พระพุทธศาสนาไร้พรมแดน ตอนที่ 7


[ 28 ก.ค. 2550 ] - [ 18265 ] LINE it!

ผลการปฏิบัติธรรม 

พระธรรมทายาทนานาชาติ รุ่นที่ 5

พระปารัน  สุนทโร (ประเทศอินเดีย)
 
    ผมชื่อ พระปารัน สุนทโร อายุ 51 ปี จบการศึกษาปริญญาเอก สาขานิวเคลียร์ฟิสิกส์ จากสถาบันเทคโนโลยีประเทศอินเดีย ปัจจุบันมาทำงานอยู่ในองค์กรอิสระ โดยช่วยร่างข้อเสนอในการพัฒนาชุมชนให้แก่รัฐบาล
 
 ในระหว่างเรียน ผมได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือเล่มหนึ่ง ซึ่งเขียนโดย สะวามี่ วิเวขะนันดา ซึ่งเป็นนักบวชแบบโยคี ที่เชื่อว่า สมาธิทำให้โลกสงบสุขได้ คำว่า “ทำให้โลกสงบสุข” เป็นคำที่สะกิดสิ่งที่ฝังอยู่ในใจผมเป็นที่สุด ผมบอกกับตัวเองอยู่เสมอว่า “เราต้องเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นกับโลกนี้ให้ได้” 
 
ผมต้องการจะค้นหาตัวตนที่แท้จริงทางจิตวิญญาณ ดังนั้น จึงเริ่มใช้ชีวิตนักบวชแบบโยคี  รอนเร่ไปตามที่ต่างๆในอินเดีย เพื่อเสาะแสวงหาครูบาอาจารย์ ที่จะสอนให้ค้นพบสิ่งที่ได้ตั้งใจเอาไว้ จนกระทั่ง อยู่มาวันหนึ่ง เพื่อนที่เป็นชาวอินเดีย และเคยนับถือศาสนาฮินดู ต่อมาเปลี่ยนมาบวชเป็นพระในพระพุทธศาสนา เป็นเวลา 5ปีแล้ว ชื่อ พระธรรมเกียรติ เมืองอันดาเปรเดส บริเวณตอนใต้ของอินเดีย ท่านได้ส่งจดหมายบอกให้ผมทราบ ถึงโครงการบวชพระธรรมทายาทนานาชาติ ที่วัดพระธรรมกาย
 
    เมื่อได้รับข้อมูลของโครงการ ผมเกิดความสนใจที่จะได้มาเรียนรู้อย่างเต็มที่  ผมได้ตรวจสอบใน Website และได้เห็นข้อความของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ เกี่ยวกับการสร้างสันติสุขโลก ทำให้ผมรู้สึกว่า ถ้ามาที่นี่ ผมจะต้องได้ทำในสิ่งที่ผมอยากทำมาตลอด คือ การสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นแก่โลกได้จริงๆ 
 
    เมื่อมาถึงประเทศไทย เครื่องบินลงมาจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิ ผมจึงต่อรถมาลงที่รังสิต และเดินจากรังสิตมาที่วัดพระธรรมกาย ปกติที่อินเดีย ผมเดินในระยะทาง 10-15ก.ม. เป็นปกติอยู่แล้ว ประกอบกับผมเพิ่งมาถึงประเทศไทย จึงต้องการจะเห็นบ้านเมือง และผู้คน จึงเดินไปเรื่อยๆ จนมาถึงวัดพระธรรมกาย พอเห็นวัดครั้งแรก รู้สึกว่า เป็นวัดที่สะอาดมากๆ ไม่เคยมีวัดที่อินเดีย สะอาดอย่างนี้มาก่อนเลย ทุกอย่างที่นี่ดูเป็นระเบียบ เรียบร้อย โดยเฉพาะห้องน้ำ สะอาดมากๆเลยครับ
 
    เมื่อได้ดูพระเดชพระคุณหลวงพ่อใกล้ๆ พระเดชพระคุณหลวงพ่อหนุ่มมากๆ ผมประทับใจในมโนปณิธานของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ  ตั้งแต่อ่านประวัติของพระเดชพระคุณหลวงพ่อใน Website แล้วครับ
 
    ผมอยากพูดกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อ เรื่องการสร้างสันติสุขของโลกมากๆ ผมอยากช่วยพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ทำโปรแกรมสำเร็จรูป ที่จะทำให้คนทั่วโลกเข้าถึงความสุขภายในครับ 
 
    การมาบวชเป็นพระที่วัดพระธรรมกาย ผมมีความสุขมากๆ ชีวิตการเป็นพระสำหรับผมแล้ว ไม่ได้ลำบากแต่อย่างใดเลย เพราะผมใฝ่ฝันที่จะเป็นนักบวชมาโดยตลอด อีกทั้งผมเคยปฏิบัติตนแบบโยคี ซึ่งประพฤติพรหมจรรย์เช่นกัน ดังนั้น ผมจึงรู้สึกเป็นธรรมชาติมากๆ ในการมาบวชเป็นพระครั้งนี้
 
    ก่อนหน้านี้ ผมได้ฝึกสมาธิแบบโยคะมาหลาย 10 ปีแล้ว แต่ฝึกได้ประมาณครั้งละ 1 ช.ม. จนกระทั่ง ได้มาฝึกวิธีการนั่งสมาธิเพื่อเข้าถึงพระธรรมกาย ผมสามารถนั่งสมาธิติดต่อกันได้ถึง 7 ชั่วโมง และนั่งเนสัชฯ 4 คืนติดต่อกันได้อย่างสบายๆ เนื่องจากผมเป็นนักฟิสิกส์ ผมจึงมองทุกอย่างเป็นพลังงาน เพราะพลังงานจะไม่สูญหายไปไหน แต่จะแค่เปลี่ยนรูปไปตามสถานการณ์นั้นๆ   
 
    ดังนั้น ผลการปฏิบัติธรรมของผม จึงขออธิบายในแบบพลังงานนะครับ
 
    แรกเริ่ม ผมนั่งตั้งแต่เวลา 21 นาฬิกา มีเพื่อนพระภิกษุนั่งอยู่ด้วยกันหลายรูป ต่อมาทุกรูปก็ทยอยกันไปจำวัด ผมก็ทำสมาธิไปเรื่อยๆ ด้วยใจนิ่งๆ สบายๆ พอลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ตอนเที่ยงคืนครึ่ง ผมก็พบว่า ตัวเองอยู่ท่ามกลางห้องที่มืดมิดตามลำพัง ทุกคนไปจำวัดกันหมดเลย ผมรู้สึกว้าเหว่เล็กน้อย เพราะไม่มีเพื่อนภิกษุอยู่เลย พอมองไปด้านหน้า ผมก็ได้เห็นพระภิกษุรูปหนึ่ง ยังอยู่ในห้องนั้นเป็นเพื่อนกับผม นั่นคือ รูปของพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯครับ
 
    ผมจึงเริ่มรู้สึกอุ่นใจทันทีว่า มีเพื่อนแล้ว จึงนั่งสมาธิได้ต่อ พอทำใจนิ่งๆ สักพัก ผมมีความรู้สึกว่า ร่างกายหายไปหมด เหมือนเป็นการเดินทางด้วยความเร็วแสง แล้วร่างกายแยกออกเป็นส่วน เหลือแต่อะตอมใจที่เดินทางไป  ผมได้เห็นพลังงานที่สว่างจำนวนมหาศาลอยู่รอบๆตัว เหมือนกับว่าผมอยู่ท่ามกลางทะเลแห่งพลังงานที่สว่าง และกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ผมมีความสุขมากๆครับ ผมได้รับรู้ถึงความสุข และความปรารถนาดีอันไม่มีประมาณ และได้ส่งความปรารถนาดี ให้แก่คนทั้งโลกด้วยครับ
 
    ผมอยู่ในทะเลแห่งพลังงานจนถึง 4.15 นาฬิกา จึงตัดสินใจไปพักผ่อน เดินสวนกับเพื่อนสหธรรมิก ที่กำลังตื่นมานั่งสมาธิ ในเช้าวันใหม่พอดี ตลอดเวลาผมรู้สึกว่า สามารถจะเข้าไปสู่กลางทะเลแห่งพลังงานได้ลึกเข้าไปอีก และรู้สึกลึกๆว่า ตรงนี้คือหนทางแห่งพระนิพพาน แต่ผมยังไม่อยากที่จะเข้าในพลังงานนั้น เพราะยังไม่พร้อมที่จะรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับชีวิตของผม และรู้สึกว่าพลังงานนั้นมีมากเกินไปครับ
 
    หลังจากที่ผมได้สัมผัสความสุขนั้นแล้ว มันเป็นสันติสุขที่มีเสน่ห์ครับ เหมือนกับมีแม่เหล็กดูดคนรอบข้างเข้ามาหาผม ทุกคนอยากมาอยู่ใกล้ผม และผมก็มีความสุขมากๆ พร้อมกับอยากแบ่งปันความสุขนี้ ให้กับบุคคลอื่นด้วย
 
    พระเดชพระคุณหลวงพ่อครับ...ตอนนี้ผมรู้แล้วว่า ปรมาณูไม่ได้ทำให้เกิดสันติอย่างที่ใครๆเขาว่ากัน แต่สมาธิต่างหากที่ทำให้เกิดสันติภาพกับโลกอย่างแท้จริง ผมอยากจะไปตั้ง Meditation Center ใกล้ๆโรงงานนิวเคลียร์ครับ เพราะเมื่อผมได้พบกับสันติสุขในตัว ผมอยากส่งความรู้สึกนี้ไปให้ทุกคนรอบตัวทันที ถ้าทุกคนได้มาสัมผัสประสบการณ์อย่างผม ทุกคนก็จะรู้สึกเช่นเดียวกับผมครับ
    
พระอิงมาร์  โกวิโท (ประเทศเนเธอร์แลนด์)
 
    เริ่มต้นผมผ่อนคลายร่างกาย และทำความคิดของผมให้ช้าลง หลังจากที่จิตใจสงบลงแล้ว ผมก็นึกถึงดวงแก้ว แล้วก็เห็นองค์พระอยู่ในดวงแก้ว แต่ที่แปลกคือ หน้าขององค์พระเหมือนกับหน้าของผมที่มีใบหน้าอ่อนเยาว์กว่า และไม่ได้สวมแว่นตา และในกลางขององค์พระนั้นก็เห็นดวงแก้วอีกดวง และในดวงแก้วก็มีองค์พระที่เป็นหน้าผม สลับกันไปเรื่อยๆ ผมรู้สึกผ่อนคลายและสบายมากๆ ทุกอย่างสว่างไปหมด หลังจากนั้นทั้งดวงแก้วและองค์พระก็สว่างขึ้นเรื่อยๆ และก็สลับกันขึ้นมา เร็วมากขึ้น และผมก็เหมือนหลุดเข้าไปในอุโมงค์แห่งแสงสว่าง จนกระทั่งผมหลุดมาอยู่ในอวกาศ ที่แปลกคือร่างกายของผมเบาจนหายไปหมดและรู้สึกเป็นอวกาศ และผมก็เห็นดวงแก้วและแสงสว่างเต็มไปหมด
 

ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนว่า ผมอยู่ในทุกๆส่วนของจักรวาล ถ้าผมพุ่งความสนใจไปที่ดวงแก้วดวงใดดวงหนึ่ง ผมก็เข้าไปในอุโมงค์แล้วออกมาเจออวกาศอีก ถ้าผมอยากเห็นดวงแก้วทุกๆดวง ดวงเหล่านั้นก็จะมาเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ   ถึงจุดนี้ผมไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป ไม่เข้าใจว่า จะมองอวกาศไปเรื่อยๆหรือเข้าไปในแสงสว่างดีครับ

 
    ผมรู้สึกเหมือนมีพลังงานมหาศาลเพิ่มขึ้นสิบเท่า ร้อยเท่า ไหลวิ่งทั่วร่างกาย เหมือนเป็น Superman และภาพที่ผมเห็นก็ชัดเจนยิ่งกว่ามองดูด้วยตาเปล่า เหมือนกับดู TV ห่างจากหน้าจอแค่ 5 เซนติเมตร หรือมองที่ผิวหนัง แล้วเห็นตั้งแต่รูขุมขน ผิวหนังชั้นนอก ชั้นใน ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง โดยเห็นพร้อมกันในเวลาเดียวกัน  
 
    เวลาที่ผมเห็นองค์พระ ทำไม ผมสามารถเห็นองค์พระพร้อมๆกันได้ทุกๆมุม คือ ใบหน้า มือ เท้า แล้วผมก็รู้สึกกับองค์พระนั้นเอง เหมือนการรวมกันของความรู้สึก และความสามารถในการมองเห็น
 
    ทุกครั้งที่ผมหลับตาทำสมาธิ ผมรู้สึกเหมือนพักผ่อนอยู่ในที่ๆปลอดภัย สบาย โดยปราศจากความคิด ความกังวล เหมือนตัวลอยๆ เพื่อให้ศูนย์กลางกายตรงกับองค์พระที่ครอบตัวผมอยู่ และมีความสุขอย่างมาก  อยากให้ทุกๆคนมาสัมผัสและเห็นในสิ่งที่ผมเห็น เวลาที่ผมลืมตาผมก็จะเห็นองค์พระ เหมือนเห็นและรู้สึกในเวลาเดียวกัน ผมรู้สึกผ่อนคลายและสงบมาก รู้สึกเหมือนมีพลังอะไรสักอย่างปกป้องผมอยู่ ทุกครั้งที่นึกถึงพลังงานที่วิ่งไหลทั่วตัวทำให้ผมขนลุกไปหมด
 
    เมื่อก่อนผมเป็นคนที่ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ ต้องพิสูจน์ก่อน แต่ตอนนี้ผมไม่มีความสงสัยอะไรแล้ว ผมคิดว่า คำสอนของพระพุทธศาสนาพิสูจน์ได้ ถ้าคุณต้องการพิสูจน์ และมีความพยายามและอดทนเพียงพอ
 
พระวู  จันทาโภ  (ประเทศมาเลเซีย)
 
    วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม ผมได้ทำสมาธิตามเสียงของพระเดชพระคุณหลวงพ่อใน DMC โดยนึกถึงดวงแก้วไว้ที่ศูนย์กลางกาย ดวงแก้วก็ขยายและเปลี่ยนเป็นองค์พระสว่าง ในกลางองค์พระผมก็เห็นตัวเอง แต่ดูอายุน้อยกว่า 20 ปี ในกลางตัวผมเองผมก็เห็นองค์พระอีก และในกลางองค์พระก็มีตัวผมอีก เห็นอย่างนี้สลับไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเห็นภาพตัวเองในองค์พระ ซึ่งคราวนี้เป็นตัวผมเองเป็นพระ แล้วร่างกายก็เบาขึ้นๆ จนหายไปหมด จนเหลือเพียงความว่างเปล่า
 
ผมสัมผัสได้ถึงจิตใจของตัวเอง และยังคงเห็นภาพองค์พระที่มีตัวเองอยู่ไปเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุด เพียงแต่ภาพที่เห็นเหมือนเป็นการรับรู้ว่า จิตของผมอยู่ในองค์พระ จนกระทั่งในองค์พระเหมือนมีองค์พระที่ไม่สามารถนับจำนวนได้ มากมายมหาศาลอยู่ในองค์พระอีกที ผมก็นั่งต่อไปเหมือนกับเข้าไปในอุโมงค์เรื่อยๆ และรู้สึกสบายขึ้นเรื่อยๆ องค์พระที่อยู่ในองค์พระก็สว่างขึ้นๆ และก็เหมือนลอยไปในอวกาศที่อยู่ในกลางตัวท่าน ทีละองค์ๆ
 
หลังจากนั้น ก็มีองค์พระจำนวนมากลอยออกมาจากองค์พระองค์แรก แล้วองค์พระทั้งหมดก็มารวมกัน เป็นองค์พระองค์เดียวที่มีความสว่างยิ่งกว่าดวงอาทิตย์หลายๆดวงมารวมกัน รู้สึกว่า มีพลังงานมากมายมหาศาลอยู่ในตัว และทำให้รู้สึกว่าทุกๆอย่างเป็นไปได้หากมีพลังนี้ ผมรู้สึกสงบและมีความสุขมาก (Peaceful and calm) วันต่อมา เมื่อทำสมาธิต่อ ก็ทำตามวิธีเดิมเห็นองค์พระและได้เข้าไปในอุโมงค์ เพราะด้วยความอยากรู้ว่าอุโมงค์จะไปสิ้นสุดที่ไหน ก็รู้สึกเหมือนกับโลกยาวนานไม่มีที่สิ้นสุด แต่ตลอดทางก็มีความรู้สึกสงบ และรู้สึกพอเพียง คือไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว
 
    ขณะนี้ ก็เห็นองค์พระผุดขึ้นมาจากกลางตัวเหมือนใน DMC ซ้อนจากองค์เล็กขยายเป็นองค์ใหญ่ และในองค์พระก็มีจุดสว่างที่เหมือนจะเป็นทางเข้าไปอีก ผมนั่งสมาธิในตอนดึกหลังเลิกรอบค่ำเป็นเวลา 6 ชั่วโมงครึ่งมา 2 วันติดกันแล้ว แต่ไม่มีความรู้สึกเหนื่อย แถมยังดูสดชื่น กระปรี้กระเปร่า จำวัดคืนละครึ่งชั่วโมงเท่านั้นครับ
 
พระว่านซิง  วิสาโล (ประเทศสิงคโปร์)
 
ช่วงแรก ที่ขึ้นมาปฏิบัติธรรมที่สุขสันโดษ ผมได้สัมผัสบรรยากาศที่ร่มรื่นสวยงามมีอากาศที่เย็นสบาย ทำให้ใจผมเบิกบานอยากนั่งสมาธิ วันแรกๆก็เริ่มด้วยอารมณ์สบาย เมื่อใจสบายๆ ก็จะเห็นดวงแก้วและองค์พระ พอวันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม ในช่วงเช้าผมนั่งไปสักครู่ก็รู้สึกปวดหลัง และปวดขาแต่ก็ทนนั่ง หลังจากทำวัตรเช้าเสร็จแล้ว ผมจึงได้อธิษฐานต่อภาพพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำว่า ขอให้ลูกหายปวดหลังด้วยเถอะครับ 
 
พอช่วงบ่าย ผมก็นั่งแบบสบายๆทำใจนิ่งๆ ปรากฏว่า อาการปวดหายไปเลย เหลือแต่ความสบาย แล้วใจผมก็รวมไปที่ศูนย์กลางกาย ดวงแก้วข้างในศูนย์กลางกายของผมก็ขยายใหญ่ขนาดเท่าส้มโอ ในกลางดวงแก้วก็มีองค์พระธรรมกายขยายใหญ่ขึ้น ขนาดใหญ่ประมาณ 3 เท่าของตัวผม เห็นชัดขนาดเท่าตาเห็น และเห็นศูนย์กลางกายฐานที่ 7 ของพระเป็นศูนย์กลางกายฐานที่ 7 ของผมและในกลางองค์พระก็เห็นดวงแก้วสว่างมาก ผมจึงเข้าไปในความสว่างนั้น มีลักษณะเป็นท่อแก้วใส พอเข้าไปในท่อนั้น ก็เห็นตัวผมเองนั่งสมาธิในศูนย์กลางกายขององค์พระ
 
    ตอนนั้น ผมรู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วมากทั้งๆที่นั่งสมาธิเป็นเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง แต่ก็เหมือนนั่งสักห้านาทีได้ หลังจากออกจากสมาธิแล้วอาการเจ็บต่างๆของผมก็หายไปเลย
 
    ขอบพระคุณพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ที่ให้มีการบวชครั้งนี้ ผมรู้สึกปลื้มมาก ที่ทำให้ผมได้มีโอกาสนั่งสมาธิอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ และประสบการณ์การนั่งสมาธิของผมก็ดีขึ้นมาก


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
เหล่ากอสมณะที่นิวเจอร์ซี่เหล่ากอสมณะที่นิวเจอร์ซี่

เหล่ากอสมณะที่นิวเจอร์ซี่ ตอนที่2เหล่ากอสมณะที่นิวเจอร์ซี่ ตอนที่2

สาวใจบุญ ผู้ค้นพบความสุขภายในสาวใจบุญ ผู้ค้นพบความสุขภายใน



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ