คำสอนของแม่หลวง


[ 10 ส.ค. 2549 ] - [ 18274 ] LINE it!

 
 
เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ วันที่ 12 สิงหาคม อันเป็นวันแม่แห่งชาติ กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม จึงนำพระราชดำรัสที่พระราชทานแก่บุคคลในโอกาสต่างๆ ซึ่งรวบรวมมาจากเอกสารหลายฉบับมานำเสนอ เพื่อให้ประชาชนน้อมนำคำสอนไปปฏิบัติเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง ครอบครัวและประเทศชาติ ดังนี้

      "...ความเจริญทางด้านวัตถุ ทำให้โลกของเรามีความก้าวหน้าและสะดวกสบายขึ้นอย่างยิ่ง จึงต้องนับว่าความเจริญทางวัตถุนี้เป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญมากสำหรับชีวิต แต่ชีวิตของเรายังต้องการความเจริญอย่างอื่นด้วย คือความเจริญด้านจิตใจ ซึ่งสำคัญและจำเป็นไม่น้อยไปกว่าความเจริญทางวัตถุเลย..."
     (พระราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรการศึกษาวิชาพยาบาล วันที่ 31 ก.ค.2510)


      "...เวลา 50 ปีนั้น เป็นเวลาที่ยาวนานมากในชั่วชีวิตของแต่ละคน นานพอที่จะสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์ และคุณงามความดีได้มากมาย แต่ถ้าหากย้อนนึกไปถึงอายุของชาติไทย ซึ่งเป็นชาติที่เก่าแก่ สืบเผ่าพันธุ์มาช้านานนับพันปีด้วยแล้ว ก็จะเห็นได้ว่าบรรพบุรุษของเราได้สร้างสมสิ่งที่ดี ที่งาม ที่เป็นประโยชน์ไว้ให้แก่เราลูกหลาน และแม้แก่โลก สิ่งนี้ก็คือวัฒนธรรมของเรานั่นเอง ทุกคนจึงควรภูมิใจในเผ่าพันธุ์ไทย และวัฒนธรรมอันเก่าแก่ของเรา และสำนึกว่าเป็นหน้าที่โดยตรงที่จะรักษาให้ดำรงอยู่ได้ตลอดไป....คนไทยจัก ต้องพึ่งพาอาศัยกัน เอื้อเฟื้อเกื้อกูลกัน โดยเฉพาะผู้ที่มีการศึกษา มีสติ ปัญญา ความรู้ จะต้องแนะนำผู้ที่มีโอกาสได้ศึกษาน้อยกว่า ให้เข้าใจถึงประโยชน์ส่วนรวมนี้ด้วย....."
     (พระราชเสาวนีย์ในวโรกาสเสด็จฯงานฉลอง 50 ปีโรงเรียนสตรีวัดมหาพฤฒาราม วันที่ 1 มี.ค. 2511)


      "...ปัญญาเปรียบเสมือนแก้วอันมีค่าประจำตัว มนุษย์ที่สมบูรณ์ ปัญญาเกิดได้จากการฟังครูสอน ได้อ่านประกอบ แล้วนำมาคิดพิจารณาให้ถี่ถ้วน ตามคำพระท่านว่าปัญญาย่อมเกิดได้เพราะการฝึกฝน ผู้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แล้ว จะทำประโยชน์แก่สังคมได้ก็โดยใช้ปัญญาเพ่งพิจารณาว่าอะไรเป็นประโยชน์และ ไม่เป็นภัยแก่ตนเองและแก่สังคม.."
     (พระราโชวาทในพิธีพระราชทานประกาศนียบัตรผดุงครรภ์ วันที่ 15 ต.ค.2513)


"...มนุษย์เรานี้ควรจะมีการให้ต่อกันบ้าง อย่างน้อยก็เวลาสดับตรับฟังความทุกข์ของผู้อื่น ไม่ใช่จะงกๆ เงิ่นๆ ละโมบแต่หาความสุข กอบโกยหาโชคลาภสู่ตนเองโดยไม่นึกถึงผู้อื่น เมื่อเราไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือซึ่งกันและกันแล้ว เราจะมีความสุขได้อย่างไร โลกนี้ก็จะมีแต่ความแห้งแล้ง ไร้น้ำใจ จิตใจของคนก็จะพลอยโหดเ???้ยมไปด้วยความเห็นแก่ตัว และจะขาดความสงบสุขในที่สุด..."
     (พระราชดำรัสในวโรกาสเสด็จฯพระราชทานเข็มที่ระลึกแก่ผู้บริจาคโลหิตให้แก่สภากาชาดไทย วันที่ 20 ก.ย.2516)


"....ในการรวมตัวกันเพื่อทำงานต่างๆ นั้นย่อมจะมีปัญหาเกิดขึ้นบ้าง แต่ปัญหาใดๆ ก็ย่อมขจัดเสียได้โดยอาศัยความสามัคคีเป็นคุณธรรมที่จะร้อยรัดให้ทุกคนเป็น น้ำหนึ่งใจเดียวกัน ขอเพียงให้แต่ละคนไม่ยึดถือ "อัตตา" คือ ตัวตนของผู้หนึ่งผู้ใดเป็นส่วนใหญ่เท่านั้น..."
     (พระราชดำรัสในพิธีเปิดการประชุมใหญ่สามัญประจำปีสภาสตรีแห่งชาติฯ วันที่ 22 พ.ค. 2530)


จากสมุดบันทึกพระราชดำรัสพระราชทานฯที่จัดพิมพ์โดยธรรมสภาและสถาบันบันลือธรรม ได้แก่

ขอยกย่องชมเชยสตรีไทยที่สามารถแสวงหาวิชาความรู้ใหม่ๆ เพื่อให้ทันกับความเจริญทางเทคนิคของโลก แต่ขอร้องอย่าให้ละเลยต่อหน้าที่สำคัญที่เคยปฏิบัติกันมาแล้วในอดีตคือการ อบรมและสร้างพลเมืองที่ดีให้แก่ชาติ

การอนุรักษ์นั้น แม้เป็นสิ่งที่ดีมากที่ทุกประเทศมุ่งรักษาประโยชน์ระยะยาวของแผ่นดินและ ประชาชนก็ตาม แต่หากทำโดยไม่ระมัดระวังและโดยรอบคอบถี่ถ้วน บางทีก็อาจเป็นผลเสีย เช่น กลายเป็นการลิดรอนเสรีภาพ

ถ้าเราจะให้สภาพธรรมชาติกลับคืนมาเหมือนเดิม มีแม่น้ำ ลำธาร มีน้ำจืด ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดต่อชีวิตมนุษย์และการพัฒนาประเทศ พวกเราต้องเข้าใจและช่วยกันรักษาป่า เพื่อเราจะได้มีอนาคตและความหวังร่วมกัน

วรรณคดีก็ดี เพลงไทยก็ดี มันมีความสำคัญอย่างหนึ่ง มันแสดงให้เห็นว่าชาติของเรา หรือคนไทยเราได้มีวิวัฒนาการมาอย่างไร

ทุกวันนี้ที่เกิดความยุ่งยากก็เพราะคนละเลยต่อหน้าที่ของตน ทางแก้ก็คือต้องเตือนตัวให้สำนึกถึงหน้าที่และปฏิบัติหน้าที่ให้ครบถ้วน เที่ยงตรง คือตรงต่อภาระ ต่อตัวเอง ตรงต่อผู้อื่น ตรงต่อส่วนรวม ตรงต่อเหตุผล

ผู้สำคัญตนว่ามีความฉลาดสามารถเป็นเลิศอยู่เสมอนั้นมักพาตัวไม่รอด เพราะความสำคัญตนเช่นนั้นจะปิดบังโอกาสที่จะขวนขวาย หรือได้มาซึ่งปัญญาที่สูงขึ้นไป

ความเป็นบัณฑิตจะแสวงหาจากการเล่าเรียนวิทยาการชั้นสูงทางวัตถุเพียง อย่างเดียวไม่ได้ หากแต่จะต้องศึกษาและปฏิบัติในทางจิตใจ เพื่อให้เกิดความฉลาดรอบรู้อย่างแท้จริงด้วย

แม้คนสมัยนี้มักจะชอบพูดกันว่าอุดมคติกินเข้าไปไม่ได้ ก็ขอให้ทำความเข้าใจให้ถูกว่าคนเราไม่ได้เกิดมาเพื่อกินประการเดียว หากแต่เกิดมาเพื่อปฏิบัติประโยชน์สูงสุดในความเป็นมนุษย์

ช่วยกันสนับสนุนให้คนดีมีกำลังใจเพียรประกอบความดีให้มากยิ่งขึ้นไปอีก สามัคคีหันหน้าเข้าหากัน รวมแรงกันป้องกันต่อสู้บาปทุจริตและความเห็นผิดต่างๆ เพื่อแผ่นดินทองของไทยจักได้รอดพ้นจากภยันตรายทั้งปวง

พระราชดำรัสและพระราโชวาทของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถดัง "คำสอนของแม่" ข้างต้น ให้ข้อคิดกับทั้งแม่และลูก และคติสอนใจในการดำเนินชีวิตที่ดีว่าควรปฏิบัติเช่นไร โดยเฉพาะในวันแม่แห่งชาตินี้ พระองค์เคยพระราชทานคำขวัญไว้สำหรับคนเป็น "แม่" ว่า "หน้าที่ของผู้หญิงอันยิ่งใหญ่ ไม่มีใดเหนือกว่าหน้าที่แม่" และสำหรับผู้เป็น "ลูก" พระองค์ก็ได้พระราชทานคำสอนไว้ว่า "ให้ของขวัญวันแม่นับแต่นี้ โดยทำดีต่อพ่อแม่ก่อนแก่เฒ่า ให้ท่านได้ประจักษ์รักของเรา ดีกว่าเฝ้าทำบุญให้เมื่อวายชนม์"
 



Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
พิษน้ำเมาถล่มทั่วโลก ทำคนตาย ชม.ละ 2,100 คนพิษน้ำเมาถล่มทั่วโลก ทำคนตาย ชม.ละ 2,100 คน

"พเยาว์ พูลธรัตน์" ตายสงบ สิ้น "ฮีโร่''''โอลิมปิก"

ผวาผีสาวยาบ้า! นิมนต์พระ สวดไล่วิญญาณผวาผีสาวยาบ้า! นิมนต์พระ สวดไล่วิญญาณ



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

DMC NEWS