สองพระมหากษัตริย์....ร่มฉัตรปกแผ่นดิน


[ 1 มี.ค. 2559 ] - [ 18266 ] LINE it!

สองพระมหากษัตริย์....ร่มฉัตรปกแผ่นดิน
 
เรื่อง : Tipitaka (DTP)
จากวารสารอยู่ในบุญฉบับเดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๕๙



     พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทรรัชกาลที่ ๘ ทรงเป็นพระมหากษัตรยพระองค์แรกที่เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติในระบอบประชาธิปไตย การขึ้นครองราชย์ของพระองค์เป็นผลสืบเนื่องจากการที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๗ ทรงสละราชสมบัติรัฐบาลและสภาผู้แทนราษฎรจึงลงมติเห็นชอบกราบทูลเชิญพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอานันทมหิดล เชื้อพระวงศ์อันดับหนึ่งตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบสันตติวงศ์ ขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ ๘ แห่งราชวงศ์จักรี ซึ่งขณะนั้นพระองค์มีพระชันษาได้เพียง ๙ ปีเท่านั้น และกำลังทรงศึกษาอยู่ ณ เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมด้วยพระเชษฐภคินี (สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์) และพระอนุชา (พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช) เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลยังทรงพระเยาว์ ไม่สามารถปฏิบัติพระราชภารกิจได้ จึงมีการแต่งตั้งคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เพื่อทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินจนกว่าพระองค์จะทรงบรรลุนิติภาวะ
 
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล
ทรงลงพระปรมาภิไธยในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

    พระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลเสด็จนิวัติกลับประเทศไทยครั้งแรกในปี พ.ศ. ๒๔๘๑ และเสด็จนิวัติกลับประเทศไทยเป็นครั้งที่ ๒ เมื่อสงครามโลกสงบลง ในครั้งหลังนี้พระองค์ทรงบรรลุนิติภาวะและสามารถว่าราชการแผ่นดินได้โดยไม่ต้องมีผู้สำเร็จราชการ แม้ว่าพระองค์จะทรงเจริญวัยในต่างแดน แต่ก็ทรงมีพระปรีชาสามารถบริหารประเทศชาติได้เป็นอย่างดี ทั้งยังมีพระราชหฤทัยเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ในรัชสมัยของพระองค์เริ่มมีการแปลพระไตรปิฎกเป็นภาษาไทย แบ่งเป็น ๒ ประเภท คือ พระไตรปิฎกแปลโดยอรรถและพระไตรปิฎกแปลโดยสำนวนเทศนา แต่กระทำได้ไม่เสร็จสมบูรณ์ก็สิ้นรัชกาลเสียก่อน

     ในส่วนพระองค์เองได้ทรงแสดงพระองค์เป็นพุทธมามกะท่ามกลางมณฑลสงฆ์ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ตั้งแต่คราวเสด็จนิวัติพระนครครั้งแรก เมื่อเจริญพระชันษา ทรงใช้เวลาว่างศึกษาพระธรรมคำสอนต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ และโปรดเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรวัดสำคัญในกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง และมีพระราชศรัทธาที่จะเสด็จออกผนวชในพระพุทธศาสนาหลังสำเร็จปริญญาเอกด้วยดังสำเนาพระราชหัตถเลขาถึงสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์

     สมเด็จพระสังฆราชจึงทรงนิพนธ์เรื่อง “บวช” ถวายแต่เพียงไม่กี่วันก่อนหมายกำหนดการเสด็จพระราชดำเนินกลับไปทรงศึกษาต่อปริญญาเอกที่ค้างอยู่ให้แล้ว เสร็จพระองค์ก็เสด็จสวรรคตขณะที่มีพระชนมพรรษาได้เพียง ๒๑ พรรษา ณ พระที่นั่งบรมพิมานในพระบรมมหาราชวัง ยังความเศร้าโศกเสียใจแก่คนไทยทั้งแผ่นดิน
 

     เมื่อสิ้นพระเจ้าอยู่หัวอันเป็นที่รักของปวงชนชาวไทยอย่างกะทันหัน ในคืนวันเดียวกันรัฐสภามีมติเป็นเอกฉันท์กราบบังคมทูลเชิญเจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระอนุชาขึ้นครองราชย์สืบต่อเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๙ และเฉลิมพระปรมาภิไธยว่า “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร”

     นับแต่วันที่พระองค์เสด็จขึ้นเสวยราชสมบัติจวบจนปัจจุบันเป็นเวลา ๖๙ ปี ที่ทรงทุ่มเทพระวรกายมุ่งมั่นตรากตรำแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพสกนิกร ให้ปวงชนชาวไทยอยู่เย็นเป็นสุขสมดั่งพระปฐมบรมราชโองการในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกว่า“เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้เสวยราชย์นานที่สุดในประเทศไทย และทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้เสวยราชย์นานที่สุดในโลกที่ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ และที่สำคัญทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ ๔ นับแต่สมัยสุโขทัย ที่ทรงพระผนวชขณะครองราชสมบัติ
 

     พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกผนวช ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ เป็นพระราชอุปัธยาจารย์ ทรงได้รับพระสมณฉายาว่า“ภูมิพโลภิกขุ” ระหว่างที่ทรงดำรงสมณเพศ ทรงปฏิบัติพระราชกิจเช่นเดียวกับพระภิกษุทั้งหลายอย่างเคร่งครัด เช่น เสด็จลงพระอุโบสถทำวัตรเช้า-เย็น ทรงสดับพระปาฏิโมกข์ ทรงทำอุโบสถสังฆกรรม ทรงสดับพระธรรมและพระวินัย และเสด็จออกบิณฑบาต เป็นต้น

      ในรัชสมัยของพระองค์เป็นยุคที่การเผยแผ่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเจริญรุ่งเรือง งานแปลพระไตรปิฎกที่ค้างมาตั้งแต่สมัยพระบรมเชษฐาได้รับการสืบสานดำเนินการต่อจนเสร็จสมบูรณ์ ฉบับแรก คือพระไตรปิฎกภาษาไทย เป็นพระไตรปิฎกแปลโดยอรรถ พิมพ์เป็นเล่มสมุดจำนวน ๘๐ เล่มเสร็จสมบูรณ์เมื่องานฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษในปี พ.ศ. ๒๕๐๐ และพระไตรปิฎกฉบับหลวงเป็นพระไตรปิฎกแปลโดยสำนวนเทศนา พิมพ์ใบลาน แบ่งเป็น ๑,๒๕๐ กัณฑ์ เสร็จสมบูรณ์เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๒
 
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแสดงพระองค์ เป็นพุทธมามกะก่อนเสด็จไปศึกษาต่อ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแสดงพระองค์เป็นพุทธมามกะก่อนเสด็จไปศึกษาต่อ

      เมื่อคราวกระทำฉัฏฐสังคายนา ณ มหาปาสาณคูหา กรุงย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์พระบรมราชินีนาถเสด็จไปทรงอนุโมทนาการสังคายนาที่ถือว่าเป็นการสังคายนาระดับนานาชาติคร้้งแรกและคร้้งเดียวของโลกที่พระภิกษุสงฆ์และนักปราชญ์ผู้ทรงความรู้พระไตรปิฎกบาลีจากประเทศพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาททุกประเทศมาประชุมกัน และพระไตรปิฎกฉบับฉัฏฐสังคีติ อักษรพม่า ก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระไตรปิฎกที่เป็นมาตรฐานนานาชาติของพระพุทธศาสนาเถรวาททั่วโลก
 
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระผนวช ท่ามกลางที่ประชุมสงฆ์ พ.ศ. ๒๔๙๙
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระผนวช
ท่ามกลางที่ประชุมสงฆ์ พ.ศ. ๒๔๙๙

     ในเวลาต่อมากองทุนสนทนาธรรมนำสุขท่านผู้หญิง ม.ล. มณีรัตน์ บุนนาค ในพระสังฆราชูปถัมภ์สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้ริเริ่มจัดพิมพ์พระไตรปิฎกภาษาบาลีจากการสังคายนาสากลนานาชาติ พ.ศ. ๒๕๐๐ เป็นอักษรโรมันเป็นครั้งแรกของโลก เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งสมเด็จพระสังฆราชได้ประทานชื่อเป็นภาษาบาลีว่ามหาสงฺคีติ ติปิฏก พุทฺธวสฺเส ๒๕๐๐ และเป็นภาษาไทยว่า พระไตรปิฎกบาฬี ฉบับมหาสังคายนาสากลนานาชาติ พ.ศ. ๒๕๐๐ อักษรโรมัน โดยสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาทรงพระกรุณารับเป็นประธานกิตติมศักดิ์การประดิษฐานพระไตรปิฎกสากลอักษรโรมันในนานาประเทศตามรอยพระไตรปิฎกบาฬี ฉบับ “จุลจอมเกล้าบรมธรรมิกมหาราชร.ศ. ๑๑๒” อักษรสยาม ซึ่งเป็นพระไตรปิฎกอักษรไทยฉบับพิมพ์ชุดแรกของโลก ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดพิมพ์และพระราชทานไปยังสถาบันสำคัญทั่วโลกเมื่อร้อยกว่าปีก่อน
 

      นอกจากนี้ยังมีพระไตรปิฎกอีกหลายชุดที่จัดทำขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติพระมหากษัตริย์ไทยผู้ทรงเป็นมิ่งขวัญของปวงประชาชน อาทิ พระไตรปิฎก บาลี-ไทย ฉบับภูมิพโลภิกขุ พระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และพระไตรปิฎกฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เป็นต้น
 
การสังคายนาครั้งที่ ๖ หรือฉัฏฐสังคายนา ณ กรุงย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาร์ วันที่ ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๗ จนถึง วันที่ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๙
การสังคายนาครั้งที่ ๖ หรือฉัฏฐสังคายนา ณ กรุงย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาร์
วันที่ ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๗ จนถึงวันที่ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๙

พระไตรปิฎกบาฬี ฉบับมหาสังคายนาสากลนานาชาติ พ.ศ. ๒๕๐๐ อักษรโรมัน
พระไตรปิฎกบาฬี
ฉบับมหาสังคายนาสากลนานาชาติ พ.ศ. ๒๕๐๐ อักษรโรมัน

พระไตรปิฎก ฉบับสำหรับประชาชน มหามกุฏราชวิทยาลัย
พระไตรปิฎก
ฉบับสำหรับประชาชน
มหามกุฏราชวิทยาลัย

     พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้ง ๒ พระองค์ ทรงเป็นหลักใจและหลักชัยแก่ปวงชนชาวไทยในยามประเทศก้าวสู่ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย อำนาจการเมืองและความไม่สงบทั้งภายในและภายนอกทำให้ผู้คนในชาติประสบความขัดเคือง ไร้ซึ่งความสงบสุข แต่ด้วยพระปรีชาสามารถและพระอัจฉริยภาพ กอปรกับพระราชศรัทธาที่ทั้ง ๒ พระองค์ทรงมีต่อพระพุทธศาสนาจึงทรงปกครองแผ่นดินด้วยทศพิธราชธรรม นำพาชาติบ้านเมืองให้ร่มเย็นเป็นสุขภายใต้พระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม เปรียบประหนึ่งร่มฉัตรปกป้องคุ้มครองพสกนิกรอย่างหาที่สุดมิได้ ยังความภาคภูมิใจในดวงใจแห่งทวยราษฎร์ ที่ได้เกิดภายใต้พระบรมโพธิสมภารในดินแดนแห่งพระพุทธศาสนาอันเรืองรองแห่งพระมหากษัตริย์ผู้ทรงครองแผ่นดินโดยธรรม

คณะกรรมการโครงการสืบสานมรดกวัฒนธรรมไทย. (๒๕๔๒). ทรงพระผนวช. กรุงเทพมหานคร : บริษัทสตาร์ปริ๊นท์ จำกัด (มหาชน).
วัดเทวราชกุญชร วรวิหาร. (๒๕๕๓). พ่อหลวงกับพระพุทธศาสนา. กรุงเทพมหานคร : บานาน่า สตูดิโอ จำกัด.
สำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ. คู่มือบทโทรทัศน์สารคดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร. กรุงเทพมหานคร.
 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
รางวัลสุนทรภู่กวีอาเซียน 2556รางวัลสุนทรภู่กวีอาเซียน 2556

รองรับพระธรรม น้อมนำถวายรองรับพระธรรม น้อมนำถวาย

หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ (ตอนที่ ๑๐)หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ (ตอนที่ ๑๐)



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ความรู้รอบตัว