บุญเท่านั้นที่เป็นที่พึ่ง


[ 1 ส.ค. 2555 ] - [ 18291 ] LINE it!

บุญเท่านั้นที่เป็นที่พึ่ง
 
 
 
     การสร้างบารมีเป็นงานที่แท้จริงของมวลมนุษยชาติ เราเกิดมาเพื่อสร้างบารมี ดำเนินตามรอยบาทพระบรมศาสดา มุ่งแสวงหาสาระอันแท้จริงของชีวิต เพื่อให้ไปถึงจุดหมายปลายทางคือที่สุดแห่งธรรม แต่ในระหว่างการสร้างบารมี เป็นธรรมดาที่จะต้องเจออุปสรรค อุปสรรคเป็นเพียงเครื่องทดสอบกำลังใจของนักสร้างบารมี หากเราใช้สติและปัญญา ปัญหาทั้งหลายจะดับไป เหมือนการเอาคบเพลิงจุ่มลงไปในน้ำ เมื่อทำใจให้หยุดได้ก็เกิดดวงปัญญา สามารถแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้
 
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต ว่า
 
                            “ทสฺสนกาโม สีลวตํ   สทฺธมฺมํ โสตุมิจฺฉติ
                             วิเนยฺย มจฺเฉรมลํ     ส เว สทฺโธติ วุจฺจติฯ
 
     ผู้ใดใคร่เห็นผู้มีศีล ปรารถนาจะฟังพระสัทธรรม กำจัดมลทิน คือความตระหนี่ได้ ผู้นั้นแล ท่านเรียกว่าผู้มีศรัทธา”
 
     ความศรัทธาที่ประกอบด้วยปัญญา เป็นทางมาแห่งความสุขความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต เป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญในการทำงานให้สำเร็จลุล่วง พลังศรัทธาของมนุษย์สามารถทำลายอุปสรรคขวากหนามนานัปการได้ ทลายภูเขาที่สูงตระหง่านเสียดฟ้าให้ราบเป็นหน้ากลองได้ และทำในสิ่งที่คนทั่วไปคิดว่าเป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ พลังศรัทธาเป็นพลังแฝงที่มีอานุภาพซ่อนเร้นอยู่ภายใน และก่อให้เกิดพลังใจที่จะก้าวไปสู่จุดหมายปลายทางของชีวิต
 
     ในทางพระพุทธศาสนา พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถึงความมีศรัทธาที่แท้จริงว่า ต้องรู้จักเข้าหาผู้มีศีลมีธรรมที่ประพฤติดีปฏิบัติชอบ เพื่อจะได้รับฟังธรรมะอันบริสุทธิ์ เราจะได้มีความบริสุทธิ์ตามท่านไปด้วย ทำให้ได้ยินได้ฟังสิ่งที่ดีมีประโยชน์ เป็นสิริมงคลแก่ชีวิต การฟังธรรมทำให้จิตผ่องใส เป็นเหตุให้จิตน้อมไปในการทำบุญกุศล สามารถกำจัดมลทินคือความตระหนี่ออกจากใจได้โดยง่าย ผู้ที่ปฏิบัติได้อย่างนี้ ท่านเรียกว่าผู้มีความศรัทธา
 
     * ในสมัยก่อนพระโพธิสัตว์เกิดในตระกูลพราหมณ์ในเมืองโมฬินีนคร ชื่อ“สังขะ” เป็นผู้มีความร่ำรวย มีทรัพย์สมบัติมาก และไม่มีความตระหนี่ มีจิตใจโอบอ้อมอารี ยินดีในการให้ทานอยู่เป็นประจำ ท่านได้ตั้งโรงทานในเมืองถึง ๖ แห่งคือ ที่ประตูเมืองร ๔ แห่ง กลางเมือง ๑ แห่ง และที่หน้าบ้านของตนอีก ๑ แห่ง ทั้งยังได้สละทรัพย์วันละ ๖ แสนกหาปณะอย่างต่อเนื่อง ท่านทำเช่นนี้ทุกวัน เงินทองที่มีอยู่จึงค่อยๆ ร่อยหรอลงไป
 
     วันหนึ่ง ท่านเกิดความคิดขึ้นว่า ถ้าทรัพย์ของเราหมดเราก็ไม่มีอะไรจะให้ทาน ตอนนี้ทรัพย์ยังพอมีอยู่ เราควรเดินทางไปทำการค้า เพื่อให้ได้ทรัพย์มาทำทานต่อไป คิดดังนี้แล้ว ท่านจึงบรรทุกสินค้าเต็มลำเรือ เตรียมเดินทางไปค้าขายยังต่างเมือง ก่อนออกจากบ้านได้สั่งภรรยาและลูกๆ ว่า “ให้หมั่นทำทานอย่าได้ขาด และช่วยกันจัดแจงอาหารหวานคาว คอยต้อนรับทุกคนให้ดี” จากนั้นจึงพาบริวารออกเดินทางมุ่งหน้าไปที่ท่าเรือเพื่อขึ้นเรือไปด้วย
 
     ขณะนั้นเป็นเวลาเที่ยงวัน ทั้งลมแรงแดดก็ร้อน พื้นทรายที่เดินอยู่ก็ร้อนระอุ พระปัจเจกพุทธเจ้าซึ่งเข้านิโรธสมาบัติมาตลอด ๗ วัน เพิ่งออกจากนิโรธสมาบัติ เห็นสังขพราหมณ์ด้วยญาณ จึงต้องการอนุเคราะห์ให้มีบุญคุ้มครองในระหว่างเดินทางไปค้าขายยังต่างแดน เพราะรู้ว่าสังขพราหมณ์จะประสบภัยในกลางทะเล ท่านจึงเหาะมาทางอากาศ แล้วเดินสวนทางกับสังขพราหมณ์ แม้ท่านจะเดินไปบนพื้นทรายร้อนๆ ด้วยเท้าเปล่า แต่ก็อยู่ในอาการสงบสำรวม
 
     สังขพราหมณ์เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้าเกิดความศรัทธาเลื่อมใสทันที คิดว่า ภิกษุรูปนี้ คงเป็นพระอริยเจ้าผู้เปี่ยมล้นด้วยคุณธรรมภายใน มีศีลบริสุทธิ์ เป็นบุญเขตอันเยี่ยม นับเป็นบุญลาภของเราแล้ว ที่จะได้ทำสักการบูชาต่อผู้มีคุณธรรมสูงส่ง
 
     คิดดังนี้แล้ว จึงถอดรองเท้าของตนออก รีบเข้าไปไหว้พระปัจเจกพุทธเจ้า กราบนิมนต์ท่านว่า “พระคุณเจ้าผู้เจริญ ขอนิมนต์เข้าไปพักใต้ร่มไม้ก่อนเถิด” จากนั้นก็ไปขนทรายมาเกลี่ยเป็นอาสนะ เอาผ้าห่มปูเพื่อให้พระปัจเจกพุทธเจ้านั่ง เอาน้ำล้างเท้าให้ท่าน เอาน้ำมันหอมทาเท้า ทำความสะอาดรองเท้าของตนที่ขัดแล้วอย่างดี พร้อมทั้งร่มอีกหนึ่งคันน้อมถวายพระปัจเจกพุทธเจ้า หลังจากให้ศีลให้พรแล้ว พระปัจเจกพุทธเจ้าได้เหาะกลับไปยังภูเขาคันธมาทน์ ให้สังขพราหมณ์ได้เห็น เพื่อยังความเลื่อมใสให้ยิ่งๆ ขึ้นไป

      พระโพธิสัตว์ เมื่อทำบุญกับพระปัจเจกพุทธเจ้าด้วยจิตที่เลื่อมใสอย่างเต็มเปี่ยมแล้ว นึกถึงครั้งใดก็มีความปีติเบิกบานตลอดเวลา ท่านได้ออกเดินทางไปในมหาสมุทรพร้อมด้วยบริวาร ในระหว่างทาง เกิดพายุใหญ่พัดโหมกระหน่ำ น้ำก็ไหลทะลักเข้ามาในเรือ บริวารไม่สามารถวิดน้ำออกได้ทัน ต่างร้องกันเสียงระงม ด้วยความกลัวตาย จึงพากันอ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนนับถือ
 
     พระโพธิสัตว์ตั้งสติมั่น เตรียมตัวรับกับสถานการณ์โดยเอาน้ำมันทาทั่วตัว รับประทานน้ำตาลกรวดและเนยใสจนอิ่มเพียงพอต่อความต้องการ แล้วปีนขึ้นยอดเสากระโดงเรือกับคนรับใช้คนสนิท กำหนดทิศที่จะไป แล้วกระโดดลงสู่มหาสมุทรกับคนรับใช้ พยายามว่ายน้ำออกจากเรือ ในที่สุดเรือก็จมลง ท่านว่ายน้ำอยู่ในกลางมหาสมุทรอยู่ถึง ๗ วัน ในคราวลำบากที่กำลังประสบทุกข์เช่นนี้ ท่านนึกถึงบุญที่ได้ทำไว้เท่านั้น ในวันนั้นเป็นวันอุโบสถ ท่านจึงตั้งจิตรักษาอุโบสถศีลกลางมหาสมุทรนั้นเอง
 
     เทพธิดามณีเมขลาเห็นพระโพธิสัตว์ว่ายน้ำอยู่กลางมหาสมุทร จึงนำอาหารทิพย์มาให้ แต่พระโพธิสัตว์ไม่ยอมรับประทานเพราะตั้งใจรักษาอุโบสถศีล ท่านถามเทพธิดาว่า ทำไมจึงมาช่วยท่าน เทพธิดาตอบว่า เพราะท่านสังขพราหมณ์ได้ทำบุญไว้มากมาย อีกทั้งก่อนออกเดินทางยังมีจิตเลื่อมใส ได้ถวายรองเท้าและร่มแด่พระปัจเจกพุทธเจ้าผู้เป็นเนื้อนาบุญอันเลิศ ดังนั้นผลบุญจึงตามคุ้มครองท่าน
 
     พระโพธิสัตว์ฟังแล้วเกิดความปีติยินดีว่า บุญที่เราให้ทานทุกวัน อีกทั้งได้ถวายร่มและรองเท้าแด่ทักขิไณยบุคคล ส่งผลได้ถึงขนาดนี้ เราจะต้องรอดตายกลับบ้านได้อย่างแน่นอน
 
     เทพธิดาได้เนรมิตเรือที่ทำด้วยรัตนะอย่างวิจิตรประณีตสวยงาม จากนั้นเนรมิตเรือที่ทำด้วยแก้วอินทนิล เรือที่ทำด้วยเงินและทองอีกหลายลำ ทุกลำบรรทุกแก้วมณีที่ประมาณค่ามิได้จนเต็ม เทพธิดาได้อัญเชิญพระโพธิสัตว์ขึ้นเรือ แต่ไม่รับคนรับใช้ขึ้นเรือด้วย เพราะคนรับใช้ไม่ได้ทำบุญกุศลไว้
 
     พระโพธิสัตว์จึงแบ่งส่วนบุญที่ตนได้กระทำให้คนรับใช้ คนรับใช้ตั้งจิตอนุโมทนา เมื่อบุญเกิด คนรับใช้จึงสามารถขึ้นเรือได้ เทพธิดานำพระโพธิสัตว์และคนรับใช้กลับบ้านด้วยความปลอดภัย  
 
     พระโพธิสัตว์ประสบอานุภาพของบุญ ซึ่งบังเกิดขึ้นเป็นอัศจรรย์ในครั้งนั้น ทำให้ท่านรักในการทำบุญมากยิ่งขึ้นไปอีก ท่านไม่มีความตระหนี่ในใจเลย นำทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่ได้มา ขนออกทำบุญให้ทานและตั้งใจรักษาศีล บำเพ็ญภาวนาจนตลอดชีวิต ละโลกแล้วได้ไปเสวยทิพยสมบัติในสุคติโลกสวรรค์
 
     จากตัวอย่างข้างต้นนี้ ทำให้ได้ข้อคิดว่า ทานบารมีเป็นสิ่งสำคัญต่อชีวิตของเรา อานุภาพบุญที่เกิดจากการให้ทาน สามารถปกป้องคุ้มครองรักษาชีวิตเราไว้ได้ ในยามคับขัน ยามที่มีภัย บุญเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งที่แท้จริง แม้เมื่อเจอมรสุมชีวิต บุญก็จะช่วยให้ผ่านพ้นอุปสรรคไปได้ทุกครั้ง ถึงลอยคออยู่ในกลางมหาสมุทรเช่นพระโพธิสัตว์ แต่ด้วยความศรัทธามั่นในบุญจริงๆ ในที่สุดก็สามารถรอดพ้นวิกฤตการณ์ของชีวิตไปได้อย่างน่าอัศจรรย์

 
พระธรรมเทศนาโดย: พระเทพญาณมหามุนี
 
นามเดิม พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
 
* มก. เล่ม ๕๙ หน้า ๗๙๙

 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
แสวงจุดร่วม สมานจุดต่างแสวงจุดร่วม สมานจุดต่าง

อย่าโกรธกันเลยอย่าโกรธกันเลย

ผู้นำประโยชน์สุขมาให้แก่ชาวโลกผู้นำประโยชน์สุขมาให้แก่ชาวโลก



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ธรรมะเพื่อประชาชน