา บุญนี้จะไปตัดรอนวิบากกรรมให้หนักเป็นเบา เบาเป็นหาย
 
 
  • ดังนั้นลูกอย่าท้อใจ ให้ทำบุญต่อไป ปฏิบัติธรรมต่อไปให้เข้าถึงพระในตัวให้ได้ บุญนี้จะบันดาลให้ลูกมีดวงตา ที่สามารถอ่านหนังสือได้ตามความปรารถนาของลูก
 
 
7. ลูกอย่าได้กังวลใจไปเลยที่ลูกมีสภาพเหมือนคนพิการที่ดวงตามองเห็นเพียงรางๆ และมีลูกน้อยอายุ 3 ขวบที่จะต้องดูแล อีกทั้งพ่อแม่ก็มีอายุมาก
 
 
  • เพราะบุญที่ลูกเคยทำไว้ในอดีตก็ดี และบุญปัจจุบันที่ช่วยเปิดเผยความจริงแท้ของวัดพระธรรมกายให้ชาวโลกเข้าใจ ในภาวะที่สื่อมวลชนกลุ่มหนึ่งได้ทำเป็นขบวนการตัดสินพิพากษารายวันวัดพระธรรมกายจนคนเข้าใจผิดเป็นจำนวนมาก
 
 
  • บุญนั้นจะทำให้สิ่งที่ลูกกังวลอยู่หายไปได้ ให้ลูกตามระลึกนึกถึงบุญนั้นด้วยดวงใจที่สดใส เพราะบุญนั้นไม่ใช่บุญเล็กๆน้อยๆเลย เป็นบุญใหญ่ที่จะติดตามไปภพเบื้องหน้า และจะช่วยปกป้องผองภัยให้กับลูกและครอบครัว
 
 
8. นิมิตที่เห็นหลวงปู่ทองคำในวันผ่าตัดดวงตา ตอนวิสัญญีแพทย์วางยาสลบลูกนั้น คือ บุญที่ลูกมาช่วยปกป้องวิชชาธรรมกาย จึงทำให้พระเดชพระคุณหลวงปู่ท่านลงมาแก้ไขลูก
 
 
  • ให้ลูกทำใจสบายๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องใดๆ เดี๋ยวจะเห็นท่านได้อีกและเห็นได้ดีกว่าวันนั้น อีกทั้งหลวงปู่ท่านดูแลและอยู่กับลูกอยู่แล้ว
 
 
9. ลูกและพี่กัลยาณมิตรทั้ง 3 ท่าน คือ ทหารพระราชาองค์ที่ออกบวชในพุทธันดรที่ผ่านมาโดยอยู่กองร้อยเดียวกันที่เคยทำงานเกี่ยวกับเรื่องการข่าวมาด้วยกัน ผังนี้ติดตัวมา จึงทำให้มาทำงานร่วมกันอีกในชาตินี้
 
 
10. ขอให้ลูกจงมีแต่ความสุขความเจริญ ให้มีดวงตาเห็นธรรม ได้เข้าถึงพระธรรมกาย ให้มีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรง อายุยืนยาว สร้างบารมีไปได้นานๆ ให้สมหวังดังใจในทุกสิ่ง และได้ไปอยู่ดุสิตบุรีวงบุญพิเศษเขตบรมโพธิสัตว์ อย่าได้พลัดกันเลย
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
เจ้าเมืองไปเกิดเป็นพญานาคเจ้าเมืองไปเกิดเป็นพญานาค

นักบุญ - นักธุรกิจนักบุญ - นักธุรกิจ

สังขารดับ แต่ใจยังอาวรณ์สังขารดับ แต่ใจยังอาวรณ์



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

กรณีศึกษากฎแห่งกรรม