เรื่องอัศจรรย์ ที่น่ายินดี ของ มาไซ


[ 9 ต.ค. 2550 ] - [ 18271 ] LINE it!

มาไซ "นักรบชุดแดง"
 
 
    มาไซ คือ นักรบที่ยิ่งใหญ่ การปรากฏตัวของมาไซ มักสร้างความหวาดกลัวให้กับเผ่าอื่นๆมาก  มาไซมีร่างกายสูงใหญ่ แข็งแรง สันนิษฐานว่า เพราะดื่มนมวัวที่เลี้ยง มาไซแข็งแกร่งกว่าเผ่าอื่นๆ มีหอกเป็นอาวุธ ปัจจุบัน มีไม้ไล่วัวเป็นอาวุธ
 
    การแต่งกายจะใส่ชุดสีแดง บ่งบอกถึงความกล้าหาญ และเมื่อสิงโตเห็น มันจะจำได้เป็นอย่างดีและไม่กล้าจะเฉียดใกล้ มีลูกปัดและหินสีประดับอยู่ที่คอและผม ฝ่ายชายจะไว้ผม ถักเปีย และย้อมผมสีแดง ส่วนผู้หญิง จะแต่งด้วยผ้าสีสวยสดใสหลากหลาย และมักจะโกนผม ใส่เครื่องประดับที่ทำจากลูกปัดและหินสีเหมือนกัน
 
    ปกติ เราจะได้เห็นเด็กๆมาไซ เลี้ยงวัวอยู่กลางทุ่งหญ้าซาวันน่า (Savanna) สีทองสดใส อายุแค่ 7-12ปี เพียงลำพัง ต้องรับผิดชอบฝูงวัว บางฝูงกว่าร้อยตัว ความรวยร่ำของมาไซจะดูได้จากจำนวนวัวที่เลี้ยงอยู่
 
    บ้านของมาไซ ทำจากโครงสร้างกิ่งไม้ ฉาบด้วย มูลวัวผสมดิน ไม่มีหน้าต่าง อยู่กันเป็นหมู่บ้าน โดยบ้านแต่ละหลังล้อมกันเป็นวงกลม ส่วนลานตรงกลางเอาไว้พักวัว
 
    เวลามาไซทะเลาะกันเองในเผ่า จะไม่ใช้ ขาหรือ มือ เตะ ต่อย แต่จะเอาอกดันกันไปดันกันมา ดันจนกว่าอีกฝ่ายจะล้มลง  เท่าที่เราได้ไปสัมผัส มาไซจะเรียกชื่อแต่ละคน ตามลักษณะที่เห็นได้ชัด เช่น คุณสูง คุณเตี้ย คุณเดินสะดุด คุณเอวอ่อน หรือแม้แต่ คุณรองเท้าแตะ
 
 
 
 
    เผ่ามาไซ ที่เราไปพบ มีลักษณะ ตัวสูงโย่ง ใส่โสร่งสีแดง ไม่ใส่เสื้อ มีตุ้มหู เป็นเครื่องประดับ ถือไม้เอาไว้ไล่วัว เป็นนักรบที่เก่งมาก
 
 
ผลการปฏิบัติธรรม
 
    มาไซคนแรก ขอเรียกว่า “มาไซคนที่หนึ่ง” อายุประมาณ 30ปี เป็นคนเลี้ยงวัวและเก็บของป่า เพื่อส่งเข้าเมือง จึงพอพูดภาษาอังกฤษได้นิดๆหน่อยๆ   
 
    ยอดกัลยาณมิตรของเรา ได้เข้าป่าไปด้วย ก็เลยชวนนั่งหลับตา  โดยพาไปนั่งใต้ต้นไม้  แล้วล้อมรอบกองไฟ ที่เอาไว้ไล่สิงโต ในช่วงเวลา 13.00น แล้วบอกให้นึกง่ายๆ คือให้นึกถึงกลืน Sun ลงไปในท้อง มาไซคนที่หนึ่ง ก็เลยพยายามจ้องดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าเป็นการใหญ่ แล้วก็ค่อยๆหลับตา
 
    สักครู่ใหญ่ๆ ยอดกัลยาณมิตรลืมตามาแอบดู ปรากฏว่า เขายังนั่งสมาธิอยู่ ยอดกัลยาณมิตรจึงนั่งต่ออีกสักพัก พอเขาลืมตาขึ้น...
 
    ยอดกัลยาณมิตรจึงถามว่า “เป็นอย่างไรนึก Sun ได้ไหม”
    มาไซคนที่หนึ่งตอบว่า "นึกไม่ได้เลย"
    จึงถามต่อ “อ้าว แล้วเห็นอะไรบ้างหรือเปล่า”
    เขาตอนว่า “เห็นอะไรก็ไม่รู้ เรียกไม่ถูก”
    ยอดกัลยาณมิตร ส่งกระดาษกับปากกาให้...
    “งั้นเอากระดาษปากกา วาดให้หน่อย” 
 
    เขาวาดรูปไม่ถึง 3นาที ยอดกัลยาณมิตร จึงหยิบกระดาษมาดู เห็นเป็นรูป คน ในท่านั่งสมาธิ วาดสวยและเห็นรายละเอียดชัดเจน คือ ขาขวาทับขาซ้าย และบนศีรษะ มีปุ่มโค้งๆ เป็นรูปลักษณะดอกบัว
 
    ภาพที่เห็น ทำให้ยอดกัลยาณมิตร ตะลึงมาก เขาพยายามพูดอีกว่า “เป็นคน sit and sleep” (หมายถึง คนนั่งหลับตา)
 
    ยอดกัลยาณมิตร ถามต่อไปว่า “What’s the color”   มาไซคนที่หนึ่ง ก็หันซ้ายหันขวา เมื่อเหลือบไปเห็นก้อนหินสีขาวใสอยู่ใกล้ๆต้นไม้ เขาก็ชี้ไปหินนั้น พร้อมกับพูดว่า “like the water”
 
    พอคุยกันเสร็จ ก็เดินทางเข้าป่ากันต่อ ปกติมาไซเป็นชนเผ่าที่มีวัฒนธรรมชอบกระโดดมากๆ แม้แต่เดินในป่า ก็ยังกระโดดกันตลอด แต่สิ่งที่แปลกคือ พอมาไซนั่งสมาธิเห็น คนที่มีดอกบัวบนศีรษะ sit and sleep แล้ว มาไซคนที่หนึ่ง กลับนิ่งๆ ไม่กระโดด เดินแบบธรรมดา จนกระทั่งเพื่อนมาไซคนอื่น ยังทักมาไซคนที่หนึ่ง ซึ่งได้นั่งสมาธินี้ว่า “ทำไมเรียบร้อยจัง หน้าของเขาดูหล่อขึ้น สีดำของผิวก็ดูเป็นดำเงาๆ หน้าตายิ้มๆ”
 
 
    ในระหว่างทางในป่า ก่อนที่มาไซจะได้รู้จักกับสมาธิ ก็จะต่างคนต่างเดิน ยอดกัลยาณมิตรก็หวั่นๆใจอยู่เหมือนกัน  ที่กลัวคือ ไม่ได้กลัวสัตว์ใหญ่ เช่นสิงโต เสือ  แรด ฯลฯ แต่ที่กลัวกลับเป็น มด ยุง แมลง ต่อ แตน ผึ้ง  เพราะ เผลอแค่นิดเดียว กองทัพมดก็ไต่ขึ้นกัดทั้งตัวแล้ว  แต่พอมาไซคนที่หนึ่ง ซึ่งได้นั่งสมาธิแล้ว มีประสบการณ์ภายในแล้ว เขากลับคอยมาดูแล ยอดกัลยาณมิตร คอยดูแลด้านหน้าด้านหลัง คอยถางป่า และตะโกนบอกว่า ตรงนั้นมีมด มีแมลง แล้วระหว่างที่เดิน ถ้ามีมดเริ่มไต่เท้า ยอดกัลยาณมิตร มาไซคนนี้จะรีบเอามือมาปัดมดให้ทันที
 
มาไซอีกคนหนึ่ง ของเรียกว่า “มาไซคนที่สอง”
           
    มาไซคนที่สอง...พอยอดกัลยาณมิตร สอนนั่งสมาธิโดยให้กลืนดวงอาทิตย์เสร็จ ปรากฏมาไซคนที่สองนั่งหลับตาใต้ร่มไม้ ไป 2ชั่วโมงไม่กระดุกกระดิก หน้าตาดูสดชื่น พอมาไซลืมตามา ยอดกัลยาณมิตร ก็ไม่ถามอะไร (เพราะต่างก็สื่อสารภาษาไม่เก่ง) จึงยื่นกระดาษปากกาให้ไปเลย บอกให้วาดว่า เห็นอะไรตอนนั่งหลับตา
 
    ภาพที่ได้กลับมาคือ  ภาพสามเหลี่ยม (แต่ไม่มีรายละเอียดแขนขา) ที่จุดยอดสามเหลี่ยมเป็นรูปวงกลม และบนยอดวงกลม มีปุ่มโค้งมนๆ เล็กๆอยู่บนยอดวงกลม เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีวงกลมขนาดใหญ่ ที่ล้อมรอบ โดยวงกลมนั้นแตะฐานสามเหลี่ยมทั้ง 2ข้าง และแตะ ปุ่มโค้งมนๆเล็กบนยอดสุดด้วย
 
    ไม่หมดแค่นั้น เพราะนี่แค่ ภาพส่วนที่1...แต่ด้านบนของภาพส่วนที่1 ก็มีภาพส่วนที่2 เหมือนกับ copy มาจากภาพส่วนที่1นี้ทีเดียว แต่มีขนาดเล็กกว่าภาพส่วนที่1
 
    ด้านบนของภาพส่วนที่2 ก็มีภาพส่วนที่3 ที่เหมือนภาพส่วนที่1 แต่มีขนาดเล็กกว่าส่วนที่2...ไล่เรียงขึ้นไปด้านบนจนสุดขอบกระดาษ (ได้ประมาณ5-6รูป) ซึ่งก็คือ ส่วนที่1 จะเป็นภาพใหญ่สุด แล้วก็ค่อยๆเล็กลงไปจนส่วนบนสุดของกระดาษ ก็เป็นภาพเล็กสุด แต่ทุกส่วนเหมือนกันหมด
 
    ยอดกัลยาณมิตร ยิ่งประหลาดใจมาก เพราะให้กลืนดวงอาทิตย์ทำไม มาไซคนที่สอง เห็นรายละเอียดมากขนาดนี้
 
    มาไซคนที่สอง ส่งภาพแล้ว ก็พยายามเอามือของตน มาปัดๆภาพส่วนที่อยู่บนสุดของขอบกระดาษ แล้วก็ทำท่าทำทางประกอบเราด้วย โดยมานั่งขัดสมาธิที่พื้น แล้วก็ ใช้มือทั้งสองข้าง พยายามยกน้ำหนักตัวเองขึ้นให้สูงจากพื้น แล้วพอค่อยๆปล่อยตัวลงมาถึงพื้น เขาก็เอามือทั้งสองข้าง มาทับกัน โดยมือขวาทับมือซ้าย
 
    ยอดกัลยาณมิตร จึงถามมาไซคนนี้ว่า “อ๋อ yourself ลอยขึ้นใช่ไหม” เขารีบปฏิเสธว่า “No” แล้วก็พยายามอธิบายด้วยท่าทางอีก โดยเอามือชี้ไปที่ท้องตัวเอง แล้วคราวนี้ เอามือมาทำท่าปัดขึ้นๆ รูปที่เขาวาดในกระดาษ ปัดไล่ตั้งแต่ส่วนที่1...ส่วนที่2...ไปจนถึงส่วนสุดท้าย แล้วมาไซก็พูดว่า “Move...Move...Run...Run”
           
    ยอดกัลยาณมิตร เข้าใจแล้ว มาไซคนที่สองเห็นเป็นภาพนี้ เป็นแบบเคลื่อนไหวซ้อนๆขึ้นมาเรื่อยๆ โดยมาไซคนที่สอง ได้พยายามวาดภาพ และพยายามอธิบายให้ฟัง
 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
บวชสองชั้น...มุ่งมั่นเป็นพระแท้บวชสองชั้น...มุ่งมั่นเป็นพระแท้

พระพุทธศาสนาในเวียดนามพระพุทธศาสนาในเวียดนาม

ครั้งแรกของประวัติศาสตร์ชาติมาไซครั้งแรกของประวัติศาสตร์ชาติมาไซ



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ