จุดเริ่มต้นบุญที่ยิ่งใหญ่การบวชนั้นได้อานิสงส์มาก


[ 18 ก.ค. 2555 ] - [ 18288 ] LINE it!

ข้อคิดรอบตัว
 
 
จุดเริ่มต้นบุญที่ยิ่งใหญ่
 
        การบวช คือ การยกฐานะจากผู้นับถือพระรัตนตรัย ขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของพระรัตนตรัย เป็นหนทางสู่พระนิพพาน การบวชเป็นสิ่งที่กระทำได้ยาก กว่าจะมีการบวชต้องถึงพร้อมด้วยองค์ประกอบหลายประการ ผู้บวชจะต้องเป็นสัมมาทิฎฐิ ต้องเป็นมนุษย์ไม่พิการและเป็นชายเท่านั้น การบวชนั้นมีอานิสงส์มาก  บุคคลใดได้อุปสมบทตนเองในพระพุทธศาสนา ด้วยศรัทธาเลื่อมใสจะได้อานิสงส์ 64 กัป บิดามารดาได้อานิสงส์ 32 กัป บุคคลใดได้บรรพชาบุตรของตนก็ดีบุตรของผู้อื่นก็ดี ก็จะไม่ไปสู่อบายภูมิ
 

ทำไมผู้ชายจึงต้องบวชและทำไมจึงต้องให้มีอายุ 20 ปีขึ้นไป?

 
        เหตุที่ต้องบวชอายุ 20 ปีขึ้นไปก็เพราะว่า จะได้เป็นวัยที่เป็นผู้ใหญ่พอสมควร ถ้าต่ำกว่า 20 ปีก็เป็นสามเณรก่อน แต่ถ้าจะเป็นพระภิกษุก็ต้อง 20 ปี ขึ้นไป อันนี้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ทรงเป็นผู้กำหนด และที่ถามว่าทำไมผู้ชายไทยจึงต้องบวชนั้น จริงๆ แล้วการบวชเป็นประโยชน์มากๆ เป็นการทำให้เราได้ฝึกฝนอบรมตนเองในร่มผ้ากาสาวพัตร์ ในภาวะพิเศษ เราลองนึกดูว่าโดยปกติเราก็เป็นชาวพุทธ สิ่งที่เราเองเคารพบูชาก็คือพระรัตนตรัย ได้แก่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แต่การบวชนั้นเท่ากับว่าเป็นการยกตัวเรา จากผู้นับถือพระรัตนตรัยขึ้นไปเป็นส่วนหนึ่งของพระรัตนตรัย ตั้งแต่ลืมตาตื่นจนกระทั่งเข้าจำวัด สิ่งที่ครองตัวเราอยู่ก็คือผ้าเหลือง เราเห็นตลอดว่าเราเป็นพระแล้ว จึงเป็นการฝึกคุณธรรม ฝึกจิตใจที่เข้มข้นพิเศษต่างจากการฝึกโดยทั่วๆ ไป ทั้งตัวเราเองจะเป็นเครื่องกระตุ้นเตือนถึงภาวะฐานะพิเศษที่เราเองเป็นอยู่ตลอด คนที่ฝึกตัวเองในภาวะอย่างนั้นได้นี่เป็นจังหวะที่พิเศษมากๆ เลย เพราะเราจะได้เรียนรู้ว่า ความสุขที่เกิดขึ้นจากความสงบใจเป็นอย่างไร ศัพท์ทางพระท่านเรียกว่า นิรามิสสุข เป็นสุขที่ไม่อิงอามิส คือไม่อิงวัตถุนั่นเอง
 
จุดเริ่มต้นบุญที่ยิ่งใหญ่
จุดเริ่มต้นบุญที่ยิ่งใหญ่
 
        เป็นพระไม่มีอะไรง่ายๆ แต่ก็สบายดี ฉันอาหาร 2 มื้อ นั่งสมาธิ สวดมนต์ สบายใจ เป็นความสุขที่ไม่ได้อิงวัตถุแต่เกิดจากความสงบใจ มันอิ่มกว่า ประณีตกว่าความสุขที่อิงวัตถุเสียอีก พอเข้าใจอย่างนี้แล้วแม้จะสึกขาลาเพศออกไปแล้วก็ตาม ใจจะไม่ยึดเกาะ ไม่ติดวัตถุมากจนเกินไป เพราะเคยสัมผัสแล้วว่าความสุขจริงๆ นั้น สุขใจมันเหนือกว่าสุขจากวัตถุเยอะ แล้วเราจะแยกออกด้วยว่าระหว่างคำว่า ความจำเป็น กับ ความต้องการ มันต่างกันอย่างไร
 
        อยู่ทางโลกเด็กบางคนก็บอกว่า iphone หรือ ipad นี่เป็นความจำเป็นของชีวิตซึ่งขาดไม่ได้ แต่พอบวชเป็นพระแล้วเริ่มแยกออกแล้วว่าที่ในจำเป็นจริงๆ นั้นมันคือ ปัจจัย 4 ต่างหาก อย่างอื่นมันแค่ของแถมของส่วนเกิน ไม่มีก็อยู่ได้ เพราะยิ่งมีมากก็ยิ่งเป็นภาระ จะแยกออกได้ชัดโดยวิถีชีวิตเลยว่า จำเป็น กับ ต้องการ มันต่างกันอย่างไร อะไรกันแน่ที่เป็นของจำเป็นจริงๆ แล้วอะไรเป็นของแถม มันเป็นแค่ความต้องการจากใจเรา แต่ไม่ใช่สาระสำคัญที่ชีวิตเราจะขาดไม่ได้ แค่บวชแล้วได้ตรงนี้กลับไปก็สุดคุ้มแล้ว แต่ในความเป็นจริงการบวชจะได้มากกว่านั้นเยอะ ได้ศึกษาธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย ทั้งปริยัติและปฏิบัติเอาไปใช้ในการดำรงชีวิต จะทำให้ชีวิตเรามีค่ามากๆ เลย
 
        โบราณเรียกคนที่บวชแล้วว่า ทิด แปลว่า สุก คือกิเลสในตัวมันสุก ยังไม่ถึงกับหมดไปหรอกแต่อาศัยการบำเพ็ญตบะในเพศสมณะย่างกิเลสทั้งโลภ โกรธ หลง จนมันสุก คือมันไม่ดิบแล้ว ฤทธิ์มันอ่อนลงไปมากแล้ว ในสมัยโบราณถ้าใครยังไม่บวชแล้วไปขอลูกสาวใครเขาๆ จะไม่ยกให้ เพราะเขายังไม่ไว้ใจว่าจะพาลูกสาวเขาไปดีได้หรือไม่ ต้องเคยบวชเรียนมาก่อนจนเป็นทิดเขาถึงจะยกให้ ฉะนั้นเราเองบวชเรียนอย่างนี้ถูกต้องที่สุดเลย และเป็นประโยชน์ที่สุด เป็นธรรมเนียมไทยแต่โบราณมาแบบนี้ ให้ช่วยกันรักษาต่อไปเพื่อตัวของเรา เพื่อสังคมประเทศชาติ และเพื่อการจรรโลงพระพุทธศาสนา
 

ปัจจุบันวัยรุ่นที่อายุถึง 20 ปีแล้วแต่ยังไม่พร้อมที่จะบวช ถ้าจะรอให้อายุมากกว่านี้แล้วค่อยบวชผลบุญจะเป็นอย่างไร?

 
        ถ้าจะรอให้พร้อม อาจไม่พบเวลาที่พร้อมไปตลอดชาติเลยก็ได้ เดี๋ยวก็ติดนั่นเดี๋ยวก็ติดนี่ แต่ถ้าตัดใจเมื่อไหร่ก็พร้อมทันที มันอยู่ที่ตัวเราเองว่าจะพร้อมหรือไม่ ลองดูตัวอย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนพระองค์เป็นเจ้าชายสิทธัตถะ พระองค์ออกบวชวันที่เจ้าชายราหุลประสูติ ถ้าเป็นคนทั่วไปแล้วลูกเพิ่งเกิดวันนั้นก็จะบอกว่าไม่พร้อมเป็นอย่างยิ่งเพราะมีภาระอะไรเยอะแยะเลย แต่พระองค์ตัดสินใจออกบวชวันนั้น อุทานว่า ราหุลัง ชาตัง แปลว่า ห่วงเกิดแล้ว คำว่า ราหุล นี่เองจึงได้กลายเป็นชื่อของเจ้าชายน้อยที่เพิ่งประสูติ แล้วพระองค์ก็กลับวังไปเห็นพระชายา เห็นพระราชโอรส ความรักนั้นเกิดขึ้นท่วมใจ แต่ถ้าอุ้มก็กลัวจะตัดใจไม่ลง จึงตัดสินใจออกบวชคืนนั้นเลย จนสุดท้ายก็ได้กลับมาโปรดทั้งพระราชโอรสจนได้เป็นสามเณรอรหันต์ และพระนางพิมพาก็เป็นพระอรหันต์เถรี โปรดหมู่ญาติทั้งหมดเลย เพราะเห็นประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่กว่า ดังนั้นเราเองแม้ไม่ถึงขนาดต้องบวชตลอดชีวิตเหมือนพระองค์ เราแค่บวชช่วงสั้นๆ เท่านั้นเองจึงเป็นเรื่องเล็ก ตัดใจเมื่อไรพร้อมเมื่อนั้น ถ้าไม่ตัดใจก็ไม่พร้อม
 
การบวช 15 วัน กับบวช 3 เดือน มีข้อแตกต่างกันอย่างไรบ้าง?
 
        ก็เหมือนเราเองเวลาไปเรียนหนังสือ 15 วัน กับเรียน 3 เดือน แน่นอนย่อมมีความแตกต่าง ถ้าได้บวช 3 เดือนก็จะได้ผลแห่งการบวชนั้นเต็มที่มากกว่า และจริงๆ ควรจะเป็นอย่างนั้น ถ้าจะให้ดีนั้นควรจะ 4 เดือนด้วย 3 เดือนนั้นในช่วงเข้าพรรษา แต่ไปอยู่เตรียมตัวก่อนเข้าพรรษาสัก 15-20 วัน แล้วบวชเข้าพรรษา 3 เดือน ออกพรรษาแล้วอยู่รับกฐินก่อน และได้เดินธุดงค์ก่อนยิ่งดี รวมแล้วทั้งหมดเป็น 4 เดือน ครบหลักสูตรอย่างนี้ดีที่สุด ได้ผลมากที่สุด
 
        ถ้าทางบริษัทให้ลาได้แค่ 15 วัน ก็ลองคุยกับหัวหน้าว่า ขอเอาวันพักร้อน วันลาอะไรต่างๆ บวกเข้าไป อย่างน้อยขอให้ได้สักเดือนหนึ่งก็ยังดี เพราะ 15 วันมันสั้นจัดยังไม่ทันจะได้อะไร แค่เพิ่งซ้อมบวชพอบวชได้ไม่กี่วันก็สึกแล้ว ยังเรียนธรรมะสั้นเกินไป ยังไงขอให้ได้อย่างน้อย 1 เดือนขึ้นไป และระหว่างบวชให้ตั้งใจฝึกอย่างเต็มที่เลย ให้รู้ว่าเราเองเวลาน้อยจึงต้องฝึกอย่างเข้มข้นจริงๆ แล้วขอให้เลือกบวชที่วัดที่มีการอบรมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน มีการให้การอบรมอย่างเป็นระบบด้วย อย่างนี้เวลาของเราในแต่ละวันจะได้รับการฝึกฝน เรียนรู้พระพุทธศาสนาทั้งปริยัติปฏิบัติอย่างเต็มที่
 
ในมุมมองของนายจ้างถ้ามีลูกจ้างมาขอบวชเป็นเวลาถึง 3 เดือนนั้นควรทำอย่างไร?
 
        ควรจะสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพราะเหมือนมีคนมาฝึกลูกจ้างของเราให้เป็นคนดีและมีความรู้ความสามารถเพิ่มขึ้น เป็นหลักสูตรเทียบได้กับโรงเรียน ฮาร์วาด โดยที่เราไม่ต้องออกเงินเองอย่างนี้ถือว่าคุ้มมากๆ จะหาแบบนี้ได้ที่ไหน ธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถ้าได้มีการศึกษาเรียนรู้จริงๆ แล้วให้ผลดีกับผู้ที่เอาไปใช้ทั้งต่อตัวเองทั้งงานการที่ทำ ไม่ด้อยไปกว่าโรงเรียนสอนทำธุรกิจฮาร์วาดเลย ที่เรียกว่า Harvard Business School ขนาดนั้นเลย ฉะนั้นมาบวชศึกษาธรรมะในพระพุทธศาสนาอย่างเข้มข้นตลอด 3 เดือน กลับไปทำงานแล้วเราจะได้ลูกน้องมือดีกลับมา จากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว
 
        มีหน่วยธุรกิจจำนวนมากเห็นความสำคัญเรื่องนี้ เราจัดบวชแสนไปปรากฏว่า วันหนึ่งได้รับจดหมายมาจากบริษัท ซีพีออล ที่ดูแล เซเว่นอีเลเว่น บอกว่าผู้ที่มาบวชเป็นหมื่นเป็นแสนคน ถ้ามีใครสมัครใจละก็ขอรับไปทำงานที่ซีพีหมดเลย ไม่จำกัดวุฒิความรู้รับหมด เพราะงานเขามีกว้างหลายสาขา เพราะเขาเองต้องการคนที่ซื่อสัตย์แล้วเป็นคนดี มั่นใจว่าคนที่ตั้งใจมาบวชอย่างนี้โดยภาพรวมอย่างไรก็ดีกว่าคนทั่วไปมาก และไม่ใช่เฉพาะที่ทำงาน สถานบันการศึกษาเช่น ราชภัฎสวนดุสิต ก็เริ่มมีนโยบายออกมาแล้วว่า นักเรียนจบมัธยมปลายคนไหนได้บวชเรียนแล้วฝึกตัวเองให้เป็นคนดี มีมาตรฐานความดีถึงระดับนี้ไม่ต้องสอบ โอเน็ต เอเน็ต เลย ยินดีรับเข้าสู่ราชภัฎสวนดุสิตเลย ซึ่งเป็นสถาบันราชภัฎที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของประเทศเลยก็ว่าได้ เพราะคนที่มีคุณธรรมมีศีลธรรมอยู่ในตัวนั้นเป็นคนมีคุณค่า เรียนแล้วอนาคตจะสร้างชื่อเสียงให้กับสถาบันได้ เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างนี้คุ้มค่า สิ่งนี้กำลังเกิดขึ้น
 
        ดังนั้นขอฝากถึงนายจ้างทั้งหลาย ถ้าลูกจ้างเราต้องการบวชก็ให้รีบสนับสนุนเลย 3-4 เดือนก็ควรให้เลย และเราควรให้กำลังใจว่าระหว่างนั้นจะให้เงินเดือนด้วย ครอบครัวจะได้ไม่เป็นภาระติดกังวล ให้ทุ่มเทบวชเต็มที่เสมือนเราส่งเขาไปฝึกอบรมหลักสูตรเข้มข้น โดยที่บริษัทไม่ต้องจ่ายค่าอบรม แค่ให้เงินเดือนเขาตามปกติเท่านั้นเอง โอกาสดีอย่างนี้มีที่ไหน ทุกคนได้หมดเลย แล้วหมุนเวียนสับเปลี่ยนกันไปก็จะทำให้กิจการของเราขยายเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
 
ผู้หญิงที่แฟนจะไปบวชนั้นควรทำอย่างไร?
 
        ถามว่า ถ้าแฟนเราเองไปเรียนต่อต่างประเทศ หลักสูตรระยะสั้น 3 เดือน กลับมามีเสริมวุฒิเสริมความรู้ มีอนาคตที่ก้าวหน้ามากขึ้น เราชอบไหม แล้วถ้าเกิดแฟนไปมีกิ๊กหรือติดยาเล่นการพนันเที่ยวกลางคืนอะไรต่างๆ อย่างนี้เราชอบไหม เราก็ต้องกลุ้มใจมากถ้าแฟนเราไปติดอบายมุขเหล่านั้น เพราะไม่มีใครรับผิดชอบครอบครัว
 
        การที่พ่อบ้านไปบวช 3 เดือนนั้น เปรียบเหมือนว่าเป็นการไปฝึกอบรมความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีวิต ในการดูแลครอบครัวกับมาเป็นคนดี เป็นเสาหลักของครอบครัวที่มั่นคงและมีความก้าวหน้าในอาชีพหน้าที่การงานด้วย เงินทองที่หามาได้ก็จะมาเพิ่มขึ้นๆ แล้วไม่รั่วไหลไปกับอบายมุขต่างๆ รักเดียวใจเดียวอย่างนี้ก็คุ้มแล้ว มันไม่ใช่เรื่องที่แม่บ้านจะมาห้ามพ่อบ้านไม่ให้บวชนะ จริงๆ แล้วต้องหาช่องทางพยายามเชียร์ให้พ่อบ้านมาบวชให้ได้ เพราะเป็นการสร้างหลักประกันชีวิตของเราเองที่ดีที่สุดว่า พ่อบ้านจะเป็นคนดีเป็นคนรักครอบครัว รับผิดชอบ เป็นคนดีมีศีลธรรม เพราะฉะนั้นแม่บ้านทั้งหลายควรรีบสนับสนุนหาโอกาสหาช่องทางเชียร์พ่อบ้านให้บวชเถอะ จะ 2 หรือ 4 เดือน ก็ดีทั้งนั้น แต่ถ้าครบ 4 เดือนก็จะดีเยี่ยมที่สุดเลย และตัวเราเองในระหว่างที่พ่อบ้านบวชก็ตั้งใจสวดมนต์นั่งสมาธิด้วย ถ้ามีโอกาสก็มาตักบาตรทำบุญเลี้ยงพระ ฝึกกันไปทั้งครอบครัวอย่างนี้บ้านเราจะสว่างไสว อย่าไปห่วงว่าพ่อบ้านไม่อยู่ 3-4 เดือนแล้วจะเหงา หรือเกรงว่ารายรับเข้าครอบครัวจะน้อยลง ให้นึกเหมือนอย่างที่บอกนั่นแหละว่า พ่อบ้านไปเรียนต่อนอกไปเสริมวุฒิเสริมความรู้ 3 เดือน ได้รางวัลพิเศษไปเรียนนอก เราควรจะดีใจว่าพ่อบ้านเรามีความก้าวหน้า แต่การบวชนี้ยิ่งกว่าไปเรียนเสริมวุฒิที่เมืองนอกอีก เพราะจะได้คุณค่ามหาศาล ได้คนดีมาเป็นเสาหลักของบ้านด้วย ฉะนั้นแม่บ้านทั้งหลายให้รีบสนับสนุนพ่อบ้านให้มาบวชกันเยอะๆ เลยนะ
 
ผู้ที่บวชเป็นพระจะต้องถือศีล 227 ข้อนั้นจะทำได้จริงหรือมีความยากง่ายอย่างไร?
 
        ไม่ต้องกังวลเลย ในสมัยพุทธกาลเคยมีพระภิกษุรูปหนึ่งเป็นห่วงเรื่องการรักษาศีลว่ามีศีลให้รักษาเยอะเหลือเกิน เกรงจะรักษาไม่ไหว คิดอยากสึกจึงมากราบพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ก็บอกว่า ดูก่อนภิกษุถ้าให้รักษาข้อเดียวนั้นไหวไหม ภิกษุนั้นก็บอกว่าถ้าข้อเดียวนั้นสู้ตาย พระพุทธเจ้าจึงบอกว่าให้รักษาใจของเธอเท่านั้นเอง อย่างอื่นโอเคหมดเลย พอเรารักษาใจได้เรื่องอื่นง่ายไปหมด ศีล 227 ข้อได้โดยปริยาย ซึ่งพระอาจารย์จะค่อยๆ อธิบายแนะนำวิธีปฏิบัติ เราให้ทำอย่างสบายๆ เป็นธรรมชาติ ไม่ต้องกังวลว่าศีลมีมากจะต้องระวังข้อนั้นข้อนี้ได้หน้าลืมหลังไม่ต้องห่วง รักษาใจเรานิ่งๆ อย่างเดียว ศีลบริบูรณ์ตามมาแล้วธรรมะก็สว่างไสว
 
        คนที่ถามอย่างนี้เพราะเกรงจะรักษาศีลไม่ครบ แสดงว่าเป็นคนดีนะ บวชแล้วต้องรักษาศีลให้ดีเยี่ยม เกรงว่าจะทำให้ดีไม่ได้อย่างที่ตั้งใจ อย่างนี้น่าบวชมาก ถ้าบวชแล้วจะเป็นพระที่ดีมีคุณภาพด้วย เพราะมีความตั้งใจจริงในการบวช ดังนั้นอย่ากังวลเลย มาบวชกันเถอะ
 
การบวชเป็นการทดแทนคุณบิดามารดาหรือเป็นการทำตามประเพณี ถ้าไม่บวชจะสามารถทำบุญอย่างอื่นทดแทนได้หรือไม่?
 
        การทำความดีอย่างอื่นทดแทนนั้นไม่เหมือนกัน เพราะถ้าบวชแล้วเราต้องด้วยชีวิตเลย อย่างที่บอกวิถีชีวิตเราเปลี่ยนหมดเลย การบวชถือเสมือนเป็นการตายจากโลกนี้ไป แล้วไปเกิดใหม่ในร่มผ้ากาสาวพัสตร์ ในธรรมวินัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อายุยังไม่นับเลยนะ อายุเก่าทางโลกนั้นไม่นับเลย ทุกอย่างเริ่มนับ 1 ใหม่หลังจากบวชแล้ว เพราะฉะนั้นมันเป็นการสละชีวิตด้วยกายและใจ ปฏิบัติฝึกฝนตัวเองในธรรมวินัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างจริงจัง บุญที่เกิดขึ้นนั้นมหาศาล พ่อแม่ก็ได้บุญไปด้วยมหาศาล ผู้บวชได้บุญ 64 กัป พ่อแม่ได้ 32 กัป ญาติพี่น้องผู้สนับสนุนได้ 16 กัป
 
        64 กัป มากแค่ไหน ท่านเปรียบว่า มีภูเขาหินลูกบาศก์กว้าง 16 กิโลเมตร ยาว 16 กิโลเมตร สูง 16 กิโลเมตร เป็นหินแกรนิตเลยนะ ทุก 100 ปี เทวดาเอาผ้าทิพย์บางเบาเหมือนควันไฟมาลูบ 1 ครั้ง ภูเขาก็สึกไปนิดหนึ่ง ค่อยๆ สึกลงจนกระทั่งราบเสมอพื้นดิน แบบนี้ถือว่านานมากแต่กัปหนึ่งนานกว่านั้น บวชครั้งเดียวได้บุญตั้ง 64 กัป กัปเดียวก็ว่ามากแล้ว คือหมายถึงตลอดทั้ง 64 กัป บุญจากการบวชจะคุ้มครองตัวเรา จะทำอะไรมันเหมือนมีพลังอะไรบางอย่างมาคอยหนุนให้สำเร็จๆ หรือถ้าจะไปเผลอทำอะไรไม่ดีเข้าเพราะกิเลสเรายังไม่หมดบุญจะมาเตือนให้สำนึกว่าไม่ดีให้เลิกหรือไม่อยากทำ เราคงเคยเห็นบางคนไปเกเรพักเดียวแล้วกลับมาสำนึกไม่เอาดีกว่า นี้คือบุญบวชเก่ามาเตือนกระตุ้นจิตสำนึกให้กู่กลับ แต่บางคนไปแล้วก็กู่ไม่กลับก็มีเพราะขาดบุญจากการบวชนั่นเอง ฉะนั้นถ้าเราบวชแล้วบุญรักษาคุ้มครองตัวเราไปได้ถึง 64 กัปนั้นก็สุดคุ้มแล้ว เป็นบุญที่บุญอย่างอื่นเปรียบไม่ได้เลย ไปทำบุญตักบาตรอุทิศส่วนกุศลให้พ่อแม่ก็สู้บวชไม่ได้ อย่างอื่นทำไปด้วยแต่การบวชไม่ควรเว้น เกิดเป็นชายมีโอกาสอย่างนี้แล้วให้รีบบวชฝึกตัวเองด้วย เอาบุญให้พ่อแม่หมู่ญาติทั้งหลายด้วย
 
จะมีคำแนะนำอย่างไรให้ผู้ที่อยากบวชแต่กลัวตกงาน และสิ่งที่ได้จากการบวชจะเป็นประโยชน์ต่อวิชาชีพอย่างไรบ้าง?
 
        ถ้าเราเองเห็นคนที่เพิ่งเรียนจบใหม่ แล้วมีโอกาสจะไปเรียนต่อนอกเสริมความรู้อย่างที่ว่านั้น Harvard Business School 3 เดือน 6 เดือน แล้วก็บอกว่าไม่เอากลัวเสียเวลาทำงาน เสียโอกาสในการหางาน เราว่าแปลกไหม แปลกเลยเพราะมันจะทำให้คุณค่าเขาเพิ่มขึ้นเลย มันผิดโดยสิ้นเชิง เพราะการไปเสริมความรู้อย่างนั้นเป็นการเสริมคุณค่าเสริมเครดิตตัวเอง ทำให้มีโอกาสได้งานดีๆ ความรู้ความสามารถก็เพิ่มขึ้นไปอีก
 
        การมาบวชก็อย่างนี้เลย อย่างที่บอกไปบริษัทใหญ่ๆ เขายังเห็นเลยว่าคุณค่าของคนดีนั้นมันสำคัญนะ เขาบอกว่าคนเก่งนั้นหาไม่ยากแต่คนดีนี่สิหายาก คนซื่อสัตย์ไว้ใจได้นั่นแหละที่หายาก ฉะนั้นการบวชนี่ทำให้เราเองได้ตกผลึกมุมมองความคิดในด้านธรรมะ ด้านศีลธรรมของเราเองให้สมบูรณ์ขึ้น คนเรามันต้องมีความรู้คู่ศีลธรรม ความรู้อยู่ที่ระดับมหาวิทยาลัยแล้ว ถามว่าศีลธรรมเราได้ฝึกมาพอหรือยัง ที่จริงเป็นภูมิคุ้มกันไม่ให้เรื่องร้ายๆ แย่ๆ มาเข้าสู่ชีวิตของเราเอง ให้เรามีหลักในการดำเนินชีวิต เป็นผู้หลักผู้ใหญ่จริงๆ เป็นผู้นำครอบครัวได้จริงๆ ทำงานแล้วมีหลักใจไม่พลาดไปในทางที่เสีย แต่เป็นทางที่สว่างตลอดได้จริงๆ บวชแล้วเพิ่มคุณค่าตัวเอง เพิ่มความรู้ความสามารถตัวเอง ทำให้โอกาสในการงานตัวเองเพิ่มกว้างอย่างมหาศาล ดังนั้นให้บอกเพื่อนเลยว่าถ้าอยากได้งานดีๆ อยากให้ชีวิตก้าวหน้าและมีความสุขให้มาบวชเถอะ แล้วสิ่งดีๆ จะเกิดขึ้นกับชีวิตของเรา ชีวิตผู้บวช ครอบครัวหมู่ญาติ สังคมประเทศชาติ จนถึงพระพุทธศาสนาโดยรวมเลยทีเดียว


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
อนาคตเศรษฐกิจโลกจะเป็นไปในทิศทางใดอนาคตเศรษฐกิจโลกจะเป็นไปในทิศทางใด

ทำอย่างไรจะได้ไม่ต้องเกิดมากำพร้าพ่อแม่หรือลูกหลานทิ้งทำอย่างไรจะได้ไม่ต้องเกิดมากำพร้าพ่อแม่หรือลูกหลานทิ้ง

วัยรุ่นมีปัญหาหรือมีปัญญาวัยรุ่นมีปัญหาหรือมีปัญญา



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ข้อคิดรอบตัว