เอาชนะศัตรูทางอารมณ์


[ 14 ก.ย. 2562 ] - [ 18274 ] LINE it!

 เอาชนะศัตรูทางอารมณ์

บางครั้งที่กำลังจะลงมือทำอะไรก็มีเสียงเล็กๆในหัวมากระซิบว่าอย่าทำหรือพูดจนขาดความมั่นใจรวมทั้งขัดขวางความพยายามที่จะทำความฝันให้เป็นความจริง เมื่อเป็นเช่นนี้จะทำอย่างไร

เรื่อง : พระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ (สมชาย ฐานวุฑฺโฒ)
จากรายการทันโลกทันธรรม ออกอากาศทางช่อง GBN

 
ศัตรูทางอารมณ์ที่มาขัดขวางความสำเร็จในชีวิตมีอะไรบ้าง?
          1.ความกลัว กลัวที่จะไม่สำเร็จ กลัวที่จะทำอะไรบางอย่างแล้วเกิดแรงต้าน เรียกว่ากลัวจนไม่กล้าเริ่มต้น
          2.ความกังวลมากเกินไป คิดเยอะเกินไป
          3.ความแคลงใจ คือความไม่มั่นใจว่าทำได้ 
          4.ความลังเล คือไม่แน่ใจว่าจะเลือกทางไหนดี 1 หรือ2
ซึ่งอารมณ์เหล่านี้ ทำให้ไปหยุดยั้งความสำเร็จ
 
ทำอย่างไรจึงจะกำจัดศัตรูทางอารมณ์ให้หมดไปจากใจเพื่อไปสู่ความสำเร็จ?
 

          1.วิเคราะห์ว่าความกลัวเกิดจากอะไร ซึ่งความกลัวเกิดจากความไม่รู้ ไม่รู้ผลจะออกมาอย่างไรคือความไม่แน่นอนทั้งหลายสร้างความกลัวขึ้นมา จึงต้องวิเคราะห์ว่ากลัวอะไร ถ้ากลัวจะไม่มีแผนก็สร้างแผนขึ้นมา เขียนให้ชัดเจนว่า มีทางเลือกที่เป็นไปได้หรือผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ มีกี่แบบถ้าเป็นแบบนี้จะทำอย่างไรต่อ ทำแผนภูมิขึ้นมาให้เป็นแนวเขาเรียกว่าแนวการตัดสินใจ
ถ้าเกิดจากความไม่รู้ ก็ทำให้รู้ ศึกษาหาข้อมูลเพิ่ม คุยกับที่ปรึกษา เป็นต้น เมื่อเกิดความรู้ขึ้นความกลัวก็หายไป ดังนั้นความกลัวตรงกับทางพระ คือเกิดจากอวิชชาแก้ด้วยวิชา
 
          2.เวลามีอารมณ์ที่เกิดจากความวิตกกังวล ความกลัว ความแคลงใจ ความไม่แน่นอน ไม่แน่ใจ สิ่งที่เกิดขึ้นคือความคิดทางลบจะตามมา เพราะฉะนั้นต้องใส่แรงบวก ใส่ความคิดด้านบวกลงไปนั่นเอง ต้องหัดจับดี หัดมองสถานการณ์ให้เป็นบวกในชีวิตประจำวัน เอาน้ำดีไปไล่น้ำเสียมีความคิดด้านลบเยอะ ก็เอาความคิดด้านดีใส่เข้าไป

 
          3.จะต้องเลือกเป็น เวลามีเหตุที่จะต้องเลือก ให้เลือกสิ่งที่จะก่อให้เกิดผลดี หรือไม่เกิดก็พอ แต่อย่าไปเลือกสิ่งที่อาจจะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่ดีตามมาได้ เช่น หากเรากลัวมาก จึงกลายเป็นนักพูดหรือนักสร้างแรงบันดาลใจเพราะคนมักจะกลัวการขึ้นเวทีไปพูด
 
          4.ให้โฟกัสในสิ่งที่กำลังทำอยู่ คือตั้งใจทำงาน ที่กำลังรับผิดชอบอยู่ไม่ไปคิดถึงอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร ไม่ไปโฟกัสในสิ่งที่ทำไม่ได้ ต้องเลือกที่จะโฟกัสแล้วต้องโฟกัสในสิ่งที่ทำได้ตอนนี้ ทำอะไรได้ให้ทำไปก่อน แล้วค่อยมาต่อยอดทีหลัง 

 
          5.เวลามีอารมณ์ความคิด เกิดความวิตก ความกลัวขึ้นทำให้ไม่อยากทำอะไรเพราะกลัว ให้กำหนดว่าหากกำลังจะคิดฟุ้งซ่าน ปล่อยให้ฟุ้งซ่าน วิตกกังวลกลุ้มใจไม่เกิน 20 นาที ในระหว่างนั้นจะคิดอะไรก็คิดไปให้เต็มที่ พอครบ 20 นาทีหยุดเลย จากนั้นคิดบวกจะแก้อย่างนี้ ทำไม่ได้ต้องปรึกษาคนนี้ จะหาข้อมูลอย่างนี้ วางแผนไปจนจบ จนเลิกกลัว เลิกวิตก เพราะเปลี่ยนเป็นแผนปฏิบัติงานแล้ว
 
          ควรมีเวลาที่ไม่คิดอะไรเลย  คือการนิ่งลงไปภายใน หลับตาแล้วหยุดนิ่งจิตไว้ที่กลาง ต้องมีชั่วโมงแบบนี้ทุกวัน เป็นชั่วโมงกลาง ไม่เช่นนั้นความคิดจะไม่เป็นระเบียบ ความคิดที่ออกมาจะไม่มีประสิทธิภาพ

 
          6.เมื่อมีเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้น ให้เราตั้งสติ อย่าเสียเวลากับความรู้สึกแย่ ความรู้สึกที่อยากจะร้องไห้ ให้ตั้งสติแล้วนึกว่าทุกสิ่งเกิดขึ้น แล้วก็เกิดขึ้นกับทุกคน ถ้าเกิดขึ้นกับเรา แปลว่ามีเหตุที่จะต้องเกิด เป็นสิ่งที่อาจเคยทำไว้ มีความผิดพลาดที่ตัวเราเอง เคยสร้างเอาไว้ในอดีต ซึ่งเข้าไปแก้ไขไม่ได้เข้าไปจัดการมันไม่ได้ แต่สิ่งที่จัดการได้คือ ความจริง ณ ปัจจุบัน ณ เวลาที่หายใจเข้า หายใจออกอยู่นี้ ก็เลือกทำแต่สิ่งที่จะทำให้ชีวิตดีขึ้น แก้ไขปัญหา ให้อุปสรรคผ่านพ้นไป มีความคิดด้านบวกตลอด หากมีความคิดด้านแย่ ก็จะดึงเหตุการณ์แย่ กลับมาเพิ่ม มาซ้ำเติม เพราะฉะนั้นอย่าซ้ำเติมตัวเอง ให้มีแต่ความคิดด้านบวก ด้านดีขึ้นเรื่อยๆ แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันมันย่อมเกิดขึ้นได้ ดังนั้นเมื่อมีสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ก็เพียงทำใจให้พร้อม ตั้งสติ แล้วก็เดินหน้าต่อ
 
ทันธรรม...โดยพระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ 

 
          อารมณ์ของคนมีผลต่อวิถีชีวิตของคนนั้น ถ้าคนไหนควบคุมอารมณ์ได้ดี จะสามารถแก้ปัญหาได้รวมถึงใช้ศักยภาพตัวเองได้เต็มที่ ทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จแล้วมีความสุข แต่หากเกิดเป็นทาสอารมณ์เมื่อไหร่ ขี้กลัว ขี้กังวล ขี้น้อยใจ เป็นต้น ความสามารถมี100 นำมาใช้ได้ 5 -10 เท่านั้นเอง ดังนั้นอารมณ์จึงมีความสำคัญ วิธีการจะเอาชนะอารมณ์ที่ไม่ดี ไม่ว่าจะเป็นความกลัว ความโกรธ ความซึม เซ็ง เบื่อ เศร้า กังวลใจ มีดังนี้

 
          1.การควบคุมความคิด ถ้ามีสิ่งมากระทบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทางบวกหรือทางลบก็ตาม ความคิดจะเป็นตัวขยายหรือย่อแรงกระทบจากเหตุนั้นๆ ถ้าไปคิดแบบให้เป็นปัญหา ความคิดนั้นจะขยายปัญหาจากก้อนหินเท่ากำปั้น กลายเป็นเท่าภูเขา แต่บางคนคิดเป็น สามารถมองปัญหาที่เท่ากำปั้นให้เล็กเหลือเท่ากับเม็ดทรายได้ ดังนั้นความคิดมีความสำคัญ จะเอาชนะอารมณ์ของเราได้ ต้องฝึกควบคุมความคิดให้ได้ โดยการ

 
               1.1ให้คิดในแง่บวกไม่ว่าเรื่องอะไรมากระทบก็ตามให้เริ่มต้นคิดว่า “ก็ดีเหมือนกัน” จะตอบตัวเองได้ หาเหตุผลมารองรับประโยคแรกแล้วจะไปได้ จะมองเห็นว่ามีมุมบวกอยู่ในเรื่องที่ร้ายๆ จะรู้สึกว่าปัญหาเรื่องนั้นมันไม่ได้เสียหายมากนัก เพราะว่าก็ดีเหมือนกัน มีข้อดีอยู่เหมือนกัน
 
               มีพระที่เป็นพระอรหันต์ภายหลังปฏิบัติธรรมในที่มีคนโหดร้ายมาก พระพุทธเจ้าถามว่าไหวหรือ ถ้าเขาด่าเธอ เธอจะคิดว่าอย่างไร ก็ดีเหมือนกันพะยะค่ะ ดียังไง ดีกว่าเขามาตี แล้วถ้าเกิดเขาตีล่ะ  ก็ดีกว่าเขาใช้อาวุธมาฟันมาแทง ถ้าเขาใช้อาวุธมาฝันมาแทงล่ะ ก็ดีเหมือนกัน ดีกว่าฆ่า แล้วถ้าเกิดเขาฆ่าเธอจริงๆล่ะ ก็ดีเหมือนกันพะยะค่ะ ดียังไงบางคนอยากจะตาย ต้องไปหาอาวุธหาเชือกอะไรมาผูกคอตาย หายามากิน ฆ่าตัวตาย แต่เราไม่ต้องทำอะไรอยู่เฉยๆ ก็มีคนฆ่าให้เสร็จก็ดีเหมือนกัน ถ้าถูกเขาฆ่า ยังคิดว่าดีเหมือนกัน เรื่องอื่นเป็นเรื่องเล็กแล้ว พระพุทธเจ้าบอกว่าใช้ได้อนุญาตให้ไปได้ ที่เมืองสุนาปรันตะที่คนโหดร้ายมาก เมื่อไปถึงไม่มีใครมาทำอะไรเลยเพราะคิดดีหมด แล้วก็บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ด้วย

 
               1.2 หากเป็นปัญหาระหว่างคนกับคนให้มองว่าคนนั้นก็มีข้อดีอยู่เหมือนกัน เพราะโดยส่วนใหญ่คนโดยทั่วไป พอใครทำอะไรไม่ดีกับตัวเอง จะไม่ชอบคนนั้น พอไม่ชอบจะเหมือนใส่แว่นสี ทุกอย่างเกี่ยวกับเขาลบหมดเลย ใจปฏิเสธหมดทุกอย่าง คนเราชอบสุดโต่ง ชอบทุกอย่างถูกหมด ไม่ชอบทุกอย่างผิดหมด แต่ในชีวิตจริงมีดีบ้างไม่ดีบ้างผสมกัน ให้มองความจริง 

 
               มองตัวบุคคลที่ทำบางอย่างให้เราไม่ชอบใจว่า เขาก็มีดีหลายอย่าง เขาก็เคยทำสิ่งดีๆ ให้กับเราเหมือนกัน เขาก็ทำสิ่งดีๆ ให้กับครอบครัวเหมือนกัน เขาก็ทำสิ่งที่ดีให้กับบริษัทให้กับองค์กรเหมือนกัน ให้มองอย่างนี้  ความรู้สึกหงุดหงิดไม่ชอบจะคลายตัวลง เหล่านี้คือกระบวนการในการคิด ส่วนอีกแบบคือ ควบคุมความคิดแบบที่หยุดคิดเลย คือไม่ต้องคิดถึง ตัดความคิดโดยให้ไปทำอย่างอื่น อย่าอยู่นิ่งให้ทำอะไรก็ได้ให้ยุ่งๆ ใจจะได้มาจดกับเรื่องงานที่ทำ ทำอะไรก็ได้ให้ใจหลุด จากเรื่องที่คิดวน 

 
          2.การฝึกสติ ฝึกสติคือฝึกให้เอาใจมาอยู่กับปัจจุบัน จะสามารถตัดอารมณ์ที่ไม่ดีให้หลุดไปจากตัวเราได้ร้อยละ 99 การฝึกสติอยู่กับปัจจุบัน เช่น สวดมนต์ เพราะหากสวดมนต์ไม่มีสติ จะสวดไม่ได้ การสวดมนต์เป็นการฝึกสติให้เอาสติมาอยู่กับเนื้อกับตัว ใจจะนิ่งขึ้นสบายขึ้น จะเคลื่อนไหวอิริยาบถ ลุกเดินนั่งแล้วรู้ตัว เอาสติมาอยู่กับตัว แล้วให้ทำสมาธิด้วย เอาใจนิ่งๆ ที่ศูนย์กลางกายที่กลางท้อง นึกองค์พระที่คุ้นอาจเป็นที่ห้อยคออยู่ หรืออยู่บนโต๊ะหมู่บูชาที่บ้าน หรือนึกถึงดวงแก้วกลมๆ ใสๆ  ทำใจนิ่งๆ ท่องในใจสัมมาอะระหัง ไปเรื่อยๆใจจะสบาย หลุดจากอารมณ์อื่นมาอยู่กับบทสวดมนต์ อยู่กับองค์พระดวงแก้ว และคำภาวนาสัมมาอะระหังแทน 

 
          3.การฝึกควบคุมความอยากตนเอง หากอยากทำอะไรที่ไม่ดี ควบคุมให้ได้หยุดตัวเองให้ได้ มีผลการทดลองได้พิสูจน์ว่า คนไหนที่รู้จักยับยั้งชั่งใจตัวเอง คนนั้นจะประสบความสำเร็จในชีวิตมากกว่า ดังนั้นต้องรู้จักควบคุมความอยากตัวเอง หากรู้ว่าไม่ดี วิธีการแก้ที่ดีที่สุดคือ หยุด อย่ายอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว ชนะใจตัวเองให้ได้ตัดให้เด็ดขาด ถึงจะเป็นคนพิเศษชนะอารมณ์ตัวเองแล้วประสบความสำเร็จความสำเร็จในชีวิตได้



รับชมคลิปวิดีโอเอาชนะศัตรูทางอารมณ์ : ทันโลกทันธรรม
ชมวิดีโอเอาชนะศัตรูทางอารมณ์ : ทันโลกทันธรรม   Download ธรรมะเอาชนะศัตรูทางอารมณ์ : ทันโลกทันธรรม



Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
หวานซ่อนร้ายหวานซ่อนร้าย

รักฉบับพ่อรักฉบับพ่อ

เปลี่ยนไร้ตัวตนให้คนสนใจเปลี่ยนไร้ตัวตนให้คนสนใจ



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ทันโลกทันธรรม