ผลปฏิบัติธรรม
คุณ เร็น มาสเองเกิ้ล (แอฟริกาใต้)
ผม เร็น มาสเองเกิ้ล อายุ 67 ปี จากโจฮันเนสเบิร์ก แอฟริกาใต้ มีอาชีพในแวดวงสื่อมวลชน เป็นทั้งนักเขียน นักข่าว นักหนังสือพิมพ์ มานานหลาย10 ปี ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทข้ามชาติหลายบริษัท
เมืองที่ผมอยู่ไม่แตกต่างจากเมืองใหญ่ๆ ของโลกหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น ชิคาโก นิวยอร์ค โตเกียว หรือฮ่องกง ยิ่งความเจริญทางวัตถุมากขึ้นเท่าไร ดูเหมือนว่าความเจริญทางจิตใจจะลดน้อยลงมากเท่านั้น มีปัญหาอาชญากรรมไม่เว้นแต่ละวัน ผู้คนแข็งกร้าวเข้าใส่กัน มีแต่ความรุนแรงและมุ่งทำร้าย
ผมภาวนาให้มีโอกาสได้ทำข่าวดีๆ ในประเทศนี้สักครั้ง แต่ดูเหมือนว่าทุกข่าวจะเป็นข่าวร้ายไปแล้วทั้งสิ้น ยิ่งได้เห็นสภาพความทุกข์ยากด้วยตนเอง ทำให้ผมคิดว่าจะเป็นคนขาวหรือคนดำก็มีความทุกข์ไม่แตกต่างกัน น่าสงสารเหมือนกัน คนหนึ่งมีทุกข์เพราะถูกจ้องปองร้าย ส่วนอีกคนทุกข์เพราะไฟแค้นสุมอก คอยเผาทำร้ายตัวเองอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะสิ้นสุด
หากมีโอกาส ผมกับเพื่อนคนขาว ผมมักจะพูดคุยกันเรื่องสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นในแอฟริกาใต้อยู่เสมอ จนเดี๋ยวนี้ย่างเข้าสู่วัยปีที่ 60 แล้ว ก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าจะเกิดสันติภาพขึ้นแต่อย่างใด ประชาชนยังคงต้องนอนกอดปืนจนกว่าจะหลับไปอยู่เหมือนเดิม จนเริ่มท้อแท้หมดหวัง และในที่สุด คิดว่าคงเป็นไปไม่ได้
แต่วันนี้ความคิดของผมเปลี่ยนไป เมื่อมีโอกาสมาปฏิบัติธรรมที่ศูนย์โจฮันเนสเบอร์ก ตามคำชักชวนของ คุณรอน เจ้าของร้านสปาที่ผมไปใช้บริการอยู่บ่อยครั้ง เมื่อได้ฟังเรื่องสมาธิจากคุณรอนเป็นครั้งแรก ผมคิดว่าต้องเป็นเรื่องดีแน่นอน เพราะคุณรอนดูมีความสุข มีรอยยิ้มอบอุ่นบนใบหน้าที่ผมได้เจอ ผมสัมผัสได้ว่า เขาปรารถนาดีต่อผมอย่างจริงใจ ผมจึงตัดสินใจไปนั่งสมาธิตามคำชักชวนในวันรุ่งขึ้น
ทันทีที่นั่งสมาธิ ผมปล่อยวางตามพระอาจารย์สอน ทุกอย่างรอบข้าง ช่างเงียบสงัด ผมค่อยๆ เลื่อนใจลงไปที่ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 ผ่านเข้าไปในตัว แล้ววางใจนิ่งไว้ที่จุดกลางกายนั้นอย่างสบายๆ
สักพัก ผมก็มองเห็นแสงสว่างปรากฏขึ้น ผมมองตามแสงเข้าไป โดยการวางใจอย่างเบาที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ แสงนั้นก็รวมเป็นดวงกลมๆ และค่อยๆขยายกว้างออกไป ความรู้สึกจรดจ่อ และผ่อนคลายจะเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน แล้วผมก็รู้สึกว่าตัวเองเบาๆลอยๆ ร่างของผมถูกอาบด้วยแสงทรงกลมนั้น และร่างกายที่เป็นเนื้อหนังของผมก็โปร่งเบา หลอมรวมไปกับมวลแสงนั้น ในขณะนั้น ความสุข ความสงบได้ควบแน่นเป็นหนึ่งเดียวกันสุดที่บรรยาย ผมมีความรู้สึกวิเศษสุดอยู่ข้างใน และอยากจะแบ่งปันให้กับผู้คน พอมาถึงตอนที่จะออกจากสมาธิ ความรู้สึกนี้ยังคงติดตามตัวผมไปพักใหญ่ๆ ทีเดียว
นับแต่นั้น ผมก็นั่งสมาธิที่บ้านทุกวัน วันละ 2 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย และมานั่งสมาธิที่ศูนย์ตามโอกาส สมาธิทำให้ผมมีความคิดเกี่ยวกับสันติภาพที่ชัดเจนมากขึ้น
ตอนนี้ สันติภาพไม่ได้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเพียงในวงสนทนา แต่ผมรู้สึกว่า มันเกิดขึ้นแล้วในตัวผม โดยเริ่มต้นจากดวงกลมใสภายในตัว
หากทุกคนได้เข้าถึงความสว่างภายใน จะมีความนึกคิดอยากจะทำสิ่งดีให้เกิดขึ้น สันติภาพของโลกย่อมเกิดขึ้นตามมาอย่างแน่นอน สันติภาพเริ่มจาก ตัวเราเอง
ผมคิดว่า ตอนนี้เป็นโอกาสอันวิเศษ สำหรับทุกคนในแอฟริกาใต้ ที่จะพบการเปลี่ยนแปลงไปสู่สันติสุขในเวลาเพียงข้ามคืน ด้วยการนั่งสมาธิ โดยไม่มีข้อจำกัดว่า เราจะมีฐานะหรือศาสนาอะไร เพราะการทำสมาธิไม่เสียเงิน และสมาธิได้สลายเส้นแบ่งเหล่านี้จนสิ้น สมาธิได้มอบชีวิตที่วิเศษสุดแก่เรา และทำให้คุณนับถือศาสนาคุณได้ดีกว่าเก่า
สุดท้ายนี้ ผมกราบขอบพระคุณหลวงพ่อที่ได้เมตตาสอนสมาธิให้ผมได้รู้จักความสุขภายใน ผมและคุณรอนจะช่วยกันขยายสันติภาพโลกด้วยสมาธิจนกว่าจะประสบความสำเร็จ กราบขอบพระคุณหลวงพ่อมากๆ ครับ
Desktop Version
