วิจัยงดอาหารเช้าส่งผลเสียต่อสุขภาพ

จากการศึกษาวิจัยของนักวิจัยวิชาการด้านอาหาร ระบุว่า คนที่กินอาหารวันละหลายมื้อมีโอกาสอ้วนน้อยกว่าคนที่กินน้อยมื้อมากกว่าครึ่ง การทดลองทำในอาสาสมัคร 500 คน ระยะเวลา 1 ปี โดยกำหนดผู้ร่วมโครงการบริโภควันละ 5 ครั้ง แต่ละครั้งมีพลังงาน 50 กิโลแคลอรีขึ้นไป และมีระยะบริโภคห่างกัน 15 นาที พบว่า ผู้ที่กินวันละ 4 มื้อขึ้นไป คือ อาหาร 3 มื้อ และอาหารว่าง 1 มื้อ มีโอกาสลดอ้วนได้ 45 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ผู้ที่งดอาหารมื้อเช้ามีโอกาสอ้วน 100 เท่า หรือ 450 เปอร์เซ็นต์

อาจารย์ศัลยา คงสมบูรณ์เวช นักกำหนดอาหารผู้ให้การปรึกษาด้านโภชนาบำบัดชี้ ภาวะเศรษฐกิจที่เร่งรีบ การจราจรคับคั่ง ส่งผลให้ไม่มีเวลาในการรับประทานอาหารเช้า ทั้งๆ ที่เป็นมื้อที่สำคัญที่สุด เพราะร่างกายไม่ได้ทานอาหารมาตลอดทั้งคืน เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 6-8 ชั่วโมง เมื่อตื่นนอนก็มีกิจกรรมตลอดทั้งวัน ร่างกายจึงต้องการใช้พลังงานจากอาหารเช้าอย่างเพียงพอ อาหารเช้าจึงเปรียบดังขุมพลังเริ่มแรกของวัน ถ้าได้รับอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพจะมีพลังในการทำกิจกรรมต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ สมองแจ่มใส อารมณ์ไม่หงุดหงิด

การเลือกอาหารเช้าจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิตที่รีบเร่ง และต้องครบถ้วนด้วยคุณค่าทางโภชนาการและให้พลังงานเพียงพอ ส่วนเครื่องดื่มที่ดีสำหรับอาหารเช้าควรมีองค์ประกอบของโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไม่ขัดสี มีไขมันที่ดีและวิตามินแร่ธาตุตามที่ร่างกายต้องการ

"อาหารเช้าที่มีคุณภาพไม่ทำให้อ้วน หากใครคิดจะลดความอ้วนด้วยการอดอาหารเช้าเป็นการเข้าใจผิด เพราะการปล่อยให้ตัวเองหิวด้วยการงดอาหารเช้า นอกจากไม่ได้ลดความอ้วนแล้ว โรคกระเพาะอาจถามหา การงดอาหารเช้าจะทำให้หิวและกินจุบจิบระหว่างวัน ทำให้ใช้พลังงานมาก อาหารเหลือใช้จะเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมในร่างกาย ทำให้อ้วนง่ายแทนที่จะผอม ฉะนั้นใครที่ลดความอ้วนจึงไม่ควรงดอาหารเช้าหรืออาหารมื้ออื่น ต้องรับประทานให้ครบ 3 มื้อเล็ก และเสริมด้วยอาหารว่างที่มีคุณค่าระหว่างวัน" อ.ศัลยากล่าวทิ้งท้าย

ที่มา-