รัตนชาติและพระรัตนตรัย


[ 4 ส.ค. 2557 ] - [ 18293 ] LINE it!

รัตนชาติและพระรัตนตรัย

     พระรัตนตรัย เป็นที่พึ่งของสรรพสัตว์ทั้งหลาย เป็นหลักของพระพุทธศาสนา ได้เข้าถึงพระรัตนตรัยจะได้ชื่อว่า เป็นผู้เข้าถึงแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา พระบรมศาสดาได้เข้าถึงพระรัตนตรัย และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับกายธรรมอรหัต ได้ตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า หมดสิ้นกิเลสอาสวะ มีแต่ความบริสุทธิ์ล้วนๆ ท่านจึงเป็นเนื้อนาบุญอันเลิศ ผู้มีจิตเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า ผลบุญอันเลิศย่อมบังเกิดขึ้นกับบุคคลนั้น และบุญนั้นยังตามส่งผลข้ามภพข้ามชาติ ไปจนถึงที่สุดแห่งธรรม  

     การทำสมาธิภาวนาด้วยการเจริญพุทธานุสติ มีพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ จึงมีอานิสงส์ใหญ่ ควรอย่างยิ่งที่พวกเราทั้งหลายจะต้องฝึกฝนใจ ให้หยุดนิ่งให้เข้าถึงพระรัตนตรัย แล้วบุญใหญ่ก็จะบังเกิดขึ้นกับเรา

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ปหาราทสูตร ว่า

     “ดูก่อนปหาราทะ มหาสมุทรมีรัตนะมากมายหลายชนิด รัตนะในมหาสมุทรนั้น คือแก้วมุกดา แก้วมณี แก้วไพฑูรย์ สังข์ ศิลา แก้วประพาฬ เงิน ทอง ทับทิม มรกต ฉันใดก็ฉันนั้น  ดูก่อนปหาราทะ ธรรมวินัยนี้ก็มีรัตนะมากมายหลายชนิดเหมือนกัน รัตนะในธรรมวินัย คือ สติปัฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔ อิทธิบาท ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ อริยมรรคมีองค์ ๘  ข้อที่ธรรมวินัยนี้มีรัตนะมากมายหลายชนิดนี้ เป็นธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมาในธรรมวินัยนี้ ที่ภิกษุทั้งหลายได้เห็นแล้ว จึงอภิรมย์ยินดียิ่งในศาสนานี้อยู่”

     รัตนะ แปลว่า แก้ว เป็นวัตถุที่นำมาซึ่งความปลื้มปีติยินดีแก่ผู้ได้พบเห็น หรือผู้เป็นเจ้าของ หมายถึงสิ่งที่ประเสริฐก็ได้ เพราะบรรดาสิ่งที่มีค่าซึ่งเกิดขึ้นเองในโลก รัตนชาติเป็นเลิศที่สุดในจำนวนของสิ่งมีค่าทั้งหมด รัตนชาติเป็นสิ่งที่หมายปองของมนุษยชาติ แม้นาค ยักษ์ ครุฑ คนธรรพ์ หรือเหล่ากายทิพย์ทั้งหลายก็ปรารถนา แต่การจะได้มานั้นต้องแล้วแต่กำลังบุญบารมี เป็นสิ่งที่ครอบครองได้โดยยาก แต่สิ่งใดที่ได้มาโดยยากนี้ หากได้มาแล้ว ย่อมนำความปลื้มปีติยินดีแก่ผู้เป็นเจ้าของ ฉะนั้น ท่านถึงเรียกว่า รัตนชาติ

     ในโลกนี้มีรัตนชาติมากมายซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เกิดในเกาะแก่งบ้าง ในทะเลหรือมหาสมุทรบ้าง ซึ่งมีอยู่ทั่วไปในโลก ในพระไตรปิฎกกล่าวถึงรัตนชาติเอาไว้ ๗ ชนิด คือเงิน ทอง เพชร แก้วประพาฬ แก้วมณี แก้วไพฑูรย์ และแก้วมุกดา  

     ส่วนรัตนชาติอีกอย่างหนึ่ง ที่คนไทยเรียกว่า นพรัตน์ หมายถึงรัตนชาติ ๙ ประการ มีเพชร ไพลิน ไพฑูรย์ เพทาย โกเมน ทับทิม มรกต บุษราคัม และมุกดา สิ่งเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ของสิริมงคล ส่วนใหญ่แล้วจะมีผู้รักษาอยู่ เพราะผู้รักษาจะต้องคุ้มครองดูแลเอาไว้ให้ผู้มีบุญได้ใช้ ใครได้เป็นเจ้าของแล้วนับว่าเป็นผู้มีโชคมีลาภ เพราะรัตนชาติเหล่านี้ บางอย่างมีอานุภาพดึงดูดสมบัติมาได้ ดึงดูดเงินทองลาภยศมาให้เจ้าของได้อย่างอัศจรรย์ ผู้ที่อยู่ในวงการอัญมณีหากได้ปฏิบัติธรรม และค้าขายด้วยความสุจริตด้วยแล้ว เงินทองจะไหลมาเทมาไม่ขาดสาย เป็นมหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งในปัจจุบันชาตินี้

     เนื่องจากแก้วเป็นสิ่งที่คนทุกยุคทุกสมัย เข้าใจว่าเป็นสิ่งที่ดี ผู้ได้ครอบครอง ย่อมมีสิริมงคล และนำความสุขความเจริญมาให้ แม้กระทั่งเหล่านาค ยักษ์ ครุฑ คนธรรพ์ หรือเทวดาทั้งหลาย ก็ยังปรารถนาเป็นเจ้าของรัตนชาติ พวกกายทิพย์เขาไม่ใช้เงิน เพราะเงินตราเป็นของใช้ได้เฉพาะมนุษย์เท่านั้น  

     พวกกายทิพย์เขามีรัตนชาติเป็นสมบัติ หากเป็นเทวดาผู้มีบุญ จะได้วิมานเงิน ท่านเรียกว่ารชตวิมาน บุญมากขึ้นไปอีกจะได้วิมานทอง เรียกสุวัณณวิมาน ถ้าบุญมากยิ่งไปกว่านั้นอีก ก็มีวิมานแก้วหรือที่เรียกว่ารัตนวิมาน คือ ทั่วทั้งวิมานจะใสเป็นแก้ว เป็นรัตนะล้วนๆ เปล่งประกายแวววาว ดึงดูดดวงตาดวงใจของผู้ได้พบเห็น  

     ส่วนใหญ่แล้วเรามักจะได้ยินเรื่องราว ที่เกิดขึ้นในสมัยพุทธกาลว่า มีภูเขาทองผุดขึ้นหลังบ้านของชฎิลเศรษฐี พร้อมกับจอบเพชรเป็นอุปกรณ์ในการขุดเอามาใช้ ซึ่งใช้อย่างไรก็ใช้ไม่หมด ได้ยินได้ฟังแล้วก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องปาฏิหาริย์ที่น่าอัศจรรย์ เพราะบังเกิดขึ้นได้ยาก ในพระไตรปิฎกได้กล่าวเรื่องราวของภูเขาทองเอาไว้มากมาย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาของผู้มีบุญ ภูเขารัตนชาติที่กล่าวถึงก็คือ  

     * ที่บริเวณสระอโนดาตซึ่งอยู่ในป่าหิมพานต์โน้น ล้อมรอบไปด้วยยอดเขา ๕ ยอด คือ ยอดเขาสุทัสสนะ ยอดเขาจิตตกูฏ ยอดเขากาฬะ ยอดคันธมาทน์ และยอดเขาไกรลาส ในยอดเขาทั้ง ๕ นั้น ยอดเขาสุทัสสนะ เป็นภูเขาทอง สูง ๓๐๐ โยชน์ ฐานโค้งกลม มีทรวดทรงคล้ายกรวย ตั้งปิดบังสระอโนดาตเอาไว้ ยอดเขาจิตตกูฏเป็นรัตนะล้วนๆ ยอดเขากาฬะเป็นยอดเขาที่มีแร่พลวงมากที่สุด ยอดเขาคันธมาทน์ ล้วนเต็มไปด้วยแก้วไพฑูรย์ ภายในมีสีเหมือนถั่วเขียว ตั้งตระหง่านโชติช่วงเหมือนถ่านเพลิงที่ลุกโพลง หนาแน่นไปด้วยไม้หอมนานาพันธ์ แล้วยังมีโอสถซึ่งเป็นยารักษาโรคได้สารพัด โดยเฉพาะ วันอุโบสถข้างแรม จะเรืองแสงเหมือนถ่านไฟคุอยู่ตลอดเวลา

     ยอดเขาไกรลาส เป็นภูเขาเงินล้วนๆ ยอดเขาทั้งหมดนั้น มีทรวดทรงสูงเสมอกันกับเขาสุทัสสนะ ตั้งปิดบังสระอโนดาตเอาไว้ แม่น้ำทุกสายจะไหลไปลงสระอโนดาต ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์โคจรไปทางใต้บ้าง ทางเหนือบ้าง ส่องแสงไปที่สระนั้นในระหว่างภูเขา ไม่โคจรไปตรงๆ สระอโนดาต จึงเป็นสระที่แสงพระอาทิตย์ส่องไม่ถึง แต่สว่างด้วยแสงแห่งรัตนชาติและมีความใสเย็นเป็นพิเศษ เพราะฉะนั้น สระนั้นจึงได้ชื่อว่า สระอโนดาต มีแผ่นมโนศิลาและหรดาล ปราศจากเต่าปลา มีน้ำใสแจ๋วเหมือนแก้วผลึก มีท่าลงสนาน ซึ่งพระพุทธเจ้า พระอรหันตขีณาสพ และเหล่าผู้มีฤทธิ์ทั้งหลายท่านมักจะมาสรงสนานกัน แม้เหล่าเทวดาและยักษ์ ก็มาอาบน้ำกันอย่างสนุกสนาน

     นอกจากนี้ ที่ภูเขาพระสุเมรุซึ่งเป็นแกนกลางของจักรวาล บนยอดเขา เป็นพื้นที่ราบเรียบเต็มไปด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีทวีปทั้ง ๔ เรียงรายล้อมเขาพระสุเมรุเอาไว้ ชมพูทวีปอยู่ทางทิศใต้ ที่ไหล่เขาพระสุเมรุมีมรกตส่องแสงมาทางโลกมนุษย์ ทำให้ชมพูทวีปซึ่งก็คือโลกของเราจึงเป็นสีเขียว ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ ท้องทะเลก็มองดูเป็นสีเขียวไปหมด ท้องฟ้าเป็นสีคราม เพราะแสงจากแก้วมรกตส่องมาถึงชมพูทวีป

     ตรงไหล่เขาพระสุเมรุทางทิศตะวันออกมีแร่เงิน ทำให้ปุพพวิเทหทวีปส่วนใหญ่จะเป็นสีเงินเพราะแสงสว่างที่เกิดจากแร่เงิน อุตตรกุรุทวีปอยู่ทางทิศเหนือของเขาพระสุเมรุ ตรงไหล่เขาจะมีแร่ทองคำ ทำให้ผืนน้ำ ท้องฟ้า ใบไม้ของอุตตรกุรุทวีปแลดูเหมือนเป็นสีทองไปทั้งหมด และที่อปรโคยานทวีปซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตก จะได้รับแสงสะท้อนจากแก้วผลึกซึ่งอยู่ตรงไหล่เขาพระสุเมรุทำให้แลดูเหมือนเป็นสีน้ำเงิน  

     อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารัตนชาติที่หลวงพ่อได้กล่าวมาข้างต้นนั้น จะเป็นสิ่งที่มีคุณค่าและมูลค่ามากมายก็ตาม แต่ก็เป็นเพียงทรัพย์ภายนอกที่เอาติตตัวไปไม่ได้ ใช้ได้เฉพาะในชาตินี้เท่านั้น ยังเป็นของไม่เที่ยง  พระบรมศาสดาทรงให้เราแสวงหาอริยทรัพย์ภายใน ซึ่งเป็นรัตนะที่ยิ่งไปกว่ารัตนชาติทั้งหมด มีอยู่แล้วในตัวของพวกเราทั้งหลาย ในบทสวดพระปริตรได้กล่าวเอาไว้ว่า ยงฺกิญฺจิ รตนํ โลเก วิชฺชติ วิวิธํ ปุถุ รตนํ พุทฺธสมํ นตฺถิ ซึ่งแปลว่า รัตนะใดๆ ในโลก ทั้งที่อยู่ในสวรรค์ รัตนะนั้นทั้งหมดจะเสมอด้วยพุทธรัตนะ เสมอด้วยธรรมรัตนะ และเสมอด้วยสังฆรัตนะนั้น ไม่มีเลย  

     พระรัตนตรัย คือ แก้ว ๓ ประการ ได้แก่ พุทธรัตนะ เป็นองค์พระธรรมกายแก้วใสบริสุทธิ์ นั่งขัดสมาธิเกตุดอกบัวตูมสว่างไสวไม่มีประมาณ สิงสถิตอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ของพวกเราทุกคน ธรรมรัตนะ ก็คือ ดวงธรรมที่มีลักษณะกลมใสสว่าง ที่อยู่ในกลางพุทธรัตนะ สังฆรัตนะ คือธรรมกายละเอียดที่มีความละเอียดประณีตหนักยิ่งขึ้นไปอีก ทรงรักษาธรรมรัตนะเอาไว้

     รัตนะทั้ง ๓ นี้เป็นสิ่งที่ทรงคุณค่าที่สุดมิอาจจะประมาณค่าได้เลย ผู้ที่สามารถฝึกฝนใจให้หยุดนิ่งจนเข้าถึงพระรัตนตรัยภายในได้ ความสุขความปลื้มใจที่เคยได้รับจากการมีรัตนชาตินั้น เทียบไม่ได้แม้เพียงเศษเสี้ยวของความสุขที่เกิดจากการเข้าถึงพระรัตนตรัยภายใน เพราะเป็นเอกันตบรมสุข สุขอย่างยิ่งที่ไม่มีทุกข์เจือปนเลย

     พอเข้าถึงรัตนะภายในได้ ทุกข์ทั้งหลายที่มีอยู่ก็ดับไป ทุกข์โศกโรคภัยมลายหายสูญหมด ความโศกเศร้า ซึม เซ็ง เครียด เบื่อ กลุ้ม หายไปหมด มีแต่ความสุขล้วนๆ ความสุขจากการได้รัตนชาติมาครอบครอง ยังเป็นสามิสสุข คือสุขที่ยังปนทุกข์ ทุกข์ที่ต้องตามดูแลรักษา ยังมีความเป็นห่วงเป็นกังวล ทั้งห่วงและก็หวง กลัวโจรภัยมาปล้นบ้าง กังวลสารพัด หาความปลอดภัยจากรัตนชาติเหล่านั้นยังไม่ได้  

     แต่พระรัตนตรัยอันประเสริฐนี้ ใครๆ ก็ไม่สามารถจะมาปล้นเอาไปได้ เพราะเป็นสิ่งที่ติดอยู่กับตัว ติดอยู่ในใจของเราไปตลอด จะเป็นที่พึ่งที่ระลึกของเราชั่วนิรันดร์กาล เพราะฉะนั้น ให้หมั่นฝึกฝนใจ ให้หยุดให้นิ่ง ให้เข้าถึงพระรัตนตรัยภายในกันให้ได้ทุกๆ คน

 

 

พระธรรมเทศนาโดย: พระเทพญาณมหามุนี

นามเดิม พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)  
 
* มก. เล่ม ๔๔ หน้า ๕๓๖
 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
อริยมรรค หนทางสู่ความหลุดพ้นอริยมรรค หนทางสู่ความหลุดพ้น

ผู้มีราตรีเดียวเจริญผู้มีราตรีเดียวเจริญ

ธรรมกาย กายมาตรฐานธรรมกาย กายมาตรฐาน



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ธรรมะเพื่อประชาชน