ทำไมจึงมีโรคระบาดเกิดขึ้น


[ 7 ส.ค. 2555 ] - [ 18271 ] LINE it!

ข้อคิดรอบตัว
 
โรคภัยรายวัน
 
        เรื่องของสุขภาพร่างกายและโรคร้ายต่างๆ เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเรามาก เราต้องระมัดระวังทั้งตัวเราเองและบุคคลรอบข้าง และโรคที่กำลังระบาดอยู่ในปัจจุบันที่เป็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์และทีวีก็คือ โรคมือเท้าปาก และถ้าหากเรามองย้อนกลับไปไม่ว่าจะเป็นยุคใดสมัยใด ก็จะมีโรคระบาดเกิดขึ้นเสมอ
 

ในมุมมองพระพุทธศาสนาโรคภัยไข้เจ็บเกิดขึ้นได้อย่างไร?

 
        ถ้าว่าโดยหลักจริงๆ คือ เกิดขึ้นด้วยหัวใจหลักคือ เรื่องของวิบากกรรม เราเชื่อหรือไม่ว่า กายมนุษย์เราแต่เดิมนั้น ต้องบอกว่าเป็นสรีระยนต์ที่มีความสมบูรณ์มาก จนถึงขนาดว่าไม่มีความหิวเลยตอนเกิดใหม่ๆ ฉะนั้นโรคอย่างแรกของมนุษย์ก็คือความหิวนั่นแหละ ความหิว ความง่วง ความแก่ เพราะเขาเกิดขึ้นมาจากความอยากก็เป็นที่มาของโรคต่างๆ มากมาย ก็คือจากกิเลสในตัวนั่นเองที่เป็นทางมาแห่งโรค
 
กายมนุษย์เราแต่เดิมนั้นเป็นสรีระยนต์ที่มีความสมบูรณ์มาก ที่มาของโรคต่างๆ นั้นมาจากกิเลสในตัว
กายมนุษย์เราแต่เดิมนั้นเป็นสรีระยนต์ที่มีความสมบูรณ์มาก ที่มาของโรคต่างๆ นั้นมาจากกิเลสในตัว
 
        แต่ถ้ามองในแง่ปัจจุบันแบบย่อๆ โรคภัยต่างๆ นั้นเกิดจากอิริยาบถที่ไม่สม่ำเสมอประการหนึ่ง คือ ยืน เดิน นั่ง นอน ไม่สม่ำเสมอ เช่น ในปัจจุบันคนเราก็นั่งโต๊ะทำงานกันมาก อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ อิริยาบถไม่สม่ำเสมอ นั่งมากไป เดินน้อยไปหน่อย ยืนน้อยไป หรือนอนน้อยไป อดหลับอดนอนทำให้ง่วงเหงาหาวนอนทั้งวัน มันก็จะเป็นทางมาแห่งโรค และนอกจากเวลาที่จะ ยืน เดิน นั่ง นอน ที่พอดีแล้ว อิริยาบถแต่ละอย่างนั้นเราทำได้ถูกหลักหรือสมดุลหรือไม่
 
        ตัวอย่างเช่น ถ้าเรานั่งเก้าอี้ทำงาน เก้าอี้ที่เรานั่งนั้นเป็นล้อหมุน ตรงกลางมีแกนขึ้นมา 1 แกน บางคนชอบนั่งเอียงข้างหนึ่ง มันก็จะหนักไปข้างหนึ่ง นานๆ เข้าเก้าอี้ตัวนั้นก็เอียงหน่อย จะทิ้งก็เสียดาย จึงใช้กันต่อไป เชื่อหรือไม่ว่าคนๆ นั้นจะเป็นโรคปวดหลัง เพราะพอมันเอียงเราต้องเกร็งกล้ามเนื้อขึ้นมา พอฝืนอย่างนี้บ่อยๆ เข้า เส้นจะยึดก็จะเป็นโรคปวดหลัง
 
        ขอฝากอีก 2 ข้อ เรื่องแรกคือเรื่องอาหาร ให้ระลึกเสมอว่า ทุกคำกลืนคือสุขภาพของเรา จะทานอะไรอย่าถือเอาตามใจปากตามใจท้องเป็นหลัก ทานจุกจิกกับทานเฉพาะของที่ชอบ แต่ให้ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ในปริมาณที่พอดีและไม่จุกจิก จะลดโรคภัยไข้เจ็บลงได้มาก โบราณจึงบอกว่าให้เป็นมื้อเป็นคราว ถึงเวลาทานก็ให้ทานและทานแบบพอดีๆ เสร็จแล้วทานจุกจิกก็ไม่เอา อย่างนี้สุขภาพเราจะดี
 
        อาหารไทยนั้นจริงๆ แล้วได้เปรียบ เพราะมีสมุนไพรด้วย ผักแต่ละอย่างเป็นสมุนไพรทั้งนั้นเลย หมอชีวกโกมารภัจจ์ ตอนฝึกวิชากับอาจารย์พอเรียนจบแล้ว จะสอบก่อนจบอาจารย์ก็ให้ลูกศิษย์ทุกคนเดินเข้าป่าไปหาต้นไม้ที่ไม่ใช่ยาเอากลับมาที่สำนัก ลูกศิษย์แต่ละคนก็หอบกลับมาคนละกอง ยกเว้นหมอชีวกโกมารภัจจ์ที่เดินกลับมาตัวเปล่า และบอกว่าทั้งป่านั้นเป็นต้นยาได้หมดเลย ยังไม่เจอต้นไม้อะไรสักอย่างเลยที่ไม่ใช่ยา อาจารย์จึงบอกว่า หมอชีวกโกมารภัจจ์ นั้นสำเร็จวิชาแล้ว
 
        ฉะนั้นพืชผักพันธุ์ไม้แต่ละอย่างมันจึงมีความพอเหมาะพอดีของมันแต่ละอย่าง อาหารไทยจึงได้เปรียบ ใครที่ชอบประเภท fast food อย่างเดียวนั้นกำลังเสียเปรียบแล้ว ฝรั่งเขากำลังนิยมอาหารไทย ที่ซิดนี่ย์เมืองเดียวยังมีร้านอาหารไทยกว่า 300 ร้านเลย ไม่ได้ทำให้คนไทยทานนะแต่เป็นฝรั่งที่มาทานซึ่งราคาแพงกว่าอาหารฝรั่งอีก ใครที่เข้าไปทานที่ร้านอาหารไทยที่นั่นได้ถือว่าไฮโซเลย
 
        อาหารไทยเราเองจึงมีข้อได้เปรียบ มีความพอเหมาะพอดี ประกอบด้วยสมุนไพรทั้งนั้นในแต่ละเมนู ให้เรารักษาสิ่งนี้เอาไว้ ทานอาหารไทยและพืชผักให้เพียงพอ อย่าเอาแต่เพียงพวกแป้งหรือเนื้อเยอะๆ แล้วขาดผัก ขอให้ผสมผสานให้พอเหมาะพอดี ปริมาณก็พอเหมาะด้วย แล้วจะดีต่อสุขภาพเราเอง
 
        อีกประการหนึ่งที่จะฝากไว้ก็คือ การออกกำลังกาย อย่างน้อยตื่นเช้ามาหมุนแข่งขา ข้อมือ เข่า ไหล่ สะบัดแขนหน่อยให้กล้ามเนื้อได้ยืด และข้อจะได้มีการขยับตัว หมุนคอ หมุนเอวบ้าง จะทำให้การเคลื่อนไหวร่างกายเราลงตัวได้ง่าย เคยเห็นบางคนซึ่งปกติก็ไม่มีอะไร แค่เดินผิดท่าหน่อยรู้สึกเส้นยึดติดขึ้นมาแล้ว เดินโขยกเขยกเลยเพราะเราไม่ได้อบอุ่นร่างกายเลย และพอต้องนั่งเก้าอี้ไปนานๆ แล้วเมื่อลุกขึ้นมาก็ต้องมีการยืดเส้นยืดสายอบอุ่นร่างกายกันหน่อย เป็นระยะๆ วันหนึ่งสัก 3-4 ครั้ง เราจะแข็งแรงขึ้นมากเลย
 

กลุ่มคนที่สุขภาพไม่แข็งแรงเกิดจากกิเลสของพวกเขาเองนั้น มีความเกี่ยวเนื่องกันอย่างไร?

 
        เดิมกายมนุษย์เรานั้นสมบูรณ์มาก แต่พอกิเลสเริ่มมา ความอยาก ความโลภ ความโกรธ ความลุ่มหลง เริ่มมามันดึงเอาโรคสารพัดชนิดมาเลย ฉะนั้นจริงๆ โรคก็เกิดมาจากกิเลสนี่แหละ ในยุคปัจจุบันมนุษย์อยู่รวมกัน ถ้าหากยุคใดมนุษย์มีกิเลสหนาปัญญาหยาบ ไม่มีศีล ไปทำสิ่งไม่ดีไว้เยอะ มันจะเหนี่ยวนำเอาโรคภัยไข้เจ็บนานาชนิดมาเยอะแยะเลย เราจะสังเกตเห็นได้ในยุคนี้ พอคนเรามีกิเลสมาก ศีลไม่รักษา ทำอะไรไม่ดีไว้มาก ผลคือ โรคเอดส์มาแล้ว เมื่อ 100 ปี ที่แล้วโรคเอดส์ไม่มีนะ แต่ตอนนี้มีและไม่ใช่แค่นั้น โรคซาร์ ไข้หวัดนกก็มา มีโรคแปลกๆ สารพัดชนิดมากันมาก มันมาตามกิเลสมนุษย์ที่เหนี่ยวนำมา
 
        ในสมัยพุทธกาลก็เคยมี บางเมืองเกิดโรคระบาดใหญ่ แล้วเขาแก้ไขกันอย่างไร เมื่อรู้หลักว่ามาเพราะกิเลส มาเพราะสภาพใจที่ไม่ดี ทุกคนก็จะรวมกันเข้าเป็นหมู่ใหญ่ แก้ไขด้วยการเอาบุญสู้ คือ ทั้งเมืองจะรักษาศีล สวดมนต์ นั่งสมาธิภาวนา โรคภัยต่างๆ ก็จะคลี่คลายไป
 
ในสมัยพุทธกาลเคยมีบางเมืองเกิดโรคระบาดใหญ่พระองค์จึงเสด็จไปโปรด
ในสมัยพุทธกาลเคยมีบางเมืองเกิดโรคระบาดใหญ่พระองค์จึงเสด็จไปโปรด
 
        ตัวอย่างในสมัยพุทธกาลที่เมืองไพรสาลี เกิดโรคระบาดใหญ่ ผู้คนล้มตายจำนวนมาก เหมือนครั้งเมื่อโรคห่าลง ก็เลยไปขอบารมีพระพุทธเจ้า พระองค์ก็เสด็จไปโปรด พอเข้าถึงเมืองแล้วพระองค์ให้คณะสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์บทรัตนสูตร ยังกิญจิ แล้วให้พระอานนท์อุ้มบาทน้ำมนต์ไปรดพรมทั้งเมืองเลย ปรากฏว่าสิ่งไม่ดีทั้งหลายหนีหายไปหมด และเกิดฝนตกชำระล้างสิ่งไม่ดีทั้งหลายออกไป โรคภัยไข้เจ็บระงับโดยพลัน ฉะนั้นเขาจึงถือกันว่า บทรัตนสูตร ยังกิญจิ เป็นบทที่แก้สิ่งไม่ดี โรคภัยไข้เจ็บทั้งหลาย และเอาความสงบร่มเย็นสิ่งที่เป็นสิริมงคลมาสู่ตัวเรา แต่เราอย่าไปติดที่ว่าถ้ามีอะไรไม่ดีขึ้นมาก็ให้พระมาสวดมนต์ รดน้ำมนต์ อย่างนี้เป็นการแก้ที่ปลายเหตุ ต้องจับที่หลักว่าหัวใจต้องอยู่ในบุญ ถ้าเราให้สมาชิกในบ้านอยู่ในบุญ ในชุมชนก็ให้ทุกคนอยู่ในบุญ และชวนคนทั้งประเทศอยู่ในบุญให้มาก มีศีลมีธรรม สิ่งไม่ดีจะหายไป สิ่งดีๆ จะมาแทน ถ้าทั้งโลกก็ต้องชวนคนทั้งโลกมาทำความดีกันเยอะๆ อย่าไปนึกว่ายากเกินไป ขอให้เริ่มที่เราสุดท้ายจะสำเร็จ
 
มีข้อคิดอย่างไรในการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข โดยปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ?
 
        ขอฝากไว้ 2 ข้อ ประการแรกคือ ให้เราสังเกตตัวเรากับสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราด้วย คนเราบางทีมีความเคยชินโดยไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ตัวเองเคยทำนั้นเป็นทางมาแห่งโรค เช่น ในห้องนอนของเราเคยสังเกตไหมว่าอากาศถ่ายเทดีหรือไม่ บางคนเคยนอนแบบหน้าต่างแทบไม่ได้เปิดแง้มไว้นิดเดียว และทางระบายลมก็ไม่ค่อยดี ในห้องก็อุดอู้ เจ้าตัวก็มีใบหน้าซีดเซียวทั้งปี ตื่นมาก็ไม่ค่อยจะสดชื่น ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่ความจริงมันมาจากการไหลเวียนของอากาศ ฉะนั้นเราเองให้ตื่นตัวขึ้นมาแล้วสังเกตทุกอย่างอย่างดี เปิดหน้าต่างมากลมโกรกมาโดนศีรษะมากเกินไปก็ไม่ดีอีกเหมือนกัน ทุกอย่างต้องพอดีๆ อย่าดูเบา ให้สังเกตทุกอย่างให้ดี ขนาดเสื้อที่ใส่ยังต้องสังเกตเลยว่ารัดเกินไปไหม เข็มขัดแน่นเกินไปหรือเปล่า ทุกอย่างต้องสังเกตหมด นี่คือที่มาแห่งสุขภาพที่ดี
 
สุขภาพดีต้องดีทั้งกายและใจ
สุขภาพดีต้องดีทั้งกายและใจ
 
        ประการที่สอง คือ ให้เรารู้ว่า คนเราประกอบด้วยกายและใจ สุขภาพดีก็ต้องดีทั้งกายและใจเหมือนกัน 2 ส่วนนี้จะเกี่ยวเนื่องกัน ถ้าใจดีกายจะดีไปด้วย ถ้าใจหดหู่เศร้าหมองซึมเศร้าสักพักจะป่วยไปด้วย ฉะนั้นนอกจากจะสังเกตเพื่อให้กายของเราโดยรวมลงตัวแล้ว อย่าลืมใจเราเองต้องผ่องใสและอยู่ในบุญด้วย คือต้องหมั่นให้ทาน รักษาศีล และเจริญภาวนาบ่อยๆ รักษาใจให้สดชื่น มีบุญหล่อเลี้ยงอย่างเต็มที่ ถ้าทำได้อย่างนี้เราจะเป็นคนที่ทั้งร่างกายแข็งแรง จิตใจเบิกบานผ่องใสใครเข้าใกล้ก็มีความสุข คนที่มีเสน่ห์ไม่จำเป็นต้องหล่อหรือสวย หน้าตาธรรมดาทั่วไปอย่างนี้แหละ แต่ขอเพียงว่าสะอาดสะอ้าน ยิ้มแย้มแจ่มใส และเป็นคนที่มีอัธยาศัยไมตรีดี มีใจเบิกบานมีความสุขอยู่เป็นนิจ ใครเข้าใกล้ก็สบายใจ คนอย่างนี้แหละเป็นคนที่มีเสน่ห์และเป็นที่รักของทุกๆ คน ซึ่งจะเป็นวงจรบวกเสริมส่งให้เราเองยิ่งมีความสุขกายสุขใจมากขึ้นอีก เพราะไปที่ไหนก็มีแต้อ้าแขนต้อนรับเราอย่างเต็มใจ ฉะนั้นขอฝากเรื่องนี้ไว้ด้วย และขอให้สุขทั้งกายสุขทั้งใจ จะส่งผลให้สุขทั้งชาตินี้และชาติหน้าสุขตลอดไปจนถึงที่สุดแห่งธรรมกันทุกๆ ท่านเลย


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
การเล่นกีฬามีส่วนในการเพิ่มพูนคุณธรรมได้อย่างไรการเล่นกีฬามีส่วนในการเพิ่มพูนคุณธรรมได้อย่างไร

ลูกควรจะตอบแทนพระคุณพ่อแม่ได้อย่างไรบ้างลูกควรจะตอบแทนพระคุณพ่อแม่ได้อย่างไรบ้าง

คนที่จะเป็น Idol ของคนอื่นได้ควรมีคุณสมบัติอย่างไรคนที่จะเป็น Idol ของคนอื่นได้ควรมีคุณสมบัติอย่างไร



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ข้อคิดรอบตัว