สวรรค์ชั้นดาวดึงส์


[ 9 พ.ค. 2555 ] - [ 18315 ] LINE it!

สวรรค์ชั้นดาวดึงส์
 
 
 
     การสร้างบารมีเป็นงานหลักของนักสร้างบารมีทั้งหลาย เราเกิดมาภพชาติหนึ่ง ก็เพื่อสั่งสมบุญบารมีเท่านั้น บุญที่เราสั่งสมเอาไว้มากเข้า ก็จะกลั่นกลายเป็นบารมี เป็นรัศมี กำลังฤทธิ์ อำนาจ สิทธิเฉียบขาด ที่สามารถดึงดูดสิริมงคลทั้งหลายทั้งปวงมาสู่ตัวเรา ให้ได้สร้างบารมีในภพชาติต่อไปได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่ได้รูปสมบัติ คุณสมบัติ ทรัพย์สมบัติ  ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มรรคผลนิพพาน  เพราะฉะนั้น บารมีจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชีวิตของเราที่จะต้องสร้าง ถ้าไม่สร้างบารมีก็ไม่เกิด อาศัยบารมีธรรมอย่างเดียวเท่านั้น ที่จะอำนวยให้เราได้เข้าถึงความสุขอันเป็นนิรันดร์ คือการได้เข้าถึงพระรัตนตรัย ซึ่งเป็นสุดยอดแห่งความปรารถนาของมวลมนุษยชาติ
 
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ทิฏฐิสูตร ว่า
 
     "จตูหิ ภิกฺขเว ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ สคฺเค กตเมหิ จตูหิ กายสุจริเตน วจีสุจริเตน มโนสุจริเตน สมฺมาทิฏฺฐิยา อิเมหิ โข ภิกฺขเว จตูหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ สคฺเคติ
 
     ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ เหมือนถูกเชิญมาประดิษฐานไว้ในสวรรค์ ธรรม ๔ ประการเป็นไฉน คือ กายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต และสัมมาทิฏฐิบุคคล  ผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการนี้ จะถูกเชิญมาประดิษฐานในสวรรค์"
 
     สวรรค์หรือแดนสุขาวดีนั้น คือดินแดนที่นำแต่ความสุขกายสบายใจมาให้ เพราะเป็นผลที่เกิดจากการทำความดีเอาไว้ในคราวที่เป็นมนุษย์ หรือก่อนที่จะจุติมาเกิดเป็นเทวดา ผลบุญที่เกิดขึ้นจึงเป็นความสุขอย่างเดียว แม้จะไม่ใช่ความสุขที่เป็นอมตะ ที่ท่านหมายเอาพระนิพพานก็ตาม แต่ก็เป็นความสุขในระดับโลกียะ ที่เลิศกว่าความสุขในโลกมนุษย์ โลกของเปรต อสุรกายหรือสัตว์เดรัจฉาน เพราะเป็นดินแดนที่พรั่งพร้อมด้วยเบญจกามคุณอันเป็นทิพย์ ตั้งแต่รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสต่างๆ ล้วนเป็นทิพย์ ที่ละเอียดกว่า ประณีตกว่า และสุขกว่ากามคุณที่เป็นของมนุษย์ ซึ่งแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
 
     ความละเอียดประณีตที่ว่าแตกต่างกันราวฟ้ากับดินนั้น หลวงพ่อจะเล่าให้พวกเราได้ศึกษากัน ด้วยการพรรณนาถึงความยิ่งใหญ่อลังการของชาวสวรรค์ชั้นที่ ๒ คือสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ว่ามีความเป็นอยู่และแตกต่างจากโลกมนุษย์ของเราอย่างไรบ้าง สวรรค์ชั้นนี้เป็นที่ประทับของเทพผู้เป็นใหญ่ ๓๓ องค์ คอยทำหน้าที่เป็นหัวหน้าปกครองเขต ๓๓ เขต โดยมีพระอินทร์ทรงเป็นจอมเทพ สวรรค์ชั้นนี้ตั้งอยู่เหนือเขาพระสุเมร มีมหาสุทัสสนเทพนครอยู่ตรงกลาง เป็นเทพนครขนาดใหญ่ กว้างขวางมาก ปราสาทต่างๆ ก็ล้วนสำเร็จด้วยแก้วอันเป็นทิพย์ กำแพงแก้วอันเป็นทิพย์แวดล้อมเทพนครอีกชั้นหนึ่ง เพราะความกว้างใหญ่ของสุทัสสนเทพนครถึง ๑ หมื่นโยชน์ จึงปรากฏว่า มีประตูที่กำแพงแก้วถึง ๑,๐๐๐ ประตู และมียอดปราสาทอันสวยงามอยู่เหนือประตูทุกประตู เมื่อประตูเปิดแต่ละครั้ง จะเกิดเสียงดนตรีทิพย์ไพเราะก้องกังวาน
 
     * ในท่ามกลางเทพนครของสวรรค์ชั้นนี้ มีเวชยันตปราสาทสูง ๑,๐๐๐ โยชน์ มีความสวยงามสุดจะพรรณนา ล้วนแล้วไปด้วยรัตนชาติ ๗ ประการ  เพราะเป็นวิมานของท้าวสักกจอมเทพ พระนครนั้นประกอบด้วยประตูพันหนึ่ง ประดับด้วยอุทยานสวรรค์และสระโบกขรณี ที่เรือนยอดของเวชยันต์ปราสาทซึ่งสูง ๗๐๐ โยชน์ ล้วนแล้วด้วยแก้ว ๗ ประการทั้งนั้น ประดับด้วยธงหลากชนิด มีสีสันสวยสดงดงาม ธงต่างๆ เหล่านี้ สูง ๓๐๐ โยชน์ ผุดขึ้นในท่ามกลางพระนคร ตรงไหนมีคันธงเป็นทอง ตัวธงก็จะเป็นแก้วมณี ถ้าคันเป็นแก้วมณี ผืนธงจะเป็นทองระยิบระยับ ถ้าที่คันธงเป็นแก้วประพาฬ ผืนธงจะเป็นแก้วมุกดา หากที่คันเป็นแก้วมุกดา ผืนธงก็เป็นแก้วประพาฬ และถ้าหากที่คันธงเป็นแก้ว ๗ ประการ ผืนธงก็จะเป็นแก้ว ๗ ประการเหมือนกัน
 
     สวรรค์ชั้นนี้เคยเป็นที่อยู่ของจอมอสูร แต่เมื่อพระอินทร์ผู้เคยเป็นมฆมาณพเป็นคนมีใจบุญสุนทาน ชักชวนสหายของตน ๓๒ คน ประกอบกองการกุศลต่างๆ เช่น สร้างศาลา และทำถนนหนทางที่เป็นสาธารณประโยชน์เป็นต้น อีกทั้งมฆมาณพได้บำเพ็ญวัตตบท ๗ ประการ คือ เลี้ยงดูบิดามารดา เคารพยำเกรงต่อผู้เฒ่าผู้แก่ในตระกูล กล่าวถ้อยคำอ่อนหวานไพเราะ ไม่กล่าววาจาส่อเสียดผู้อื่น ไม่ตระหนี่เหนียวแน่น ตั้งอยู่ในความสัตย์สุจริต และไม่เป็นคนมักโกรธ ครั้นละโลกแล้ว มฆมาณพได้ขึ้นไปเสวยสุขอยู่ในสวรรค์ชั้นนี้
 
     ทิพยสมบัติต่างๆ บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์นี้มีมากกว่าสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา เพราะเหล่าเทพบุตรเทพธิดาจำนวนมาก ซึ่งมีบุญญาธิการได้ไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นนี้ อีกทั้งพระอินทร์ก็ทรงมีบุญญานุภาพมาก ทรงฝักใฝ่ในการกุศลอยู่เนืองนิตย์ เพราะเป็นพุทธศาสนิกชน เมื่อเหล่าทวยเทพทั้งหลายต่างองค์ต่างก็มีบุญญาธิการมากมารวมกัน สวรรค์ชั้นดาวดึงส์จึงรุ่งเรือง มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันแพร่หลายในหมู่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นที่รู้กันว่าเป็นภูมิที่น่าเพลิดเพลินสุขสำราญ เหล่าโยคีฤาษีนักพรตสิทธาผู้ได้ฌานทั้งหลาย แม้แต่พระอริยเจ้าบางองค์ ผู้ทรงอภิญญา ซึ่งมีฤทธานุภาพเหนือมนุษย์ธรรมดา มักจะมาพักกลางวันกันที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์นี้
 
     นอกจากเวชยันต์ปราสาทซึ่งเป็นที่ประทับของพระอินทร์ จะมีความยิ่งใหญ่อลังการเป็นพิเศษแล้ว ยังมีอุทยานสวรรค์อีกมากมาย  เช่น ทางด้านทิศตะวันออก มีอุทยานทิพย์ชื่อนันทวัน ทิศตะวันตกมีอุทยานทิพย์ชื่อจิตรลดาวัน ทิศเหนือชื่อมิสกวัน ทิศใต้ชื่อปารุสกวัน สวนขวัญอุทยานทิพย์เหล่านี้ เป็นสถานที่สวยสดงดงามจะหาที่เปรียบปานในมนุษยโลกนี้มิได้เลย  เพราะเป็นอุทยานทิพย์ที่เต็มไปด้วยรุกขชาติ บุปผชาตินานาพรรณ มีสระโบกขรณี ซึ่งมีนํ้าใสเหมือนแก้ว มีหาดทรายเป็นเพชรพลอยรัตนชาติ เหล่าเทพบุตรเทพธิดามักจะพากันมาเล่นในสวนสวรรค์เหล่านี้เป็นประจำมิได้ขาด
 
     ในสวรรค์ชั้นนี้ มีสถานที่สำคัญที่สุดอยู่แห่งหนึ่ง คือ พระเจดีย์มหาจุฬามณี ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเทพนคร สร้างด้วยแก้วอินทนิล ตั้งแต่ส่วนกลางถึงยอดเจดีย์ทำด้วยทองคำ ประดับด้วยรัตนชาติ ๗ ประการ ส่วนสูงทั้งหมดแปดหมื่นวา มีกำแพงทองคำบริสุทธิ์ล้อมรอบ  กำแพงแต่ละด้านนั้นยาวหนึ่งแสนหกหมื่นวา มีธงชนิดต่างๆ มีสีสันหลากหลาย ประดับประดาอย่างงดงาม เหล่าเทวดาจะพากันถือดอกไม้ของหอม และเครื่องดีดสีตีเป่าทิพยดุริยางค์ มาบรรเลงถวายบูชาพระเจดีย์ทุกวันมิได้ขาด โดยเฉพาะในวันพระ จะมาประชุมกันมากเป็นพิเศษ
 
     พระมหาจุฬามณีเจดีย์องค์นี้ เพิ่งจะบังเกิดขึ้นในสมัยพระอินทร์องค์ปัจจุบันนี้เอง พระองค์สร้างไว้เพื่อจะได้เป็นที่สักการบูชาของหมู่เทวดาทุกชั้นฟ้า ประวัติการสร้างก็มีอยู่ว่า เมื่อครั้งพระผู้มีพระภาคเจ้าของเรา เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ ทรงตัดมวยพระเกศโมฬี และอธิษฐานว่า “ถ้าจะได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ก็ขอให้มวยเกศโมฬีนี้ลอยขึ้นไปในนภากาศ อย่าได้ตกลงมาสู่พื้นปฐพี”
 
     ด้วยบารมีธรรมที่พระองค์สั่งสมเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยมแล้ว ทำให้พระเกศโมฬีไม่ร่วงหล่นลงสู่พื้น พระอินทร์ทรงนำเอาผอบทองคำ เหาะลงมารองรับพระเกศโมฬีเอาไว้ แล้วทรงนำขึ้นไปบูชาบนดาวดึงส์ และเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่สำคัญอีกครั้งหนึ่งก็คือ เมื่อครั้งโทณพราหมณ์ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้แบ่งพระบรมสารีริกธาตุของพระผู้มีพระภาคเจ้า ขณะที่โทณพราหมณ์แบ่งพระธาตุออกเป็น ๘ ส่วนอยู่นั้น ตัวเองก็ได้ลอบหยิบพระเขี้ยวแก้วเบื้องขวาซ่อนไว้ในผ้าโพกศีรษะของตน พระอินทร์ทรงดำริว่า โทณพราหมณ์ไม่อาจทำสักการบูชาพระบรมธาตุนี้ให้สมเกียรติได้ จึงอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วเบื้องขวาของพระบรมศาสดาไปประดิษฐานบนสวรรค์ชั้นนี้ โดยเนรมิตพระเจดีย์สำหรับบรรจุ และทรงขนานนามว่า พระมหาจุฬามณีเจดีย์
 
     เพราะฉะนั้น พวกเทวดาซึ่งมีความเคารพเลื่อมใสในองค์พระเจดีย์นี้ จึงพากันมากราบไหว้บูชาเป็นประจำมิได้ขาด โดยเฉพาะในวันพระ พระอินทร์จะชักชวนเหล่าเทพบริษัท นำดอกไม้ธูปเทียนของทิพย์สุคนธชาติไปบูชาพระเจดีย์ แล้วกระทำประทักษิณเวียนเทียนประจำอยู่เสมอมิได้ขาด 
 
     นอกจากนี้ เทวดาที่สถิตอยู่ในสวรรค์ชั้นอื่น ต่างพากันมานมัสการพระจุฬามณีเจดีย์นี้เป็นประจำ เป็นการเพิ่มเติมบุญกุศลให้กับตนเอง นี่ก็เป็นวิธีการสั่งสมบุญของชาวสวรรค์ เทวดาเขาจะรักบุญมาก เพราะรู้ว่าที่ได้มาเป็นชาวสวรรค์นี้ ก็เพราะได้สั่งสมบุญเอาไว้ในอดีต  เพราะฉะนั้น ก่อนที่พวกเราจะได้ไปเสวยสุขในสวรรค์ ขอจงสั่งสมบุญในภาวะของความเป็นมนุษย์นี้ให้ได้มากที่สุด เมื่อมีบุญอะไรมาถึง ก็ทุ่มเททำกันให้เต็มที่ ยิ่งหากเราปฏิบัติจนเข้าถึงพระธรรมกายได้ เมื่อนั้นแหละจะเป็นเครื่องยืนยันว่า เราจะมีสุคติสวรรค์เป็นที่ไปอย่างแน่นอน


พระธรรมเทศนาโดย: พระเทพญาณมหามุนี
 
นามเดิม พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)

* ภูมิวิลาสินี (พระพรหมโมลี)



Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
โครงสร้างดาวดึงส์โครงสร้างดาวดึงส์

ทิพยสถานสำหรับผู้มีบุญทิพยสถานสำหรับผู้มีบุญ

จอมเทพอสูรจอมเทพอสูร



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ธรรมะเพื่อประชาชน