ทำที่ท่าน ได้ที่เรา


[ 29 ต.ค. 2550 ] - [ 18273 ] LINE it!

ผลการปฏิบัติธรรม

กัลยาณมิตร ไววิทย์ ตั๊นสวัสดิ์ (ประเทศไทย)
 
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง
 
 
    “ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด ความรู้กลางตัว รอดถ้วนทั่วทั้งจักรวาล” ตัวผม ไววิทย์ ตั๊นสวัสดิ์ อายุ 38ปี ได้พิสูจน์สัจธรรมนี้แล้ว หลังจากที่ได้ปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ยิ่งเรียนรู้นับวันก็ยิ่งมั่นใจ จากนี้ไปชีวิตจะไม่ไร้ความหมายตลอดเส้นทาง
 
    สมัยเด็กๆ ช่วงผมเรียนประถมฯ คุณครูได้พูดถึง ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ผู้คิดค้นแก้ไขระบบลงจอดยานอวกาศบนดาวอังคารได้ด้วยการนั่งสมาธิ ดังนั้นทุกครั้งที่ผมต้องแก้ปัญหาโจทย์คณิตศาสตร์ที่ยากๆ ผมจึงใช้การนั่งสมาธิ เพราะสมาธิช่วยแก้โจทย์ที่ซับซ้อนให้ปะติดปะต่อกันเป็นระบบระเบียบ จนสามารถทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายครับ
 
    มีอยู่วันหนึ่ง พี่ชายกับเพื่อนของเขา ชวนผมไปฝึกว่ายน้ำ  เราทั้งสามลองแข่งกันกลั้นหายใจในน้ำ ดำน้ำกันไปสักพัก พี่ชายกับเพื่อนเขาขึ้นมาก่อน ส่วนผมขณะดำอยู่ตรงก้นสระ รู้สึกเหมือนตัวเองพูดในใจว่า “ให้ตั้งสมาธิให้มั่นแล้วจะกลั้นหายใจได้นาน”
 
    ครั้นพี่ชายกับเพื่อนเห็นผมหายไปนานผิดปกติ นึกว่าผมสลบไสลไป จึงกระโจนลงไปในน้ำฉุดผมขึ้นมา ผมก็ขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้ม ยืนยันว่า ผมยังมีสติ และสบายดี แม้ผมจะรู้สึกทึ่งกับเรื่องสมาธิ แต่เพราะผมฝึกเองไม่มีใครสอน ก็เลยไม่จริงจัง เลิกฝึกสมาธิไปอย่างน่าเสียดาย
 
    ครั้นเรียนจบแต่งงาน ภรรยาก็ชักชวนผมมาวัดพระธรรมกายในปี พ.ศ.2539 เราสร้างองค์พระ 9องค์ แล้วผมก็ไม่ได้มาวัดอีก ยิ่งได้ฟังข่าวคราวป้ายสีวัดอย่างต่อเนื่องช่วงปี พ.ศ.2541 ผมก็ยิ่งหลงเชื่อไปตามข่าว จุดหักเหได้เกิดขึ้นในปี พ.ศ.2546 เมื่อผมต้องเข้าโรงพยาบาล เพราะหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทเจ็บปวดมาก หมอเพียงแค่แตะนิ้วโป้งเท้า ผมก็ร้องจ๊าก อีกทั้งช่วงล่างของผมยังเป็นอัมพฤกษ์กระดิกไม่ได้เลย ช่วงนั้นเองภรรยาได้ไปทำบุญสร้างองค์พระให้ผม แล้วกลับมาให้ผมอธิษฐาน ตอนนั้นผมลืมความแอนตี้ไปสิ้น คิดว่าขอให้หายก็พอ รุ่งเช้าหมอมาดูอาการ ความเจ็บปวดของผมลดลงอย่างเหลือเชื่อ วันต่อมา ผมเริ่มขยับเอาขาแตะพื้น ก็เริ่มขยับเดินได้อย่างอัศจรรย์ ผมจึงเริ่มเชื่อมั่นในผลบุญ
 
    ผมสั่งติดจานดาวธรรมทันทีในปี พ.ศ.2547 และแล้วภาพใบหน้าพระรูปหนึ่งก็ปรากฏขึ้นใน DMC ภาพนั้นหยุดสายตาผมไว้ไม่ให้กระพริบ ผมรีบเรียกภรรยามาดู บอกเธอว่า “หลวงพี่องค์นี้หล่อมากๆ บุคลิกหน้าตาดูสว่าง สุขุมเยือกเย็น มีบุญบารมีมากๆ แบบนี้สิพระปฏิบัติที่แท้จริง” ผมเรียกท่านว่า “หลวงพี่” อยู่หลายเดือนแล้วก็ถามภรรยาว่า “หลวงพี่รูปนี้ชื่ออะไร” เธอบอกว่า “ไม่ใช่หลวงพี่ เป็นหลวงพ่อ” ผมตะลึง คิดว่าอายุของพระเดชพระคุณหลวงพ่อไม่น่าเกิน 30ปี จากนั้นผมก็เริ่มมาวัด เริ่มฝึกสมาธิ
 
วันหนึ่ง ช่วงต้นปี พ.ศ.2548 ผมนั่งสมาธิอยู่บนเตียงนอนไม่เห็นอะไร จึงเอนตัวลงจะนอน พอหัวถึงหมอน รู้สึกตกจากที่สูงก็ใจหายวาบ เหมือนทิ้งดิ่งลงสู่เหว ทันใดนั้นตัวผมก็เด้งลุกขึ้นนั่งแบบอัตโนมัติ พาลคิดไปว่า “อดีตชาติคงทำกรรมมาเยอะ เคยตกนรกหรือเปล่า” เพราะตั้งแต่เด็กจนแต่งงานแล้วก็ตาม ผมมักฝันว่าตกบันไดอยู่เสมอ ผมไม่รู้เลยว่านั่นคือการตกศูนย์
 
จนเมื่อผมได้ขึ้นพนาวัฒน์ ในเดือนสิงหาคม พ.ศ.2548 ผมทำตามพื้นฐานที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อสอน เริ่มจากการปรับท่านั่งให้สบาย การวางขาขวาทับขาซ้ายก็สำรวจดูว่า วางตรงไหนแล้วไม่ชา ลืมเรื่องราวต่างๆทางโลกให้หมดชั่วคราว เปรียบเสมือนว่าเราเตรียมตัวตาย เพื่อที่ว่าเราจะไม่คิดอะไรเลย แล้วหลับตาอย่างสบายๆ ไม่คิดอะไรทั้งนั้น นั่งเฉยๆอย่างง่ายๆสบายๆ เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง ผมก็เห็นดวงแก้วเกิดขึ้นที่กลางท้อง ขนาดเล็กกว่าลูกฟุตบอลนิดหน่อย แล้วก็เกิดความสงสัยว่า ดวงแก้วมาได้ยังไง จากนั้นดวงแก้วจึงเคลื่อนหายวับไป
 
    ครั้นผมได้ยินคุณแม่เล่าเรื่องหนึ่งให้ฟังว่า เมื่อ 11ปีที่แล้ว ท่านเคยไปบวชชีพราหมณ์ที่สำนักสงฆ์แห่งหนึ่งเป็นเวลา 9วัน ท่านบอกว่า “ เห็นองค์พระนั่งสมาธิอยู่ในลูกโป่งใส๊ใส ผุดออกมาเป็นสาย” ผมหยิบหนังสือของวัดฯ ที่มีรูปองค์พระนั่งอยู่ในดวงกลมใสๆ ให้ท่านดู ถามว่า “เห็นแบบนี้ใช่มั๊ย” คุณแม่รีบตอบว่า “ใช่ๆแบบนี้เเหละ” ผมตกตะลึง เพราะคุณแม่ไม่เคยรู้จักวัดพระธรรมกาย และสมัยนั้น DMCยังไม่มีด้วย ทำให้ผมเชื่อมั่นว่าทุกเชื้อชาติทุกศาสนาทุกเผ่าพันธุ์มีธรรมกายอยู่ทุกคน
 
ผมจึงยิ่งนั่งสมาธิเพิ่มขึ้น ประสบการณ์พัฒนาจากตกศูนย์ มาเป็นเคลื่อนเข้าอุโมงค์ อุโมงค์นั้นมีจุดเล็กๆระยิบระยับหลายๆดวง รู้สึกตัวเองแข็งทื่อเหมือนตอไม้ ลมหายใจเริ่มแผ่วเบา ตอนแรกรู้สึกฝืนว่าลมหายใจขาดๆหายๆ
 
ต่อมา ลองปล่อยสบายๆ แล้วก็เกิดองค์พระสว่างขึ้นมา ผมจึงมองลงมาในแนวดิ่ง Top view และมองไปรอบๆ ก็กลายเป็นภาพสามมิติ เห็นได้รอบทุกทิศทุกทางอย่างน่าอัศจรรย์ ยิ่งจ้ององค์พระก็ยิ่งเห็นความงาม ภาพนั้นทั้งชัดใสสว่าง งามมากๆชนิดที่เรียกว่าไม่มีสิ่งใดๆในโลกนี้ จะมาเปรียบกับท่านได้ งามยิ่งกว่าเพชร ผมมีความสุขมากบอกไม่ถูก หาคำพูดใดเปรียบเปรยก็ไม่ได้ ต้องพิสูจน์เอง เป็นความสุขที่เงินซื้อไม่ได้ เพราะเป็นความสุขที่เกิดจากกลิ่นไอของความบริสุทธิ์ ที่ชุ่มชื่นอยู่ข้างในตัวเรา และเป็นความสุขที่ไม่มีใครสามารถเอาไปจากตัวเราได้
 
ช่วงปี พ.ศ.2549 ผมได้ไปปฏิบัติธรรมที่พนาวัฒน์ 6-7รอบ ผมฝึกดูภาพองค์พระที่ผุดขึ้นแบบ Top view ในจอโทรทัศน์ ผมนึกเป็นมโนภาพว่าเราต้องจับโทรทัศน์หงายขึ้นแล้วมาแนบกับท้องเรา ให้เห็นเป็นภาพองค์พระผุดขึ้นทีละองค์ แปลกใจมากที่ผมเห็นความสว่างเร็วขึ้นเป็นเท่าตัว เมื่อเทียบกับการนั่งนิ่งๆเฉยๆ แล้วจากการที่ตรึกองค์พระผุดบ่อยๆ ทำให้เห็นองค์พระขยายใหญ่ขึ้น อีกทั้งยิ่งใจสบายมากเท่าไร องค์พระยิ่งขยายใหญ่ มากขึ้นๆ
 
    พอเห็นองค์พระองค์ใหญ่ ผมจึงลองมองสองอย่าง คือดิ่งเข้าหาองค์พระขณะเดียวกับองค์พระที่ผุดขึ้นเป็นแนวดิ่ง และมององค์พระที่ขยายใหญ่ขึ้น ทำให้นอกจากจะเห็นองค์พระผุดขึ้น ยังรู้สึกว่าตัวเองก็กำลังดิ่งเข้าหาองค์พระด้วย และนั่นก็ทำให้ผมเห็นท่อแก้วใสสว่างมาก ผมสังเกตว่ายิ่งแผ่นฌานขององค์พระใหญ่แค่ไหน ท่อแก้วใสก็ใหญ่เท่านั้น ท่อแก้วขยายตามแผ่นฌาน หลังจากนั้นก็คิดว่าเราน่าจะลองทิ้งดิ่งจากเกตุดอกบัวตูมลงมากลางองค์พระ พอทิ้งดิ่งลงไปก็เห็นท่อสว่างกลางองค์พระแต่เล็กกว่า พอช่วงหลังครั้งล่าสุดองค์พระผุดขึ้นแล้วก็มีองค์หนึ่งมาล็อกตัวผม เหมือนว่าผมเคลื่อนเข้าอุโมงค์ไปด้วย ผมมีความสุขมากๆ
 
    จากการปฏิบัติธรรม ทำทาน ศีล ภาวนาอย่างต่อเนื่อง บุญไร้สายแรงติดจรวดก็ส่งผลเร็วเป็นอัศจรรย์ โครงการตึกแถว 7โครงการของเราที่พัทยา ขายหมดก่อนขึ้นป้ายประชาสัมพันธ์ภายใน 2สัปดาห์เท่านั้น ในขณะที่โครงการอื่นบริเวณนั้นใช้เวลาถึง 2ปียังขายไม่หมด แต่เรากลับขายได้ก่อนที่จะตอกเสาเข็มด้วยซ้ำ ภรรยาผมบอกว่าที่ขายได้ง่ายเป็นเพราะบุญในตัวได้เจริญงอกงามขึ้น
 
    ดังนั้น บุญพิเศษโมดูลปีนี้ ผมกับครอบครัวขอทุ่มเทจนสุดกำลัง ด้วยใจมั่นว่า “ทำที่ท่าน ได้ที่เรา” เพื่อเตรียมรับมือกับพายุเงินห่าใหญ่ที่จะซัดกระหน่ำจนอาจทำให้เกิดอุทกภัยทางการเงิน แล้วซัดเอาความกลุ้มใจจากความจนให้แตกสลายจนยับยั้งความดีใจไม่ไหว และก็คาดว่าจะโถมกระหน่ำพร้อมหอบเอาทองเอาเงินเป็นปึกๆ ไปกระจายให้กับพวกเราพลังประชาชนคนมีบุญ (MERITORIOUS PEOPLE POWER) ที่ได้ช่วยกันสร้าง หลังคามหารัตนวิหารคด ครับ
 
กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง
 
ลูก ไววิทย์  ตั๊นสวัสดิ์


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ทางด่วน (Express Way)ทางด่วน (Express Way)

บุญนี้ไม่มีขาย อยากได้ก็ต้องทำเองบุญนี้ไม่มีขาย อยากได้ก็ต้องทำเอง

แม่ค้าริมทางเท้า ยอดนักสร้างบารมีแม่ค้าริมทางเท้า ยอดนักสร้างบารมี



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ