ลงทุนกับประสบการณ์


[ 4 มิ.ย. 2562 ] - [ 18258 ] LINE it!

ลงทุนกับประสบการณ์
  เราสามารถลงทุนกับประสบการณ์ได้ ผู้ที่ยังเป็นนักเรียนนักศึกษา หรือจบมาใหม่ๆ ก็สามารถลงทุนได้

เรื่อง : พระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ (สมชาย ฐานวุฑฺโฒ)
จากรายการทันโลกทันธรรม ออกอากาศทางช่อง GBN
 
 
การลงทุนกับประสบการณ์ มีประโยชน์อย่างไรบ้าง?
 
          ในปัจจุบันนี้ จะมองการลงทุนกับสิ่งของมาก่อน เมื่อถึงเวลามักจะจัดสรรทรัพยากร หรือเงินทองที่มีอยู่ไปเพื่อสิ่งของก่อน แต่การลงทุนกับประสบการณ์ดีกว่าสิ่งของ คือ 
 

          1.สิ่งของเป็นสิ่งที่ไม่ได้เชื่อมกับเราโดยตรง ใช้แล้วก็เสียแล้วต้องทิ้งไป แต่ประสบการณ์จะเชื่อมและหลอมเป็นส่วนหนึ่งของตัวเรา แม้เป็นประสบการณ์ช่วงสั้นๆก็ตาม ในที่สุดจะพัฒนากลายเป็นอัตลักษณ์ของเราเอง 
 
          2.สิ่งของอะไรก็ตามเมื่อได้มาแล้ว จะกระตุ้นให้เกิดการอยากได้สิ่งอื่นเพิ่มขึ้นมา  

 
          3.การได้สิ่งของมาจะนำไปสู่วัตถุนิยม คือเกิดการเปรียบเทียบ เช่น เรามีรุ่นนี้ เพื่อนมีอีกรุ่นหนึ่งก็อยากจะไปใช้ของเพื่อน เพราะทันสมัยกว่า มีฟังก์ชั่นเยอะกว่า ใช้ได้มากกว่าเขียนบนจอได้ จึงขายอันนี้ทิ้งแล้วไปซื้ออันใหม่ดีกว่า และความตื่นตาตื่นใจจะหายไปทันทีที่ เราได้รับไม่ถึง 1 สัปดาห์ จะกลายเป็นของเก่าไป เพราะมีรุ่นใหม่มา

 
          ประสบการณ์จะเชื่อมกับชีวิตของเราแล้วไปพัฒนาตัวตนของเรา ให้กลายเป็นเอกลักษณ์ อัตลักษณ์ประจำตัวเรา ขึ้นมาได้ เพราะว่ามนุษย์เราหล่อหลอมจากประสบการณ์ รวมทั้งทำให้มีศักยภาพมากขึ้น เป็นคนที่ประสบความสำเร็จมีความมั่งคั่ง และความสุขได้ง่ายขึ้น 
 
จะหาประสบการณ์เพิ่มขึ้นอย่างไร?
 
          สำหรับคนที่ไม่ว่าจะเรียนหนังสืออยู่ กำลังศึกษาอยู่ หรือเพิ่งจะเข้าไปทำงานใหม่ก็ตามสิ่งแรกจะเพิ่มพูนประสบการณ์ได้เป็นอย่างดีคือ

 
          1.งานพาร์ทไทม์ หรือการทำงานพิเศษ ที่จะทำให้มี 1.รายได้เพิ่มขึ้น ความรับผิดชอบเพิ่มขึ้น และได้เรียนรู้ทักษะในการไปใช้กับการประกอบธุรกิจ งานพาร์ทไทม์เป็นทั้งงานที่เป็นนายของตนเอง เช่น การทำออนไลน์ต่างๆ หรือการทำธุรกิจพาร์ทไทม์ คนที่ทำงานพาร์ทไทม์จะได้เปรียบกว่าคนอื่นโดยเฉพาะถ้ายังเป็นนักศึกษาอยู่ พอจบมาแล้วจะเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ทันที จะไม่เหมือนกับคนที่เพิ่งจบใหม่ไม่มีประสบการณ์อะไร
 
 
          2.การอ่าน การอ่านเป็นการสร้างความรู้ที่อยู่นอกจากตำราเรียน เพราะหากดูแต่ตำราเรียนแล้ว จะมีกรอบที่ตัน การอ่านเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้น วิธีอ่านให้อ่านแบบสืบค้น ให้ใช้คำในการสืบ แล้วค้นที่ลึกลงไปเรื่อยๆ เรียกว่า  KeyWord แล้วต่อกันไปเป็น 10 คำก็ได้ ก็จะจำกัดสิ่งที่อยากรู้อยากศึกษา จะศึกษาตรงนั้นลึกเข้าไป การอ่านแบบสืบค้นเป็นการปูพื้นความรู้ เพราะหากอยากจะรู้ลึกต้องไปซื้อหนังสืออ่าน โดยเฉพาะหนังสือจากต่างประเทศที่เป็นภาษาอังกฤษ จะรวบรวมความรู้ที่ผ่านการศึกษาวิจัยซึ่งบางคนทำทั้งชีวิต บางคนศึกษาวิจัยและบางคนไปเก็บรวบรวมความรู้จากผู้อื่นแล้วเขียนออกมาเป็นหนังสือ เพราะฉะนั้นหนังสือมีคุณค่ามหาศาล เรียกว่า english literature หากใครพูดไม่ได้อย่างน้อยอ่านได้ก็ยังดี ในปัจจุบันก็ง่ายในการอ่านหนังสือมีแอพที่ใช้อ่านหนังสือของอเมซอนเป็นหนังสือดิจิตอลซึ่งราคาถูกพอโหลดเสร็จก็อ่านได้เลย 
 
ในการเรียนการอ่านได้ความรู้ดีกว่าการฟัง เพราะหากไม่เข้าใจก็สามารถย้อนกลับไปอ่านใหม่ได้ แต่ฟังแล้วผ่านแล้วผ่านเลย ความลึกซึ้งมันไม่เหมือนกันใช่หรือไม่?

 
          ใช่ถัดไปคือการดูสื่อ การดูสื่อมีให้ดูเยอะมากมายแต่ ควรเลือกดูสารคดีที่เป็นความรู้ไม่ว่าจะเป็น History Channel, Discovery ต่างๆ เหล่านี้ หากเป็นความรู้ในเรื่องของความรู้ที่มีคนพรีเซนต์ให้ฟัง หรือสรุปมาให้ฟัง เช่น TED Talk ซึ่งแบ่งเป็นหมวดหมู่ ทั้งเรื่องการแพทย์ แรงบันดาลใจ ในภาษาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการอ่าน หรือการดูสื่อ ประเด็นสำคัญอยู่ที่การเลือกสื่อ สื่อที่มีมาตรฐาน เป็นสื่อที่สามารถทำให้มีประสบการณ์ใหม่ๆ หรือความรู้ใหม่ๆเพิ่มขึ้นในเชิงบวกได้นั้น เป็นเรื่องที่ดีมาก 

 
          การพูดคุยกับผู้ที่มีประสบการณ์ หมายถึง ผู้ที่ผ่านงานมา ทำงานมามาก และมีประสบการณ์มากกว่าเรา เพราะจะได้ไอเดียได้ความคิดรวบยอดบางทีเขาใช้เวลามา 10 ปี บางคนใช้เวลามาทั้งชีวิต สรุปมาเป็น 2-3 ประโยคทำให้ย่นระยะเวลาความสำเร็จของตัวเอง

 
          การเข้ากิจกรรม เช่นไปเล่นกีฬา ฟุตบอล กลุ่มโรตารี่ กลุ่มสภาสตรี ปีนเขา ปั่นจักรยานต่างๆ เป็นการเข้ากิจกรรมทำให้ได้ประสบการณ์ที่หลากหลาย เกิดการแบ่งปันต่างๆและเกี่ยวข้องกับการเข้าสังคมต่างๆอีกด้วย ซึ่งมีความสำคัญอย่างมาก ในเวลาที่ต้องการจะทำอะไรแล้วมีคนพยายามมาช่วย ใช้เครือข่ายช่วยเหลือ เช่นเพื่อนเรียนรุ่นเดียวกัน ซึ่งปัจจุบันมีทั้งคอสมินิเอ็มบีเอ ไปจนถึง วปอ. เป็นต้น

 
          การเข้าฝึกงาน ทำให้ได้สัมผัส ได้ดูวิธีการ การทำงาน กับคนที่หลากหลายคุณวุฒิวัยวุฒิ จำเป็นจะต้องเรียนรู้อะไรเพิ่มเติม อย่าไปหวังว่าจะทำงานเป็น แต่เป็นการเข้าไปสังเกตการณ์ ทำให้ได้รู้ว่าจะต้องไปเพิ่มเติมอะไรบ้าง

 
          การท่องเที่ยว เพราะการเดินทางคือการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ตั้งแต่เริ่มต้นของการเดินทาง เป้าหมายอาจไม่ใช่ส่วนสำคัญ  แต่ระหว่างทางที่ได้เดินไปนั้นได้สัมผัสกับประสบการณ์อะไรบ้าง แล้วได้สังเกตตัวเองแค่ไหน ไม่จำเป็นต้องมองไปที่เป้าหมายปลายทางการเดินทางแต่เพียงอย่างเดียว แต่จุดเริ่มต้นที่ก้าวเดินทาง ตลอดเส้นทางสามารถเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่หลากหลาย แล้วความสัมพันธ์ระหว่างผู้คน การเฝ้ามองต่างๆที่ผ่านมาตลอดเส้นทางของการเดินทางนั้นล้วนมีค่า หากมีทัศนคติที่ดีต่อการเดินทางต่อผู้ร่วมเดินทาง และต่อบุคคล สิ่งแวดล้อม สิ่งของต่างๆ คือ คนสัตว์ สิ่งของ ที่พบปะเจอเจอล้วนช่วยส่งเสริมบุคลิกภาพของเรา มหาเศรษฐีแจ็คหม่าก็มีประสบการณ์จากการเดินทางไปเที่ยว ไปเที่ยวลูกค้าคนหนึ่งของเขา ไปเยี่ยมลูกค้าคนหนึ่งของเขาแล้วก็นั่นแหละครับ เป็นจุดที่ทำให้เขามีประสบการณ์เรื่องขึ้นแล้วก็กลับมามุมมองด้านธุรกิจเขาก็เปลี่ยน
 
ทันธรรม...โดย พระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ
 

          หากพอจะกันเงินได้ส่วนหนึ่ง จะใช้ทำอะไรระหว่างซื้อของกับลงทุนกับประสบการณ์เปรียบเทียบ 2 อย่างคือ 1.เพื่อตัวเองจะใช้เงินที่มีก้อนนี้เพื่ออะไรไปซื้อของ ซื้อสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ หรือผ่อนรถ ซื้อรถคันใหม่ หรือช็อปออนไลน์ 2.เพื่อการหาประสบการณ์อย่างอื่น มีการวิจัยและพบว่าการลงทุนไปกับประสบการณ์ ให้ประโยชน์มากกว่า การลงทุนกับการซื้อของเพื่อตอบสนองสิ่งที่อยากได้ พบว่า ความสุขเกิดขึ้นมาเดี๋ยวเดียว หรือบางทีเจอของที่ว่าชอบ แต่เมื่อคนอื่นมีของที่ดีกว่า รุ่นดีกว่า แพงกว่าหรูกว่า กลับทุกข์ เพราะรู้สึกว่าสู้เขาไม่ได้ ลงทุนกับการซื้อของมีข้อจำกัดและมีข้อเสียตามมา ไม่ได้ให้ความสุขที่แท้จริง 

 
          หากจะใช้เงินทองเพื่อข้าวของ ให้เอาปัจจัย 4 เป็นหลัก สิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิต พื้นฐาน เสื้อผ้าที่สุภาพเรียบร้อยจำเป็นจะต้องใช้ในการทำงาน การเรียนหนังสือ ที่อยู่อาศัย ข้าวปลาอาหาร ถูกสุขลักษณะ ป่วยไข้ไม่สบายมียารักษาโรค สิ่งที่จำเป็นเหล่านี้ให้มีเพราะจำเป็น แต่นอกเหนือจากนั้น เป็นของส่วนเกิน 

 
          ในการลงทุนกับประสบการณ์ มีหลายรูปแบบ เช่น ไปเที่ยว เล่นกีฬา ออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรง หรือการไปชายทะเล การไปป่าไปเขาอุทยาน หรือไปชมเมืองโบราณ ไปที่ไหนก็แล้วแต่ ดูสถานที่น่าสนใจ หรือลงทุนกับประสบการณ์แบบใหม่ ที่ได้ความรู้ด้วย เช่น เข้าคอร์สฝึกโปรแกรมต่างๆ เพราะเทคโนโลยีไอทีพัฒนาเร็วมาก นับวันจะส่งผลกับชีวิตมากขึ้น ส่งผลกับการทำงานมากขึ้น ถ้ารู้แล้วได้ประโยชน์ ลงทุนเลย เสาร์-อาทิตย์ไปเรียน จะได้มีความรู้เพิ่มขึ้นๆ แล้วสิ่งเหล่านี้จะติดตัวตลอดชีวิต 

 
          ถ้าสะสมเงินได้จำนวนมากพอ อาจจะไปหาประสบการณ์ไปเที่ยวต่างประเทศ แต่อย่าไปผูกกับของ เพราะคนยุคนี้ จะให้น้ำหนักกับวัตถุค่อนข้างเยอะ เช่น เที่ยวผ่านเลนส์กล้องถ่ายรูป ใช้สมาร์ทโฟนถ่ายรูป ไปถึงถือว่าถ่ายรูปโอเคแล้วเพื่อจะเอาไปโพสต์อวดกันใน Facebook ในโซเชียลมีเดียต่างๆ อย่าไปสนใจเรื่องพวกนี้มากนัก เพราะไม่ค่อยได้เกิดประโยชน์ เป็นการตอบสนองกิเลสในตัวเราเท่านั้นเอง ถ้าต้องการความสุขจริงๆต้องการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้ได้จริงๆ เรื่องถ่ายรูปเป็นเรื่องรอง ไปถึงที่ไหนก็สังเกตให้ดี ดูรายละเอียดเขามีตัวหนังสือบรรยายเขียนไว้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการบรรยายสรุปสาระสำคัญ ไปถึงก็ไปอ่าน จะได้มีข้อมูลความรู้เบื้องหลังเบื้องลึกของที่แต่ละที่ที่ไป แล้วได้ข้อคิดแง่คิดมุมมองใหม่ๆขึ้นมามีข้อมูลสั่งสมในใจเพิ่มขึ้น

 
          กรณีที่มีเงินอยู่ก้อนหนึ่งอยากจะทำให้คนใกล้ตัว ไม่ว่าจะเป็นภรรยาสามี หรือคุณพ่อคุณแม่หรือลูก หรือเพื่อน หรือครูบาอาจารย์ ใครก็แล้วแต่ ส่วนใหญ่จะซื้อของให้แล้วไปมอบให้ แต่พบว่า การมอบประสบการณ์ให้ ลึกซึ้งตรึงใจมากกว่า 

 
          เพราะฉะนั้นให้ถอนใจออกมา จากโลกที่ค่อนข้างจะติดวัตถุและตัดสินอะไรด้วยเงิน มีเงินซื้อของ มอบให้จบ มันแห้งๆ ดีกว่าไม่ได้ทำ แต่หากเทียบแล้วให้เวลาให้ประสบการณ์มีประสบการณ์ร่วมกัน เป็นประโยชน์แล้วก็ผูกความสัมพันธ์ต่อกัน ได้ลึกซึ้งกว่าถ้าหากมีลูก พ่อแม่งานยุ่งไม่ค่อยมีเวลาให้ลูก ดังนั้นให้ลูกไปเข้าโรงเรียน ยอมจ่ายตังค์ให้ลูกเรียนพิเศษหลังเลิกเรียน เพราะตัวเองมารับลูกเลย พ่อแม่จะได้มีเวลา สัมพันธ์ระหว่างลูกกับพ่อแม่จะห่าง ทั้งๆที่พ่อแม่มีเงินให้ลูก แต่สู้พ่อแม่ที่แค่พาลูกไปเดินเที่ยวสวนสาธารณะ ต่อให้ขึ้นรถเมล์ไป ไปกลับใช้ค่าเดินทางไปแค่ 10-20 บาท ครอบครัวมีความสุขมากกว่า กลับมาแล้วยังยิ้มแย้มแจ่มใส ความสัมพันธ์กับคนในครอบครัวดีมากกว่า 

 
          ต้องพิจารณาแล้วถามตัวเองว่า ต้องการอะไร จากการที่จะให้ของบางอย่างกับใครบางคน ที่เป็นบุคคลที่รัก จะเป็นลูกเป็นสามีภรรยาเป็นคุณพ่อคุณแม่ หรือเป็นคนที่ใกล้ตัว เราต้องการอะไร ต้องการให้เขามีความสุข หรือแค่ว่าทำบางอย่างพอผ่านๆ ไปถ้าต้องการให้เขามีความสุข แล้วให้สายสัมพันธ์เราเหนียวแน่นมากขึ้น อย่าทำง่ายๆ แค่มอบของธรรมดา แต่ให้ใส่ใจใส่น้ำใจลงไปด้วย แล้วก็พยายามแปรเปลี่ยนให้เป็นการมีประสบการณ์ร่วมกัน สิ่งนี้จะผูกสัมพันธ์ทางใจแล้วก็รักสาเสริมสร้างสายสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นยังยืนมากกว่า


รับชมคลิปวิดีโอลงทุนกับประสบการณ์ : ทันโลกทันธรรม
ชมวิดีโอลงทุนกับประสบการณ์ : ทันโลกทันธรรม   Download ธรรมะลงทุนกับประสบการณ์ : ทันโลกทันธรรม



Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
สัมภาษณ์ให้ได้งานสัมภาษณ์ให้ได้งาน

เลิกนิสัยขี้เกรงใจผู้อื่นเลิกนิสัยขี้เกรงใจผู้อื่น

ภาษาดอกไม้ภาษาดอกไม้



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ทันโลกทันธรรม