เมื่อเวลา 07.00 น.
วันที่ 13 ส.ค. ขณะที่ ร.ต.ท.ธีรภัทร์ แย้มกรานต์ ร้อยเวร
สภ.อ.เมืองอ่างทอง ปฏิบัติหน้าที่บนโรงพัก ได้มีนางอนงค์นาถ ขันธนะ อายุ
34 ปี เข้าไปขออนุญาตนำพระสี กนฺตธมฺโม พระ วัดช้าง อ.เมืองสุพรรณบุรี เข้าไปทำพิธีเรียกวิญญาณนางเบญจมาศ
กรุณาดวงจิต พี่สาว ที่ผูกคอตายในห้อง
ควบคุมระหว่างถูกดำเนินคดีในข้อหามียาบ้าไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
เมื่อกลางดึกวันที่ 9 ส.ค. ที่ผ่านมา
เนื่องจากได้รับแจ้งว่าวิญญาณนางเบญจมาศเฮี้ยน รบกวนผู้ต้องหาในห้องขัง
ร.ต.ท.ธีรภัทร์จึงรายงาน พ.ต.อ.ธวัชชัย ยิ่งเจริญสุข ผกก. ทราบ
ก่อนจะอนุญาตให้เข้าไปทำพิธีได้
จากนั้นพระสีนำเครื่องเซ่นไหว้ใส่กระทงกาบกล้วย
ดอกไม้ 1 กำ ไปตั้งไว้ในห้องขังหญิง บริเวณที่นางเบญจมาศผูกคอตาย
พร้อมจุดธูปเทียนปักไว้
แล้วออกไปยืนสวดเรียกวิญญาณที่หน้าห้องขังหญิงนานร่วม 20 นาที
จึงเสร็จพิธี แล้วนำเครื่องเซ่นไหว้
และดอกไม้ธูปเทียนส่งให้ญาตินำไปตั้งตามทางสามแพร่ง
อัญเชิญวิญญาณกลับวัดช้าง สถานที่ตั้งศพนางเบญจมาศ โดยระหว่างทำพิธี
ญาติๆนางเบญจมาศยืนอออยู่ที่หน้าห้องควบคุม ส่วนผู้ต้องขังที่มีอยู่ 5 คน
เป็นชาย 4 คน หญิง 1 คน ต่างจับตาดูพิธีกรรมอย่างใจจดจ่อ
พระสี
กนฺตธมฺโม กล่าวว่า วิญญาณผู้ตายแรง มากเพราะเป็นผีตายโหง
ที่แสดงความเฮี้ยนหลอกผู้คนเพราะวิญญาณออกจากที่คุมขังไม่ได้
เนื่องจากโรงพักเป็นที่เจ้าหลวง และมีตราครุฑที่สามารถล้างอาถรรพณ์
และข่มวิญญาณทุกชนิด หากไม่ทำพิธีเชิญออกมา ก็ไม่
สามารถออกมาเองหรือไปเกิดใหม่ได้ ต้องถูกจองจำในห้องขัง
จนกว่าจะดลบันดาลใจให้คนอื่นฆ่าตัวตายแทนที่ จึงจะไปเกิดใหม่ได้
แต่ก็ต้องเป็นบาปกรรมติดตัววิญญาณผู้ตายไปในภพหน้า
นายเกียรติศักดิ์
ผ่องกมล อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาในคดีพรากผู้เยาว์
เล่าถึงเหตุสยองที่เกิดขึ้นว่า เมื่อราวเที่ยงคืนวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา
ซึ่งเป็นคืนแรกหลังจาก นางเบญจมาศผูกคอตาย น.ส.ดา อายุ 19 ปี ชาวลาว
ผู้ต้องหาคดีหลบหนีเข้าเมือง ออกมานั่งตัวสั่นที่หน้าประตูห้องขังชาย
บอกว่า
ผีนางเบญจมาศส่งเสียงร้องสะอึกสะอื้นในห้องขังหญิงสลับกับเสียงคนอาบน้ำในห้องน้ำจนนอนไม่ได้
ตนกับผู้ต้องหาในห้องต่างก็ได้ยินเสียงดังกล่าว
ชะโงกมองเข้าไปกลับไม่เห็นใครแล้วเสียงก็เงียบลง
พอทุกคนเคลิ้มหลับเสียงสะอื้น และเสียงสาดน้ำก็ดังขึ้นอีกจนเช้า
ซึ่งเสียงชวนขวัญผวาได้เกิดขึ้นทุกคืนกระทั่งคืนที่ผ่านมา ด.ต.สมนึก นนทธิ
สิบเวรได้ยินกับหู เข้าไปดูแต่ไม่เห็นสิ่งผิดปกติ และได้แจ้งร้อยเวรทราบ
ส่วน ด.ต.สมนึก นนทธิ สิบเวรห้องควบคุม เล่าด้วยความขนพองสยองเกล้าว่า
เมื่อ 2 คืนแรกได้รับแจ้งเหตุจากผู้ต้องหา คิดว่าโกหก
เพราะมองจากทีวีวงจรปิดไม่พบอะไรผิดปกติ กระทั่งคืนที่ผ่านมา
ตนและผู้ต้องหาทุกคนได้ยินเสียงสะอื้นไห้สลับกับเสียงสาดน้ำ
และเสียงเคาะขันน้ำกับพื้นห้องดังลั่น เข้าไปตรวจสอบก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ
จึงรายงานให้ ร.ต.ท.ธีรภัทร์ ร้อยเวร เข้าไปตรวจสอบ เมื่อ
ร.ต.ท.ธีรภัทร์มาถึงหน้าห้องขัง เสียงปริศนาดังกล่าวก็เงียบลงทันควัน
แต่พอคล้อยหลังไปเสียงก็ดังขึ้นอีก
จนต้องอัญเชิญพระพุทธรูปจากหิ้งในโรงพักมาตั้งไว้ข้างโต๊ะสิบเวรเพื่อความอุ่นใจ
ด้าน
ร.ต.ท.ธีรภัทร์ แย้มกรานต์ ร้อยเวร กล่าวว่า
ได้รับแจ้งเหตุประหลาดดังกล่าวจาก ด.ต.สมนึก เมื่อราวตี 2
เข้าไปตรวจสอบพบผู้ต้องหานั่งจับกลุ่มรวมกันอยู่ที่หน้าห้องขังชายด้วยความหวาดผวา
อ้างว่าถูกวิญญาณนางเบญจมาศหลอกหลอน
แต่ตนไม่ได้ยินเสียงผิดปกติตามที่ทุกคนกล่าวอ้าง
หลังกลับไปห้องสอบสวนได้ไม่นาน ด.ต.สมนึกก็เข้าไปแจ้งว่ามีเสียงดังขึ้นอีก
เป็นเช่นนี้เกือบทั้งคืน จึงโทรศัพท์ไปปรึกษากับญาตินางเบญจมาศ
กระทั่งญาตินำพระมาขออนุญาตทำพิธีดังกล่าว
ขณะเดียวกัน
พ.ต.อ.ธวัชชัย ยิ่งเจริญสุข ผกก. สภ.อ.เมืองอ่างทอง กล่าวว่า
เรื่องที่เกิดขึ้นนับเป็นเรื่องแปลก ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร
อาจเป็นเพราะความกลัวของผู้ต้องหาจนเกิดอุปาทานหลอนไปเอง
อย่างไรก็ตามตนจะนิมนต์พระมาทำบุญเลี้ยงพระ
เพื่อเป็นสิริมงคลและเรียกขวัญผู้ประสบเหตุต่อไป
สำหรับนางเบญจมาศ
กรุณาดวงจิต ถูกตำรวจจับกุมพร้อมยาบ้า 196 เม็ด
ซ่อนอยู่ในโคมไฟภายในบ้านพักเลขที่ 71/8 หมู่บ้านชัยพฤกษ์ หมู่ 5
ต.บ้านอิฐ เมื่อเย็นวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากนายประดิษฐ์ ภิวงศ์
อายุ 42 ปี สามีผู้ตาย ทำอาชีพรับเหมาก่อสร้าง
ลักลอบค้ายาบ้าจนร่ำรวยแต่ปิดบังเมียมาตลอด
อ้างว่าเงินที่ได้มาเป็นเงินถูกหวย กระทั่งนายประดิษฐ์ถูกตำรวจ
บก.ภ.จ.สมุทรปราการ จับกุมตัว ก่อนจะเข้าค้นบ้านเจอยาบ้า
ทำให้นางเบญจมาศพลอยรับเคราะห์ถูกดำเนินคดีไปด้วย
ทำให้เครียดกลัวถูกยึดทรัพย์สินหมดตัว จนคิดสั้นผูกคอตายอย่างน่าอนาถใจ
ที่มาจากหนังสือพิมพ์