ตามหารอยพระพุทธบาท จนได้มาพบองค์พระภายใน


[ 13 มี.ค. 2550 ] - [ 18260 ] LINE it!

ผลปฏิบัติธรรม 
ของ 
กัลยาณมิตร เอ็ลสเบ็ธ (สวิตเซอร์แลนด์)
 
    ดิฉันชื่อ เอ็ลสเบ็ธ อายุ 45 ปี จากเมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ทำงานเป็นครูพิเศษสำหรับผู้ใหญ่และเด็ก ช่วยพัฒนาชีวิตพวกเขาสู่สิ่งแวดล้อมที่สันติมาเป็นเวลา 20 กว่าปีแล้วค่ะ
 
    สำหรับชีวิตที่ผ่านมาของดิฉันในก่อนหน้านี้ แผ่นดินเปรียบเหมือนบ้าน และท้องฟ้าก็คือหลังคาบ้าน เพราะดิฉันเป็นนักเดินทางรอบโลก เพื่อแสวงหาบ้านที่แท้จริงของชีวิต และการเดินทางก็สิ้นสุดลง เมื่อค้นพบบ้านหลังใหม่ที่เมืองไทยค่ะ
 
    จุดเริ่มต้นของการเดินทางเกิดขึ้น เมื่อครั้งทำงานที่บริษัททัวร์แห่งหนึ่ง ดิฉันสามารถบินฟรีไปทั่วยุโรปและที่อื่นๆได้  การเดินทางครั้งแรกของดิฉันคือการไปศรีลังกาในฐานะตัวแทนบริษัท ดิฉันได้เห็นพระพุทธรูปสลักจากหิน องค์ใหญ่มากหลายเมตรทีเดียว ดิฉันถามคนแถวนั้นว่า “รูปปั้นนี้เป็นใคร” ได้รับคำตอบว่า “คุณไม่รู้จักหรอกหรือ นี่คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราเดินทางมาที่นี่เพื่อมากราบท่าน” หลังจากนั้นดิฉันก็คิดว่า จะกลับไปค้นคว้าหาข้อมูลเรื่องของท่านให้ได้
 
    หลังจากที่ดิฉันได้แต่งงาน และมีลูกคนที่สอง ชีวิตของดิฉันก็มาถึงจุดหักเห สามีขอแยกทาง โดยให้เหตุผลว่า อยากอยู่คนเดียว แล้วเขาก็มีผู้หญิงอื่นและแต่งงานใหม่ ดิฉันใช้เวลาถึง 2 ปี ในการรักษาความโศกเศร้า และยินดีที่จะกลับมาเป็นโสดอีกครั้ง
 
 
    เช้าวันหนึ่ง ดิฉันตื่นขึ้นมาพร้อมความรู้สึกว่า ดิฉันอยากพบรอยเท้าของพระพุทธเจ้า และเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ ดิฉันจึงเริ่มออกเดินทางกับลูกสาว (น้องจอย) มาที่บาหลี แต่ที่นั่นมีแต่ชาวฮินดู จึงนั่งรถไฟจากสิงคโปร์มาเมืองไทย ดิฉันตั้งใจว่า จะค้นหาพระที่พูดภาษาอังกฤษให้ได้ ดิฉันกับลูกจอย จึงเดินทางไปเหนือจรดใต้ ถึงภาคตะวันตก แต่ก็ไม่เจอพระที่พูดภาษาอังกฤษได้เลย พบแต่วัดร้างถูกทอดทิ้งมากมาย แล้วดิฉันก็กลับกรุงเทพฯ จำได้ว่าเมื่อ 8 ปีก่อน ดิฉันเคยมาไหว้พระแก้วมรกต จึงโทรศัพท์ไปหาสามีเพื่อขอเบอร์ของเพื่อนคนไทยที่เคยพาไปเที่ยวในครั้งนั้น เมื่อติดต่อเพื่อนคนไทยได้ เขาก็พาดิฉันไปวัดแห่งหนึ่ง นั่นก็คือ วัดพระธรรมกาย ค่ะ
 
 
    ดิฉันมาวัดครั้งแรก ในวันอาทิตย์ของเดือนมีนาคม พ.ศ.2545 เพื่อนชาวไทยเป็นคนขับรถพาเข้ามาทางหน้าโบสถ์ วินาทีแรกที่เห็นโบสถ์ ดิฉันขนลุกซู่ทั่วร่างกาย ตัวสั่นด้วยความปีติ สายตามองไปตามรอยโค้งของหลังคาโบสถ์ รู้สึกเป็นสุข โบสถ์สร้างได้เรียบง่าย แต่สวยมาก  รู้สึกไม่เสียดายที่อุตส่าห์ดั้นด้นค้นหาวัดต่างๆ ตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา เมื่อดิฉันได้มายืนถอดรองเท้าหน้าโบสถ์ ก็รู้สึกตื่นเต้นหนักเข้าไปอีก พอเข้าไปในโบสถ์ดิฉันก็เห็นองค์พระประธาน  ดิฉันก้มลงกราบด้วยความเคารพเลื่อมใส ท่านงามมากเป็นมหาบุรุษโดยแท้ แม้ดิฉันเป็นคริสเตียน แต่ดิฉันก็รู้สึกอยากกราบท่านทันที ดิฉันรู้สึกเหมือนกลับมาอยู่บ้าน หลวงพ่อได้บอกดิฉันในภายหลังว่า ดิฉันไม่เพียงแต่พบรอยเท้าของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น แต่ดิฉันพบทั้งตัวของท่าน และธรรมะของท่านด้วยในเวลาเดียวกัน
 
    การมาวัดครั้งนั้น ดิฉันเห็นคนแต่งชุดขาวมากมาย มานั่งสมาธิร่วมกัน หลังกลับจากวัด  ดิฉันบอกกับลูกจอยด้วยความตื่นเต้น แล้วชวนไปปฏิบัติธรรม 7 วันด้วยกัน
 
 
    ดิฉันได้เห็นผลของการปฏิบัติธรรม อย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนในชีวิต หลังจากที่ได้ทำความเข้าใจกับฐานทั้ง 7 ของใจ และกำหนดใจตาม โดยนึกดวงแก้วไว้ที่ศูนย์กลางกายอย่างแผ่วเบา  แล้วดวงแก้วนั้นก็ขยายจากศูนย์กลางกายโตขึ้นเท่าตัวดิฉัน จากนั้นองค์พระก็ผุดขึ้นมา รวมเป็นหนึ่งเดียวกับตัวดิฉัน ตลอดการนั่งสมาธิ สิ่งต่างๆเหล่านี้เกิดขึ้นเพียงชั่วเสี้ยวเวลา องค์พระอยู่กับดิฉันตลอดกลางวัน ดิฉันรู้สึกสงบ มีสันติสุข และจดจ่ออยู่ที่ศูนย์กลางกาย พอดิฉันหลับตาลง องค์พระก็เริ่มขยายโตขึ้น แล้วร่างกายของดิฉันก็ค่อยๆ ขยายใหญ่ตามอย่างช้าๆ ขยายออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แล้วดวงแก้วดวงใหม่ก็เกิดขึ้นที่ศูนย์กลางกายขององค์พระสีทองที่อยู่ในท่านั่งสมาธิ พอจรดใจไปที่องค์พระ ดิฉันก็เหมือนละลาย และหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับท่าน องค์พระสีทองซ้อนขึ้นมาจนนับไม่ถ้วน องค์พระใสอยู่กับตัวดิฉัน และดิฉันก็รู้สึกเหมือนอยู่ในองค์พระ เหมือนที่หลวงพ่อบอกว่า “เราเป็นองค์พระ องค์พระเป็นเรา” ดิฉันสามารถยืนยันได้ และมีความสุขมากๆค่ะ
 
    หลังจากปฏิบัติธรรมหนึ่งสัปดาห์ ดิฉันก็ได้พบหลวงพ่อเป็นครั้งแรก ดิฉันสังเกตหลวงพ่อตลอดเวลา ตั้งแต่ตอนท่านเดินมาที่นั่ง ท่านเดินสง่ามากเหมือนพระราชา และไม่เคยเห็นใครงามและมีราศีอย่างนี้มาก่อน ดิฉันอบอุ่นและปีติใจ พอเห็นหลวงพ่อเหมือนดิฉันเห็นพระอาทิตย์ส่องสว่างอยู่ในใจ รอยยิ้มท่านดูอบอุ่น และน้ำเสียงก็นุ่มนวล ดิฉันรู้สึกเหมือนกลับบ้านอีกครั้ง แม้แต่ ลูกจอย เธอก็รักหลวงพ่อมากๆค่ะ ในครั้งนี้เธอได้ส่งจดหมายมาถึงหลวงพ่อด้วยค่ะ
 
จดหมายของ ด.ญ.จอย  
 
    กราบนมัสการหลวงพ่อค่ะ หนูชื่อ จอย อายุ14 ปี จากโรงเรียนแฮร์โรว์  (Harrow) หนูมาวัดพระธรรมกายกับแม่ตอนอายุ 9 ขวบ ครั้งแรกที่เห็นพระประธานในโบสถ์แล้วรู้สึกยอดเยี่ยมมากๆ หนูอยากนั่งสมาธิเห็นองค์พระ พอหนูได้นั่งสมาธิ ตอนแรกหนูก็เห็นดวงแก้ว นั่งไปเรื่อยๆดวงแก้วก็เปลี่ยนมาเป็นองค์พระ หนูรู้สึกผ่อนคลาย สบาย เป็นความรู้สึกที่สุดยอดมากๆ 
 
    หลวงพ่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับชีวิตของหนู ถึงแม้หลวงพ่อจะไม่สบายและปวดขา แต่หลวงพ่อก็ยังยืนหยัดอยู่ทุกวันเพื่อช่วยผู้คน ในช่วงระยะเวลา 4 ปีครึ่งที่หนูไปวัด ชีวิตทั้งหมดของหนูได้มีส่วนช่วยในโครงงานของหลวงพ่อ คำสอนของหลวงพ่อ ความคิด การกระทำ และ ความเป็นผู้นำที่ไม่เคยย่อท้อได้เป็นต้นแบบให้กับหนูค่ะ สู้ต่อไป เพื่อยืนหยัดอย่างมั่นคง และดำเนินชีวิตต่อไปคือภาษิตของหนู ที่ใช้อยู่ทุกวันในการดำเนินชีวิต 
 
    ถ้าไม่ใช่เพราะหลวงพ่อ หนูคงไม่ได้เป็นตัวของหนูเหมือนทุกวันนี้ หากอยู่กับเพื่อน หนูเป็นเพื่อนที่ดี น่ายกย่อง หากอยู่กับทีมฟุตบอลหนูเป็นผู้นำ หากอยู่กับชีวิตครอบครัวหนูคือความสนุก หากอยู่กับโรงเรียนหนูเป็นนักเรียนที่มีความคิดบวกและถูกต้อง ทั้งหมดนี้เป็นเพราะหลวงพ่อ และวัดพระธรรมกายค่ะ หลวงพ่อธัมมชโย และหลวงพ่อทัตตะชีโว เป็นเหมือนดั่งคุณปู่สำหรับหนู หนูอยากจะขอบคุณจากหัวใจค่ะ
 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
หนังสือที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกหนังสือที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก

สัมผัสอิสรภาพที่แท้จริงจากภายในสัมผัสอิสรภาพที่แท้จริงจากภายใน

ลูกๆของเธอเก่งและดีด้วย DMC และ สมาธิลูกๆของเธอเก่งและดีด้วย DMC และ สมาธิ



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ