อะไร...ที่ทำให้ต้องเปลี่ยนใจ


[ 29 ธ.ค. 2550 ] - [ 18266 ] LINE it!

ผลการปฏิบัติธรรม

พระเฉลิมชัย ธีรวฑฺโฒ (ประเทศไทย)
 
กราบคารวะพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูงยิ่งครับ
 
กระผม พระเฉลิมชัย  ธีรวฑฺโฒ อายุ 52ปี ขณะนี้ยังดำรงเพศสมณะอยู่ครับ ผมบวชใน โครงการธรรมทายาทระดับผู้บริหารรุ่นที่5 เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ครับ อยู่ที่หมู่บ้านบรรลุธรรม แม้ตอนนี้โครงการจะจบไปแล้ว แต่ด้วยความติดใจในเพศสมณะ จึงขอต่อเวลาไปเรื่อยๆครับ เพื่ออยู่ร่วมงานวันอัญเชิญจักรแก้วในเพศสมณะ และรับบุญทุกบุญไม่มีเกี่ยงไม่ว่าจะเป็นบุญซัก บุญสถาน บุญล้างจาน โดยเฉพาะบุญวิมานชอบมากเลยครับ และบุญใหญ่ขนเสื่อ 20,000ผืน เพื่อเตรียมงานธุดงค์ปีใหม่ เหนื่อยมาก แต่ก็ชอบครับ แหม...ผมเสียดายแทน ส.จ.บรรเจิด ที่ลาสิกขาไปแล้วจังเลยครับ
  
พระเดชพระคุณหลวงพ่อครับ...ผมรู้สึกตื่นเต้น และเต็มตื้นอย่างบอกไม่ถูก ที่ครั้งหนึ่งในชีวิต พระเดชพระคุณหลวงพ่อได้เมตตา อ่านผลการปฏิบัติธรรมและเรื่องราวของผม รู้สึกว่าตัวเองกำลังออกรายการ เรียลลิตี้โชว์ (Reality Show: รายการที่ถ่ายทอดกิจวัตร-กิจกรรมของบุคคล) โดยมีพระเดชพระคุณหลวงพ่อเป็น วีเจ (Video Jockey) ดำเนินรายการครับ
 
ก่อนมาบวช ผมเป็น Double Diamond Director (DDD) หรือผู้บริหารฝ่ายขาย ของบริษัทดรีมทีม ประเทศไทย จำกัด ที่ผมมาบวชได้ก็เพราะ มีประธานบริษัทฯที่ดีอย่าง คุณสุวิทย์ และ คุณศศินา วิมุติตานนท์ ที่อนุญาตให้ผมลางานทางโลก มารุ่งโรจน์ทางธรรมครับ
 
    ผมเป็นคนหนึ่งที่เคย Anti วัดพระธรรมกาย มานานเกือบ 20ปี พอมีคนพูดถึงวัดพระธรรมกาย ผมก็จะรู้สึกไม่ชอบ คิดเสมอว่า คนเข้าวัดนี้ โดนหลอกให้ทำบุญจนหมด จนกระทั่งได้ย้ายมาทำงานกับบริษัท ดรีมทีม ชีวิตของผมก็ต้องเปลี่ยนไปเพราะ วารสารเล่มหนึ่ง ชื่อของวารสารเล่มนี้ ถูกเขียนขึ้นด้วยลายมือ...ไม่ทราบว่าใช่ลายมือของพระเดชพระคุณหลวงพ่อหรือไม่ครับ
 
    ถึงอย่างไร ผมก็ต้องกราบขอบพระคุณพระเดชพระคุณหลวงพ่อมากๆ ที่นำ วารสารอยู่ในบุญ มาให้ผม เพราะผมได้พลิกไปอ่านคอลัมน์ “อะไร...ที่ทำให้ต้องเปลี่ยนใจ” เป็นคอลัมน์สัมภาษณ์อดีตคน Anti วัดสุดขีดมาก่อน พออ่านจบ ก็รู้สึกมีแรงสะกดอะไรบางอย่างมาบังคับให้ผมกลับไปที่บริษัทฯ ไปหยิบวารสารอยู่ในบุญฉบับย้อนหลังมาอีก 2เล่ม เพื่อมาอ่านคอลัมน์เดียวกันนี้อีก
 
    พออ่านไป...อ่านไป...ผมก็รู้สึกว่า มันโดนตัวเองอย่างจัง คิดว่า ทำไมมันช่างเหมือนความรู้สึกของผมเสียเหลือเกิน ผมโทรศัพท์ติดต่อผู้นำบุญทันที (ชื่อ พี่อ้อย เป็นคุณแม่ของ คุณองอาจ ธรรมนิทา) และนับจากวันนั้น ประตูใจที่ถูกปิดมานานเกือบ 20ปี ก็เริ่มแง้มเปิดขึ้น ทำให้ผมยอมมาวัดครั้งแรก เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ.2549 ซึ่งตรงกับช่วงธุดงค์ปีใหม่พอดี
 
    พอผมมาถึง ก็ถึงช่วงเวลาที่สาธุชนจะเข้าโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยากัน เขาพูดกันว่า “คุณครูไม่ใหญ่จะมา” ผมก็ทำเป็นรีบเดินไปนั่งแถวหน้าสุดในโรงเรียน ทั้งๆที่ก็ยังไม่รู้จักคุณครูไม่ใหญ่อะไรกับเขาหรอกครับ แต่ตอนนั้น คิดว่า นั่งหน้าเพราะอยากจะออกทีวี และทันใดนั้นเอง...ผมก็รู้สึกตะลึง เมื่อได้เห็นพระเดชพระคุณหลวงพ่อ เดินเข้ามาอย่างสง่างาม
 
    ผมรู้สึกแปล๊บปล๊าบขึ้นมาในใจยังไงบอกไม่ถูก เหมือนได้มาเจอบุคคลที่อบอุ่นคุ้นเคย ที่พลัดพรากจากกันไปนาน แล้วบุคคลคนนั้นได้มาอยู่ตรงหน้า น้ำตามันไหลออกมาด้วยความดีใจอย่างไรบอกไม่ถูก...และหลังจากนั้น ผมก็ได้อยู่ร่วมกิจกรรมในช่วงธุดงค์ปีใหม่ จนกระทั่งผมกลายเป็นผู้โชคดี ที่จับฉลากได้บัตรไปนั่งสมาธิฟรีที่สวนพนาวัฒน์ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 7 มกราคม พ.ศ.2550 ครับ ซึ่งการไปสวนพนาวัฒน์ครั้งนั้น ทำให้ผมเข้าใจบุญ เข้าใจวัดมากขึ้น และนับจากนั้นเป็นต้นมา ผมก็กลายเป็นคนติดวัด มาวัดโดยตลอด จนกระทั่งได้มาบวชในครั้งนี้
 
    ชีวิตนักบวช เป็นชีวิตปลอดกังวล สงบสุข ต่างกับชีวิตฆราวาสอย่างสิ้นเชิง ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ผมนั่งสมาธิได้ดีกว่าตอนที่เป็นฆราวาสมาก ตอนนั่งสมาธิ ผมก็ใช้เทคนิคของพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ที่ท่านสอนไว้ คือ เวลาหลับตาให้เหลือกตาช้อนกลับเข้าไปข้างใน เพราะทำแบบนี้มันให้ความรู้สึกว่า ใจที่มันอยู่ภายนอก มันได้กลับเข้าไปสู่ภายในตัว แล้วผมก็ใช้หลักที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อสอน คือ ง่วงก็หลับ เมื่อยก็ขยับ ฟุ้งก็ให้ลืมตา แต่ผมขอเพิ่มอีกข้อ คือ คันก็เกาครับ
 
ผมใช้หลักอย่างนี้ควบคู่กับการวางใจเบาๆ ไว้ที่ศูนย์กลางกาย เหนือสะดือขึ้นมา 2นิ้วมือ โดยไม่ตั้งใจมากเกินไป พอทำได้อย่างนี้ สักครู่ ก็มีอาการเหมือนถูกดูดวูบลงไปที่ศูนย์กลางกาย ตอนนั้นใจมันหวิวๆ ยังไงบอกไม่ถูก ซึ่งแรกๆ ผมรู้สึกกลัว แต่จำได้ว่า พระเดชพระคุณหลวงพ่อบอกว่า ให้เฉยๆ ผมก็คิดว่า จะถูกดูดไปไหนก็ไป คงไม่มีใครนั่งสมาธิแล้วตายหรอก
 
พอทำความรู้สึกอย่างนี้ได้ ใจมันก็รวมนิ่งขึ้นไม่ตื่นเต้น จนกระทั่งรู้สึกว่า ตัวเราโปร่งใส เบา แล้วสักครู่ ก็เหมือนมีใครมาจุดพลุขึ้นที่กลางท้อง เห็นเป็นองค์พระพุ่งขึ้นมาพร้อมๆกัน หลายองค์ เต็มไปหมด ซึ่งผมทำใจนิ่งๆต่อไป จนสุดท้าย องค์พระเหล่านั้นก็รวมเป็นองค์เดียว ชัดขึ้น แล้วก็ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น สว่างขึ้น เหมือนตอนเที่ยงวัน แต่ไม่ร้อน มองไปตรงไหน ชัดแจ๋วเลยครับ และผมก็มีความสุขมาก สุขแบบอยากหยุดโลกและเวลา หยุดทุกอย่างไว้แบบนั้น
 
สุขเหมือนอยากจะตัก อยากจะหยิบความสุขออกมาให้คนอื่นเห็น เพราะมันบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ สุขจนผมรู้สึกว่า ทำไมพระอาจารย์กล่าว “สัพเพ...” เร็วจัง ผมจึงต้องหาเวลามานั่งนอกรอบเพิ่มเอง คือ กลางคืนจะมานั่งบนโขดหินที่จุดชมวิวบนสวนพนาวัฒน์ ถึงตี1-2 ตอนกลางคืนมันเงียบสงัดดีครับ อากาศตอนนั้นหนาวมาก แต่ก็ไม่สามารถขัดขวางการนั่งสมาธิของผมได้
 
    พระเดชพระคุณหลวงพ่อครับ พอมาถึงตรงนี้ ผมอยากเรียนถามพระเดชพระคุณหลวงพ่อว่า ทำไม ผมเห็นองค์พระไม่เหมือนคนอื่น คือ เห็นหลายองค์ก่อนแล้วค่อยมารวมเป็นองค์เดียวครับ
 
    (คุณครูไม่ใหญ่: ก็เหมือนกันกับบางคน ให้แล้วแต่ท่าน (องค์พระ) เราก็ตามใจท่านไปก่อน ท่านจะมาให้เราเห็นหลายๆองค์ก่อนก็ได้ แล้วค่อยกลายเป็นองค์เดียว เราก็ดูองค์พระองค์เดียวนั้น ถูกทั้งสองอย่าง)
 
หมายเหตุ เรียบเรียงจากคำตอบของคุณครูไม่ใหญ่ ในรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
 
    ทุกวันนี้ ผมไม่ยอมพลาดบุญเลยแม้สักเพียงบุญเดียว แถมทุ่มทำบุญอย่างสุดๆ อีกทั้งยังเร่งสร้างบารมีแบบติดเทอร์โบ เพราะผมมาช้ากว่าคนอื่นครับ
 
    สุดท้ายนี้ ผมขอกราบขอบพระคุณ พระเดชพระคุณหลวงพ่อมากครับ ที่ทำให้ผมมีวันนี้ หากไม่มีพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ชีวิตนี้ผมคงไม่ได้บวช ดังนั้นบุญทุกบุญและบุญบวชพระของผม ผมถวายให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อทั้งหมดเลยครับ ขอให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อ มีสุขภาพแข็งแรง และอยู่เป็นร่มโพธิ์ให้กับคนทั้งโลกอีก 50,000วันครับ (136ปีเองครับ บวกของเดิม 64 เป็น 200ปีเองครับ)...Love พระเดชพระคุณหลวงพ่อครับ
 
กราบคารวะด้วยความเคารพอย่างสูง
 
พระเฉลิมชัย  ธีรวฑฺโฒ


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ชีวิตพบแต่สิ่งดีๆ เมื่อมี DMC เป็นเพื่อนชีวิตพบแต่สิ่งดีๆ เมื่อมี DMC เป็นเพื่อน

วิธีทำองค์พระให้ใสๆวิธีทำองค์พระให้ใสๆ

ประทีปธรรมแห่งขุนเขาประทีปธรรมแห่งขุนเขา



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ