ความมั่นใจสร้างได้

ความมั่นใจสร้างได้

ความมั่นใจถือเป็นคุณสมบัติที่สำคัญของคนที่จะประสบความสำเร็จ ซึ่งความมั่นใจนั้นเป็นส่วนผสมของความสามารถกับความภาคภูมิใจในตนเอง และเป็นเรื่องที่ฝึกฝนกันได้

เรื่อง : พระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ (สมชาย ฐานวุฑฺโฒ)

จากรายการทันโลกทันธรรม ออกอากาศทางช่อง GBN

สาเหตุที่ไม่มั่นใจในตนเองมีอะไรบ้าง?

มี 5 สาเหตุ ได้แก่ 1.ถูกช่วยเหลือและโอบอุ้มมาตั้งแต่เด็ก พ่อแม่เลี้ยงมาอย่างทะนุถนอมไม่เคยให้แก้ปัญหาด้วยตนเอง ทำให้เด็กไม่มีประสบการณ์ที่จะแก้ปัญหาด้วยตนเอง เวลามาเจอปัญหาจริงในชีวิตแก้ไม่ได้ก็เกิดความไม่มั่นใจขึ้น

2.ประสบการณ์ที่ไม่ดีในวัยเด็ก บางคนอาจถูกเลี้ยงดูมาด้วยความรุนแรงพ่อแม่มีการทำร้ายลูกทำให้ลูกเกิดความกลัวขึ้นมาหรือการดุด่าว่ากล่าวเวลาเด็กแสดงความคิดเห็นหรือเวลาเด็กทำอะไรก็จะถูกพ่อแม่ดุแรงๆ ทำให้เด็กกลัวไม่กล้าแสดงความคิดเห็นไม่กล้าแสดงออก ควรจะพูดจาดีๆต้องสอนไม่ใช่ดุ

3.ความเชื่อผิดๆ บางคนเชื่อในคำกล่าวที่ว่า ทำดีอย่าทำเด่นไม่งั้นจะเป็นภัย ทำให้บางคนตีความว่าไม่กล้าที่จะทำเด่นเกินเพื่อนๆ เพราะกลัวจะโดนเพื่อนล้อว่า ทำเพื่อประจบคุณครู หรือประจบเจ้านาย เป็นต้น ทำให้บางครั้งเวลาทำงานแล้วทำให้คนคนนั้นไม่กล้าแสดงความคิดเห็น ความคิดริเริ่มตัวเองออกมา

4.บางคนตั้งมาตรฐานตัวเองไว้สูง เมื่อถึงเวลาไม่สามารถทำได้ตามมาตรฐานที่ตั้งไว้ทำให้เกิดความผิดหวัง เสียใจ คิดว่าไม่มีความรู้ความสามารถที่จะประสบความสำเร็จ รู้สึกว่าด้อยค่า ทำให้ขาดความมั่นใจ

5.มองเห็นข้อไม่ดีของตนเอง และคอยตำหนิตนเอง กังวลกับจุดด้อยของตนเองทำให้รู้สึกขาดความมั่นใจ เพราะไปกังวลต่อสิ่งเหล่านี้ เนื่องจากทุกคนมีจุดด้อยกันทั้งนั้น ต้องมองข้ามจุดด้อยของตนเองไป

เทคนิคการสร้างความมั่นใจต้องทำอย่างไรบ้าง?

1.ต้องปลูกฝังทัศนคติที่ดีกับตนเอง กำจัดความคิดเชิงลบ พยายามคิดบวกอยู่ตลอดเวลาว่าเราก็มีดีเหมือนกัน มีอะไรที่สามารถโชว์ให้คนอื่นได้ ถ้าเราสามารถกำจัดทัศนคติที่ไม่ดีกับตัวเองออกไป ความมั่นใจจะกลับมาเอง

ต้องมองตัวเองในแง่ดีรวมทั้งต้องมองคนอื่นในแง่ดีด้วย ทำไมต้องมองคนอื่นในแง่ดี เพราะคนเราใช้ทัศนคติหรือมุมมองชุดเดียวกัน ในการมองคนอื่นแค่มองตัวเองถ้ายังมัวแต่จับผิดคนอื่น ก็จะจับผิดตนเองบ่อยๆ

2. ฝึกบอกตัวเองในกระจกแล้วก็ยิ้มให้กับตัวเอง เพราะมีงานวิจัยหลายชิ้น เกี่ยวกับทฤษฎีทางจิตวิทยา ซึ่งทฤษฎีนี้บอกว่าถ้าเราแสดงออกทางสีหน้า จะสามารถกระตุ้นให้สมองรับรู้อารมณ์ การตีความของทฤษฎีนี้คือ ถ้าเรามองตัวเองในกระจกแล้วยิ้มให้กับตัวเองในกระจก จะทำให้เรามีความรู้สึกว่าเรามีความสุขมากขึ้น และถ้าเราสร้างความสุขให้เราอย่างนั้นบ่อยๆ ก็จะสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง ในขณะเดียวกันเป็นการยอมรับภาพลักษณ์ของตนเอง เพราะเมื่อเรามองตัวเองในกระจก เราก็จะรู้สึกว่าเรามีคุณค่ายอมรับในสิ่งที่เราเป็นจริงๆ

3. พยายามแก้ไขจุดด้อย ทุกคนมีข้อด้อยทั้งนั้นมีทั้งที่แก้ไขได้และแก้ไขไม่ได้ ซึ่งควรเริ่มจากข้อด้อย ที่เราสามารถแก้ไขได้ง่ายก่อนเพื่อเป็นการสร้างกำลังใจว่าเราทำได้ และเมื่อกำจัดข้อด้อยไปทีละข้อ ควรบันทึกความสำเร็จเพื่อความภาคภูมิใจว่า เราทำได้ แล้วค่อยแก้ไขสิ่งที่ยากขึ้น

4.ทำความคุ้นเคยกับความกลัว ต้องค้นหาตัวเองว่ากลัวในเรื่องอะไรให้ยอมรับแล้วเอาชนะสิ่งนั้น เมื่อจะทำอะไรที่ไม่เคยทำอาจจะเกิดความกลัว กลัวว่าจะทำไม่ได้กลัวว่าจะล้มเหลว แต่ถ้าเอาชนะความกลัวไปได้ แล้วก้าวไปอย่างมั่นใจ เมื่อประสบความสำเร็จจะยิ้มให้กับตัวเองว่าเราเป็นคนหนึ่งที่ทำได้ วิธีนี้เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับตนเอง

5.หยุดเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่น หากไปเปรียบเทียบกับคนที่ดีกว่า ฐานะดีกว่า เก่งกว่าจะทำให้รู้สึกขาดความมั่นใจเพราะมีคนเก่งกว่าเยอะ โดยในเฉพาะปัจจุบันในโซเชียลมีเดีย แต่ละคนก็จะโพสต์แต่สิ่งที่ดีๆ ของตนเอง เช่นมีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน หรือได้อะไรดีๆ ในชีวิต แต่จะไม่โพสต์สิ่งที่ไม่ดี แต่ละคนมีจุด ดีจุดด้อยไม่เหมือนกัน หากเอาจุดด้อยของตัวเองไปเทียบกับจุดดีของคนอื่น ยิ่งสูญเสียความมั่นใจ พัฒนาจากจุดดีของเราดีกว่า

6.ต้องดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ เพราะหากป่วยจะอิดโรย ไม่มีความมั่นใจในการทำหน้าที่การงาน นอกจากนั้นบุคลิกภาพเสื้อผ้าหน้าผมต้องดูแลให้เรียบร้อย ภาพลักษณ์ภายนอกก็ต้องดูแลให้ดีด้วย

7.สร้างจุดสมดุลของความมั่นใจ บางคนมีความเชื่อมั่นมากเกินไป ทำให้ไม่รับฟังความคิดเห็นของคนอื่น มีหลายคนที่ประสบความล้มเหลวเพราะมั่นใจในตัวเองมากเกินไป จนละเลยที่จะวิเคราะห์สถานการณ์อย่างรอบคอบ ละเลยที่จะฟังความคิดเห็นของคนรอบข้าง รู้สึกว่าตัวเองเก่งตัวเองตัดสินใจถูก ทำให้สิ่งที่ตัดสินใจนั้นผิดพลาด ดังนั้นจะต้องมีความมั่นใจในระดับพอดีไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป

ทันธรรม...โดยพระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ

ทุกคนอยากประสบความสำเร็จในชีวิต และเป็นคนที่ดูดี หลายคนยอมเสียงเงิน ยอมเจ็บตัวทำศัลยกรรม ซึ่งอาจออกมาไม่ดีอย่างที่คิดกลายเป็นเสียโฉมไปก็มี แต่มีวิธีการหนึ่งที่ได้ผล ไม่ต้องเสียเงิน แถมจะได้เงินด้วย เพราะประสบความสำเร็จในชีวิตก้าวหน้าเงินทองไหลมาเทมา คือการสร้างความเชื่อมั่นในตนเอง แม้คนหน้าตาเหมือนเดิม เพียงแต่งตัวเรียบร้อยและมีความเชื่อมั่นตนเองมีความองอาจ มีความมั่นใจตาเป็นประกายพูดคุยกับใครก็สบตาได้แบบสนิท มีรอยยิ้มบนใบหน้า ดูแล้วมีความเชื่อมั่น ดูดีโดยไม่ต้องพึ่งมีดหมอ ซึ่งผลการวิจัยออกมาว่า เป็นคนที่มีโอกาสประสบความสำเร็จในชีวิตสูง แล้วจะสร้างความเชื่อมั่นได้อย่างไร

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ตรัส “เวสารัชชกรณธรรม” ธรรมะที่ทำให้เกิดความกล้าหาญ มีความเชื่อมั่นและมีความกล้าหาญที่จะทำสิ่งต่างๆได้ มีทั้งหมด 5 ข้อ ซึ่งหากเอาตามหลักพระพุทธเจ้าแล้วมั่นใจได้ว่าครบถ้วนและสมบูรณ์ได้ผลแน่นอน ประกอบด้วย

1.ศรัทธา คือมีความเชื่อมั่นจากสิ่งที่ทำ มีทัศนคติที่ถูกต้อง เชื่อมั่นว่าสิ่งที่ทำเป็นสิ่งที่ถูกต้องดีงาม เมื่อจะทำอะไรก็ตาม ต้องมีความเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำก่อนว่า สิ่งนี้ถูกต้องชอบธรรม เป็นสิ่งที่ใช่ ตรงกับที่รัก อยากทำและเป็นสิ่งที่ตอบสนองต่อโลกได้ จึงเป็นคำตอบว่า ทำไม Bill Gates เรียน Haward ไม่จบแล้วกล้าลาออกมาทำบริษัท Microsoft เพราะ Bill Gates มีศรัทธารู้ว่าสิ่งที่ต้องการทำคือสร้างบริษัทซอฟต์แวร์ โดยเขาคิดว่าต่อไปซอฟต์แวร์จะเปลี่ยนโลก สุดท้ายก็ประสบความสำเร็จกลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก เพราะฉะนั้นจะทำอะไรก็ตาม ต้องไตร่ตรองใคร่ครวญให้ดี จนกระทั่งเกิดศรัทธาแน่วแน่ว่าสิ่งที่ทำ และเป็นทางที่เดินถูกต้องชอบธรรม

2. ศีล เอาศีล 5 เป็นพื้นฐาน โบราณกล่าวว่า วัวสันหลังหวะ แค่อีกาบินผ่านก็เสียวสันหลังกลัวจะลงมาจิก แค่บินผ่านแต่บินผ่านทีวัวก็เสียวหลังที คนเราเหมือนกัน ถ้าหากไปทำอะไรผิดพลาดเข้ากลายเป็นวัวสันหลังหวะ คุยกับใคร พอเขาพูดเรื่องจริงโดยไม่ได้คิดอะไร เจ้าตัวเสียวไปเองว่า สงสัยจะรู้หรือเปล่าว่าเราไปทำผิดอย่างนั้นเข้า เพราะฉะนั้นจะทำอะไรก็ตาม ให้ยืนบนศีล ธรรม รักษาศีล 5 ให้ดี ให้มือไม่มีแผลไม่กลัวยาพิษ ฝ่ามือถ้าไม่มีแผล เอายาพิษมาโรยไม่กลัว ไปไหนก็องอาจทระนง มั่นใจเพราะไม่มีจุดอ่อนที่กลัวว่าคนอื่นจะรู้จะเห็น

3. พาหุสัจจะ ได้แก่ มีความรู้มากในสิ่งที่ทำ ต้องศึกษาเรียนรู้ เพราะรู้มากจะทำให้มั่นใจ เป็นนักเรียนถ้ามีความรู้ เดินเข้าห้องสอบได้อย่างมั่นใจ เพราะเราเองอ่านหนังสือมาอย่างดีเตรียมตัวมาอย่างดี รู้เนื้อหาที่จะทำอย่างดี จะทำอะไรด้วยความองอาจและมั่นใจ ดังนั้นจะทำอะไรก็ตาม ต้องมีการเตรียมตัวอย่างดี ให้มีความรู้แตกฉานในสิ่งที่จะทำและฝึกจนกระทั่งแคล่วคล่องชำนาญ

4. วิริยารัมภะ แปลว่า ความเพียร คนขยันจะเชื่อมั่นเราดูในที่ทำงานของเราก็ได้ คนที่ขยันรับผิดชอบทำงานทุกอย่าง มีน้ำใจช่วยเหลือคนอื่นที่ยังทำไม่เสร็จ จะมองหน้าใครจะสบตาใครจะองอาจ เจอหัวหน้าก็องอาจ เพราะมั่นใจในคุณค่าตัวเอง ความเพียรจะทำให้เกิดความเชื่อมั่น หากอยากเสริมความเชื่อมั่นตัวเอง ให้ขยันทุ่มเททำงานเอาจริงเอาจัง ทำเกินกว่างานในหน้าที่ และดูแลงานบ้านอย่างดี ใช้เวลาในแต่ละวันอย่างคุ้มค่า มีเวลาก็ฝึกฝนหาความรู้เพิ่มเติม ฝึกทุกอย่างเต็มที่ใช้เวลาอย่างคุ้มค่า จะทำให้เป็นคนเชื่อมั่นในตัวเอง

5.ปัญญา คือไตร่ตรองสถานการณ์ พยากรณ์อนาคตได้ ใคร่ครวญอย่างดี ว่าควรจะไปในทิศทางใด มีอะไรต้องระมัดระวัง เมื่อมีปัญญาจึงสามารถเดินไปได้อย่างสุขุมรอบคอบ และปลอดภัย คนไหนที่มีปัญญามองสถานการณ์รอบด้านได้อย่างรอบคอบรัดกุม คนนั้นจะมีความเชื่อมั่นและก้าวไปข้างหน้าอย่างองอาจ แม้เป็นองค์กรก็จะเป็นองค์กรที่ก้าวไปข้างหน้าอย่างองอาจ เพราะมีวิสัยทัศน์มีเข็มทิศเป็นตัวกำกับทิศทางการเดิน ซึ่งนอกจากงานที่ทำก็ต้องศึกษาหาความรู้ในเรื่องความเป็นไปของโลกให้เห็นความเป็นไปแล้วก็รู้จักคิดวิเคราะห์ด้วย ต้องหมั่นนั่งสมาธิเป็นประจำทุกวันให้ใจนิ่ง ปัญญาจะเกิดขึ้นมาจากภายใน จะวิเคราะห์ได้อย่างลึกซึ้ง เห็นสิ่งต่างๆไปตามความเป็นจริง

เมื่อฝึก ศรัทธา (ความเชื่อมั่น), ศีล , พาหุสัจจะ (ความรู้), วิริยารัมภะ (ความเพียร) และปัญญา (การไตร่ตรอง) 5 ข้อ ตามหลักของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะกลายเป็นคนที่เชื่อมั่นในตนเอง และประสบความสุข ความสำเร็จความสำเร็จในชีวิตอย่างแน่นอน

รับชมคลิปวิดีโอ ความมั่นใจสร้างได้ : ทันโลกทันธรรม